โปรดิวเซอร์ CNN เผยเหตุ 2 ก.พ. มือปืนใช้อาวุธสงครามระดมยิงผู้ชุมนุมฝ่ายสนับสนุนเลือกตั้งที่หลักสี่

ติดอยู่กลางแนวปืน : คำให้การของโปรดิวเซอร์ CNN เรื่องความรุนแรงในช่วงการเลือกตั้งของไทย





(บันทึกของผู้แปล : ทางเว็บไซต์ cnn.com ได้นำเอาคำบอกเล่าของ Kocha Olarn ซึ่งเป็นโปรดิวเซอร์ของ CNN international ประจำประเทศไทยมาลงในเว็บไซต์ของ CNN ผู้สนใจสามารถอ่านได้ที่ลิงค์Trapped in a gunfight: CNN producer's harrowing account of Thai election violence​)

ตอนนั้นเป็นช่วงสายของวันเสาร์และจนถึงช่วงเวลานั้นก็ยังค่อนข้างสงบ ความวิตกกังวลว่าจะเกิดการปะทะจนเลือดตกยางออกในช่วงกระบวนการเลือกตั้งของไทยยังไม่ได้ปรากฏเป็นจริงขึ้นมา ณ เวลานั้น

พวกเราจึงตัดสินใจเดินทางไปที่ชานเมืองของกรุงเทพในเขตที่เรียกว่าหลักสี่ ซึ่งข้าพเจ้าได้ยินว่ากลุ่มผู้ชุมนุมสนับสนุนการเลือกตั้งกำลังเดินขบวนไปยังสำนักงานเขตหลักสี่ซึ่งเก็บบัตรเลือกตั้งของเขตนั้นเอาไว้ และสำนักงานเขตดังกล่าวถูกปิดกั้นโดยกลุ่มผู้ชุมนุมต่อต้านการเลือกตั้ง

ม่กี่ชั่วโมงต่อมา กลุ่มผู้ชุมนุมสนับสนุนการเลือกตั้งก็มาถึงใกล้สำนักงานเขต แต่ก็เว้นระยะไว้หลายร้อยเมตรจากฝ่ายตรงข้าม ในตอนนั้นอยู่ดีๆข้าพเจ้าเสียงปะทัดขว้างไปมา แม้ข้าพเจ้าจะไม่สามารถจำแนกต้นเสียงได้ชัดเจนว่ามาจากทางใด

จากนั้น -- ก็มีเสียงปืนดังขึ้น

ข้าพเจ้าเห็นผู้ประท้วงฝ่ายสนับสนุนเลือกตั้งผงะและหมอบลงกับพื้น หลังจากนั้นเสียงก็เงียบลงไปพักหนึ่ง จากนั้นผู้ชุมนุมฝ่ายสนับสนุนเลือกตั้งก็รวมตัวกันใหม่ ข้าพเจ้าวิ่งเข้าไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น

ปรากฏว่ามีผู้ชายคนหนึ่งนั่งอยู่ที่พื้น เขาถูกยิงที่หน้าอกแต่ยังพูดได้ การประท้วงที่ค่อนข้างจะสงบสันติได้เกิดความรุนแรงขึ้นเสียแล้วโดยไม่มีการเตือนล่วงหน้า ซึ่งความรุนแรงนั้นก็ปรากฏเพิ่มขึ้นอีกในเวลาต่อมา

กลุ่มผู้ชุมนุมสนับสนุนการเลือกตั้งเริ่มตะโกนด่าทอกลุ่มผู้ชุมนุมฝ่ายคัดค้านการเลือกตั้งที่เพิ่งมาถึงพร้อมกับรถบรรทุกเครื่องเสียงขนาดใหญ่ที่อีกฟากหนึ่งของสี่แยกหลักสี่ ผู้ชุมนุมฝ่ายสนับสนุนการเลือกตั้งคนหนึ่งบอกข้าพเจ้าว่ากระสุนมาจากอีกฟากหนึ่ง

ข้าพเจ้าคิดว่าควรจะถอนตัวและไปรวมกลุ่มกับเพื่อนร่วมงานของข้าพเจ้าที่เพิ่งข้ามถนนมา

ในตอนที่ข้าพเจ้ากำลังจะข้ามถนนนั้น ผู้ปราศัยบนรถบรรทุกบอกว่า “โปรดซ่อนตัวอยู่ทางซ้ายของรถบรรทุกและเดินช้าๆ”

