ศาลยกคำร้องเพิกถอนประกัน ‘จตุพร-ณัฐวุฒิ’ แต่เตือนให้ระวังการปราศรัย




 เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 18 เม.ย. ที่ศาลอาญา รัชดาฯ นายบรรจบ รุ่งโรจน์ อดีต ส.ส.ชลบุรี พรรคประชาธิปัตย์ นายสาธิต ปิตุเตชะ อดีตส.ส. ระยอง พรรคประชาธิปัตย์ และนายทศพล เพ็งส้ม อดีตส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ เดินทางมาตามที่ศาลอาญานัดไต่สวนข้อเท็จจริงพยานในคดีที่นายบรรจบ รุ่งโรจน์ อดีตส.ส. ชลบุรี พรรคประชาธิปัตย์ รับมอบอำนาจจากนายสาธิต ปิตุเตชะ อดีตส.ส. ระยอง พรรคปชป. ยื่นคำร้องขอให้ศาลเพิกถอนการปล่อยตัวชั่วคราว นายจตุพร พรหมพันธุ์ และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. ในฐานะจำเลยที่ 2 และ 3 ในคดีก่อการร้ายเมื่อปี 2553 ว่ามีพฤติการณ์เข้าข่ายผิดเงื่อนไขการปล่อยตัวชั่วคราวของศาลหรือไม่ จากกรณีเมื่อวันที่ 23 ก.พ. ที่ผ่านมา นายจตุพรและนายณัฐวุฒิ ได้ขึ้นเวทีปราศรัยที่ จ.นครราชสีมา โดยมีการพูดจายั่วยุปลุกปั่น เชิญชวนให้ตัวแทนกลุ่มนปช. ในจังหวัดต่างๆ  เตรียมอาวุธและกำลังคนเพื่อร่วมต่อต้านกลุ่มกปปส.

 โดยก่อนการไต่สวน นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความจำเลย ยื่นคำร้องต่อศาลขอให้เลื่อนพิจารณาคดีไปนัดไต่สวนในวันเดียวกับวันสืบพยานคดีก่อการร้าย ในวันที่ 8 พ.ค. โดยนำใบรับรองแพทย์ ของนายจตุพร ที่ป่วยเป็นไข้ เจ็บคอ เสียงแหบ และนายณัฐวุฒิ ที่คออักเสบ และทั้งคู่ไม่ได้เดินทางมาในวันนี้ ยื่นต่อศาล ประกอบกับขอระยะเวลาในการขอรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อนำมาประกอบสำนวน แต่ศาลพิจารณาคำร้องเห็นว่า จำเลยทราบนัดไต่สวนโดยชอบ สามารถแต่งตั้งทนายมาซักค้านได้ ประกอบกับการไต่สวนเรื่องถอนประกัน เป็นเรื่องของศาลที่จะต้องพิจารณา รายละเอียดข้อเท็จจริงว่าจำเลยที่ 2 และ 3 ได้กระทำผิดเงื่อนไขอันเป็นเหตุให้ถอนประกันหรือไม่ จึงเห็นว่าการเลื่อนพิจารคดีไม่เป็นประโยชน์ จึงไม่อนุญาตให้เลื่อน และดำเนินการสืบพยาน 3 ปาก ได้แก่ นายสาธิต นายบรรจบ และนายทศพล

 นายสาธิต เบิกความสรุปว่า จากการติดตามถ่ายทอดสดการจัดงาน ลั่นกลองรบ ของนปช. ที่จ.นครราชสีมา เมื่อวันที่ 23 ก.พ. ที่ผ่านมา โดยมีแกนนำหลักในการจัดงาน ประกอบด้วย นางธิดา โตจิราการ นายจตุพร พรหมพันธุ์ และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ พบว่ามีแกนนำบางคนขึ้นเวทีปราศรัยว่า จะใช้อาวุธปืนกับผู้ที่เห็นต่าง แกนนำ จ.ชลบุรี ปราศรัยบนเวทีเสนอให้ใช้เฮลิคอปเตอร์เล็ก หรือโดรน บรรทุกระเบิดไปปล่อยในบ้านอำมาตย์ที่คิดต่าง แกนนำ จ.ชลบุรี ปราศรัยแสดงความยินดีต่อกรณีเหตุระเบิด และกราดยิงใส่กลุ่มกปปส. ที่จ.ตราด จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต รวมถึงมีการปราศรัยในลักษณะยั่วยุให้มีการทำร้าย และฆ่าคนอื่น

