เหมือนกับจะสามารถทำได้เพราะกองทัพประชาชน โค่นระบอบทักษิณก็ตั้งจังก้าอยู่ที่สะพานผ่านฟ้าลีลาศ เพราะเครือข่ายนักศึกษาเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย ก็ตั้งจังก้าอยู่ที่มัฆวานรังสรรค์ ขณะที่การชุมนุมอย่างยืดเยื้อซึ่งบริการจัดการโดยพรรคประชาธิปัตย์ก็คึกคักอย่างยิ่ง ณ บริเวณโดยรอบอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย แต่ก็ใช่ว่าทุกอยางจะง่ายดายเหมือนเมื่อ 7 ปีก่อน ความพยายามในลักษณะ การอย่างนี้เคยกระทำอย่างครึกโครมผ่านองค์การพิทักษ์สยามในการประกาศแช่แข็งประเทศไทยเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2555แต่ก็กลายเป็น ม็อบแดดเดียว จบอย่างรวดเร็ว
มีความพยายามก่อหวอดอีกครั้งด้วยการจัดชุมนุมที่ ท้องสนามหลวง ในเดือนพฤษภาคม 2556 แต่ไม่เวิร์ก ย้ายจาก สนามหลวง ไปที่ สวนลุมพินี ก็ไม่เวิร์ก พยายาม ฉวยโอกาสจากฤกษ์งามยามดีวันที่ 8 ตุลาคม ย้ายจากสวนลุมพินีไปยังบริเวณหน้าทำเนียบรัฐบาล แต่ก็ถูกไล่ต้อน ส่วนหนึ่งหวนกลับสวนลุมพินี ส่วนหนึ่งปักหลักอยู่แยกอุรุพงษ์ แต่ก็ยังไม่คึกคักหนักแน่นเท่าแผ่นผา
ที่สุด ประชาธิปัตย์ก็ต้อง ออกโรง การออกโรงของพรรคประชาธิปัตย์ถอดพิมพ์เขียวจากพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยอย่างซื่อสัตย์คงมั่นเริ่มต้นที่ สามเสน แล้วค่อยย้ายไป ราชดำเนิน เหมือนพันธมิตรซึ่งเริ่มที่สวนลุมพินีในปี 2548 สะสมกำลังแล้วยกระดับไปยังลานพระบรมรูปทรงม้านับแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2549 กระนั้น รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็มิได้เป็น เป้านิ่ง ตรงกันข้าม ที่แวดล้อมอยู่
โดยรอบรัฐบาลกลับเป็นขบวนการของ นปช.แดงทั้งแผ่นดิน จัดทั้งในพื้นที่ กทม.และในส่วนภูมิภาค ปกป้อง รัฐบาล ปกป้อง ประชาธิปไตย สัญญาณอันมาจาก นปช.แดงทั้งแผ่นดินขณะที่มี ประชาธิปัตย์ อยู่ถนนราชดำเนินเหมือนเตือน
เตือน ให้รับรู้ว่าโอกาสที่จะมีสถานการณ์แบบเมื่อเดือนกันยายน 2549 โอกาสที่จะมีสถานการณ์เหมือนเดือนธันวาคม 2551 มิใช่ว่าจะดำเนินไปด้วยความราบรื่นและง่ายดาย เท่ากับเตือนให้สรุปบทเรียนตลอดเวลา 7 ปีว่าเป็นอย่างไร
ที่มา ข่าวสด