ข้าพเจ้าหลบไปอยู่ข้างหลังแท่งคอนกรีตรูปสี่เหลี่ยมจตุรัสและคิดว่าน่าจะวางกล้องบนแท่งคอนกรีตเพื่อให้ได้ภาพแบบไม่สั่นไหวตอนที่รถบรรทุกเคลื่อนผ่านไป แต่ตอนนั้นเอง ชายสามคนสวมที่ปกปิดใบหน้าวิ่งมาทางข้าพเจ้า มาทางกล้องของข้าพเจ้า พวกเขาเห็นข้าพเจ้าแน่ๆ

กลุ่มบุคคลเหล่านี้เคลื่อนเข้าถึงตำแหน่งที่ข้าพเจ้าอยู่และมีแค่แท่งคอนกรีตเตี้ยๆกั้นระหว่างข้าพเจ้ากับกลุ่มบุคคลดังกล่าว ทันใดนั้นพวกเขาก็เปิดฉากยิงไปทางกลุ่มผู้ชุมนุมสนับสนุนการเลือกต้ัง ชายคนหนึ่งถือถุงใบใหญ่สีเขียวมา ซึ่งดูเหมือนจะซ่อนปืนไรเฟิล(เข้าใจว่าในที่นี้หมายถือปืนไรเฟิลสงครามเช่น M 16 หรือทาวอร์-ผู้แปล)ไว้ข้างใน



ตอนนั้นข้าพเจ้านั่งตัวตรงอยู่ แต่ข้าพเจ้าทิ้งตัวลงกับพื้นทันที สิ่งเดียวที่คิดออกคือต้องให้กล้องของขาพเจ้าบันทึกภาพต่อไป เลนส์ของข้าพเจ้าจะจับภาพมือปืนได้หรือไม่หนอ?

ตอนที่ข้าพเจ้ารู้สึกว่าได้ภาพเรียบร้อยแล้ว ความคิดต่อไปคือ “เราควรจะออกจากที่นี่ดีหรือไม่? แต่ยังไงตอนนี้ก็ยังมีการยิงกันอยู่”

ข้าพเจ้าชะโงกศีรษะจากด้านหลังแท่งซีเมนต์และถามคนที่อยู่ข้างๆว่า “ได้โปรดเถอะ! ฉันออกไปได้หรือยัง” ใบหน้าของเขาดูเหี้ยมเกรียมมาก เขาพูดว่า “คุณนักข่าว อย่าถ่ายภาพนี้นะ ถ้าผมต้องทำลายกล้องของคุณก็อย่าโทษผมแล้วกัน”

ข้าพเจ้าจึงต้องเอากล้องลง นอกจากตัวข้าพเจ้าเองแล้ว มีช่างภาพอีกอย่างน้อย 6 คนซึ่งติดอยู่กับมือปืนเหล่านี้อีกอย่างน้อย 40 นาทีหรือมากกว่านั้น

หลังจากนั้นข้าพเจ้าลองอีกครั้งหนึ่ง “ตอนนี้เป็นเวลาที่ดีที่จะออกไปหรือยัง?”

เขาบอกว่าโอเค “ทำตัวให้ต่ำกว่าแนวกั้นและคลานไปนะ”

พวกเราจึงออกมา ข้าพเจ้าออกมาคนแรก เราคลานตามถนนชิดกับแนวกั้นที่เป็นซีเมนต์ไปตลอด

ในขณะที่คลานอยู่นั้น ข้าพเจ้าเห็นมือปืนอีก 2 คนถือปืนไรเฟิลอยู่โดยไม่ได้ปกปิดใบหน้า พวกเขาก็ยิงไปทางกลุ่มผู้ชุมนุมสนับสนุนการเลือกตั้งเช่นเดียวกัน

ท้ายที่สุดแล้วน่าจะใช้เวลาประมาณ 15 นาทีเพื่อข้ามไปรวมกลุ่มกับมิตรสหายของข้าพเจ้าที่อีกฝั่งถนนหนึ่งแต่ข้าพเจ้ารู้สึกว่าเวลาช่างยาวนานเหมือนชั่วนิรันดร

แม้เหตุการณ์นี้จะเป็นเหตุการณ์เล็กๆในช่วงเวลาการประท้วงหลายเดือน แต่ก็เป็นเครื่องเตือนใจและคำเตือนว่าสถานการณ์ในประเทศไทยยังห่างไกลจากการคลี่คลายมาก อารมณ์ความรู้สึกในหมู่ผู้คนยังคงรุนแรง และน่าเศร้าที่การหลั่งเลือดอยู่ใกล้เพียงแค่ชั่วอารมณ์คลั่งวูบหนึ่งเท่านั้น