 นายสาธิต เบิกความอีกว่า ภายหลังแกนนำแต่ละจังหวัดปราศรัยเสร็จสิ้น นายณัฐวุฒิ ได้เป็นผู้รวบรวม และสรุปผลข้อเสนอจากแกนนำแต่ละจังหวัด โดยนายณัฐวุฒิได้ยอมรับการปราศรัยของแกนนำทั้งหมด พร้อมกล่าวกับผู้ชุมนุมว่าให้ทั้งหมดกลับบ้านไปเตรียมความพร้อม เพื่อดำเนินการตามที่ได้มีการพูดคุยกันในวันดังกล่าว นอกจากนี้ นายณัฐวุฒิ ยังมีการทำผิดเงื่อนไขการประกันตัวอีกหลายกรณี เช่น การปราศรัยว่า ให้นายกฯ ไม่ต้องไปรับทราบข้อหาของป.ป.ช. การจัดตั้งกองกำลังชายฉกรรจ์แต่ละจังหวัด จังหวัดละไม่ต่ำกว่า 100 คน และการจัดตั้งรัฐบาลพลัดถิ่น ซึ่งเป็นช่วงที่รัฐบาลประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน และพ.ร.บ.ความมั่นคงฯ


 นายสาธิต เบิกความต่อว่า นายจตุพรไม่ได้ปราศรัยปฏิเสธความรุนแรงที่แกนนำแต่ละจังหวัดพูดบนเวที รวมถึงยังมีการพูดจายุยงปลุกปั่นให้เกิดความรุนแรงโดยให้ผู้ชุมนุมไปเตรียมการเพื่อจัดการชุมนุมต่อไป มีการปราศรัยโจมตีองค์กรอิสระ ว่าหากปฏิบัติหน้าที่ด้วยความอยุติธรรม ก็ขอให้รัฐบาล และผู้เกี่ยวข้องต่อต้านโจมตี รวมถึงมีการโจมตีป.ป.ช. และศาลว่าไม่เป็นกลาง นอกจากนี้ นายจตุพร และนายณัฐวุฒิ ยังได้ปราศรัยยุยงปลุกปั่นในลักษณะเดียวกันอีกหลายครั้ง ไม่เฉพาะในวันที่ 23 ก.พ. จึงเห็นว่าการกระทำของทั้งคู่เป็นการทำผิดเงื่อนไขของศาล สมควรถอนประกัน เพื่อป้องกันความสูญเสีย ที่จะเกิดกับบ้านเมือง

 นายบรรจบ เบิกความสรุปว่า จากการติดตามการปราศรัยของแกนนำชลบุรี และแต่ละจังหวัด เมื่อวันที่ 23 ก.พ. ที่จ.นครราชสีมา พบว่าเป็นการยั่วยุให้ประชาชนทำผิดกฎหมาย และไปละเมิดคนอื่น รวมถึงนายณัฐวุฒิ ที่เป็นผู้ปราศรัยสรุป และตระเตรียมนัดหมายผู้ชุมนุมที่อาจก่อให้เกิดการกระทำผิดกฎหมายได้ จึงเห็นว่าศาลควรถอนประกันจำเลยทั้งสองคน

 นายทศพล เบิกความสรุปว่า ติดตามการปราศรัยเมื่อวันที่ 23 ก.พ. ที่จ.นครราชสีมา พบว่านายจตุพร ได้พูดจายุยงปลุกปั่นให้คนเตรียมตัวมาร่วมชุมนุมในกทม.และมีการพูดพาดพิงถึงนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการกปปส. ว่ามีส่วนในการฆ่าคนเสื้อแดง หรือนปช. เมื่อปี 2553 และพูดจายุยงให้ผู้ชุมนุมโกรธเคืองคณะรัฐประหาร ปี 2549 นอกจากนี้ ยังมีข้อความอีกหลายตอนที่ทำให้ผู้คนเกิดอารมณ์ ร่วมในการก่อความรุนแรง ในสังคม ส่วนนายณัฐุวฒิ ได้ปราศรัยให้ผู้ชุมนุมเตรียมตัวเดินทางไปชุมนุมที่กทม. ซึ่งตนฟังแล้วคิดว่าอาจนำไปสู่ความรุนแรงในบ้านเมืองได้

