เมื่อวันที่ 24 มกราคม 2557 ศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ (กรุงเทพโพลล์) ได้สำรวจความคิดเห็น ประชาชนเรื่อง "การเลือกตั้งท่ามกลางความขัดแย้งทางการเมือง" โดยเก็บข้อมูลกับประชาชนอายุ 18 ปีขึ้นไปทุกภูมิภาคทั่วประเทศ ได้กลุ่มตัวอย่างจำนวน 1,018 คนพบว่า ประชาชนร้อยละ 49.3 ยังไม่เห็นการหาเสียงของผู้สมัคร เห็นเพียง ป้ายหาเสียง และร้อยละ 16.1 ยังไม่เห็นการหาเสียงในรูปแบบใดๆ เลย ขณะที่ร้อยละ 29.7 เห็นการหาเสียงของผู้สมัครแต่ไม่คึกคัก และมีเพียงร้อยละ 4.9 เท่านั้นที่เห็นการหาเสียงของผู้สมัครและคึกคักมาก
เมื่อถามว่า สถานการณ์ความรุนแรงและขัดแย้งทางการเมืองมีผลต่อการไปเลือกตั้งในวันที่2 ก.พ.ที่จะถึงนี้หรือไม่ ส่วนใหญ่ร้อยละ 52.6 เห็นว่ามีผลต่อการไปเลือกตั้ง โดยในจำนวนนี้ร้อยละ 34.3 บอกว่ามีผลทำให้ต้องรอดูสถานการณ์ความรุนแรงอีกทีก่อนที่จะตัดสินใจว่าจะไปเลือกตั้งหรือไม่ และร้อยละ 18.3 ทำให้ไม่อยากไปเลือกตั้ง ขณะที่ร้อยละ 47.4 เห็นว่าไม่มีผลต่อการไปเลือกตั้ง โดยในจำนวนนี้ร้อยละ 23.4 ให้เหตุผลว่าต้องไปเลือกตั้งให้ได้อยู่แล้ว และอีกร้อยละ 24.0 ให้เหตุผลว่าไปเลือกเพราะเป็นหน้าที่
เมื่อถามต่อว่า “หากในวันที่ 2 ก.พ. ที่จะถึงนี้ยังคงมีการเลือกตั้ง ท่านตั้งใจจะออกไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งหรือไม่” ร้อยละ 79.6 ตั้งใจจะออกไปใช้สิทธิ์ ขณะที่ร้อยละ 9.9 ตั้งใจจะไม่ออกไปใช้สิทธิ์ และร้อยละ 10.5 ยังไม่แน่ใจ
ส่วนความเห็นต่อการจัดการเลือกตั้งในวันที่ 2 ก.พ. ที่จะถึงนี้ ประชาชน ส่วนใหญ่ร้อยละ 51.5 เห็นว่าควรมีการเดินหน้าเลือกตั้งตามเดิม ขณะที่ร้อยละ 28.1 เห็นว่าควรปฏิรูปก่อนแล้วค่อยเลือกตั้ง และร้อยละ 20.4 เห็นว่าควรเลื่อนการเลือกตั้งออกไปก่อน
สุดท้ายเมื่อถามว่า “จากข่าวสถานการณ์ความขัดแย้งรุนแรงที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้มีผู้บาดเจ็บ และเสียชีวิต ท่านเห็นด้วยหรือไม่หากกองทัพตัดสินใจทำรัฐประหาร เพื่อยุติความขัดแย้งที่เป็นอยู่” ร้อยละ 56.0 ไม่เห็นด้วย ขณะที่ร้อยละ 21.6 เห็นด้วย และร้อยละ 22.4 ไม่แน่ใจ
ที่มา มติชนออนไลน์