 โดยหลังการไต่สวนเสร็จสิ้น ศาลเห็นว่าคดีสามารถวินิจฉัยได้โดยไม่ต้องฟังพยานเบิกความเพิ่มเติมอีก จึงงดไต่สวนพยานอื่น และถือว่าเสร็จสิ้นการไต่สวนเท่านี้ โดยให้เลื่อนไปฟังคำสั่งในเวลา 15.00 น. วันนี้

 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการไต่สวนในวันนี้ นายจตุพร และนายณัฐวุฒิไม่ได้เดินทางมาศาลแต่อย่างใด โดยมีนพ.เหวง โตจิราการ และนายยศวริศ ชูกล่อม แกนนำนปช. เดินทางมาร่วมฟังการไต่สวน


 จากนั้น เวลา 15.30 น. ศาลพิเคราะห์เห็นว่า ไม่ปรากฎว่านายจตุพร และนายณัฐวุฒิ ปราศรัยยุยงปลุกปั่นทำให้ความวุ่นวาย หรืออันตรายต่อบ้านเมือง หรือทำการใดๆ อันจะทำให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมาย กรณีที่จำเลยทั้งสองคนปราศรัยให้ประชาชนออกมาต่อต้านการรัฐประหาร ย่อมเป็นสิทธิที่สามารถทำได้ เพราะการรัฐประหารถือว่าผิดกฎหมายอยู่แล้ว ส่วนกรณีที่มีการปราศรัยให้ประชาชนออกมาชุมนุมต่อกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญกำลังจะมีคำวินิจฉัยนั้น ถือเป็นสิทธิของประชาชนที่สามารถแสดงความคิดเห็นได้ แม้จะไม่เห็นด้วยกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ แต่คำวินิจฉัยก็ต้องเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย

 ชั้นนี้ จึงไม่เพียงพอจะรับฟังว่านายจตุพร และนายณัฐวุฒิ กระทำผิดเงื่อนไขการปล่อยตัวชั่วคราว จึงไม่มีเหตุให้เพิกถอนการปล่อยตัวชั่วคราว แต่ขอให้ทั้งสองระมัดระวังการจัดการชุมนุม และการปราศรัย ซึ่งอาจเข้าข่ายผิดเงื่อนไขศาลได้

 ภายหลังฟังคำสั่งเสร็จสิ้น ศาลนัดสืบพยานในคดีก่อการร้ายตามนัดหมายเดิม คือ วันที่ 8 พ.ค.

 ด้านนายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความ กล่าวว่า ศาลมีคำวินิจฉัยว่าลำพังพยาน และข้อเท็จจริง ยังไม่ผิดเงื่อนไขการปล่อยตัวชั่วคราว เพราะการแสดงออกของทั้งสองคนเป็นสิทธิที่สามารถทำได้ ส่วนการต่อต้านรัฐประหาร ก็สามารถทำได้ เพราะการรัฐประหารเป็นความผิดตามกฎหมาย  เช่นเดียวกับการแสดงความคิดเห็นต่อกรณีศาลรัฐธรรมนูญ ที่สามารถแสดงออกได้ตามสิทธิของประชาชนตามรัฐธรรมนูญเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ศาลได้กำชับเรื่องการชุมนุม และปราศรัยของทั้งสองคนในอนาคต ไม่ให้ละเมิดเงือนไขการปล่อยตัวชั่วคราว

 นายวิญญัติ กล่าวต่อว่า ถือว่าได้รับความเมตตาจากศาล และที่ผ่านมา ศาลอาญาก็ได้พิสูจน์ให้เห็นมาโดยตลอดว่ามีความยุติธรรมในการพิจารณาคดี ซึ่งตนก็ได้แจ้งให้ทั้งนายจตุพร และนายณัฐวุฒิทราบคำสั่งศาลเรียบร้อยแล้ว โดยทั้งคู่ได้ฝากตนขอบคุณศาลอาญา และรับปากว่าจะควบคุมการชุมนุมไม่ให้เกิดความวุ่นวาย และจะรักษากฎหมาย ไม่ละเมิดเงื่อนไขของศาล


ที่มา ข่าวสด