ประกาศ
ประกาศ นปช.แดงทั้งแผ่นดิน
รับชมการถ่ายทอดสดจาก ถ.อักษะ
Broadcast live streaming video on Ustream
ประมวลภาพ นปช. "รวมพลปราบกบฏ" ถนนอักษะ 10 พ.ค. 2557
รับชมการถ่ายทอดสดจาก ถ.อักษะ
Broadcast live streaming video on Ustream
ประมวลภาพ นปช. "รวมพลปราบกบฏ" ถนนอักษะ 10 พ.ค. 2557
"แถลงข่าวถลกหนังเทิอก" ณัฐวุฒิเปิดโผนายกฯ คนกลาง (ชมคลิป)
เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 24 มี.ค. ที่ห้างอิมพีเรียลเวิลด์ ลาดพร้าว นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. กล่าวในรายการถลกหนังเทือก ว่า ศาลรัฐธรรมนูญชี้ว่าการเลือกตั้งโมฆะ แต่ชี้ว่าใครผิดไม่ได้เพราะต้องคุ้มครองเครือข่ายอำมาตยา หากมีการเลือกตั้งใหม่ นายจตุพรไม่ลงเลือกตั้ง เพราะจะตกอยู่ภายใต้กติกาหยุมหยิมของกกต. อย่างไรก็ตามเชื่อว่าการเลือกตั้งไม่มีทางสำเร็จได้หากยังยึดคำวินิจฉัยของศาลรับธรรมนูญ ส่วนประเด็นนายกฯ คนกลาง ไม่มีกฎหมายใดให้ประธานวุฒิสภายื่นทูลเกล้าฯ ได้ เพราะเป็นอำนาจของรัฐสภา และนายกฯ ต้องมาจากสภาผู้แทนฯ เท่านั้น
“วันนี้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ขึ้นศาลคดีสลายการชุมนุม และศาลเลื่อนตรวจสอบพยานหลักฐานออกไปเป็นวันที่ 23 มิ.ย. ถามว่าการไต่สวนการพิจารณาในชั้นของป.ป.ช.จะวินิจฉัยอย่างไร เมื่อศาลอาญาตัดสินว่าการตายของ 6 ศพ วัดปทุมฯ เกิดจากคำสั่ง ศอฉ. คดีทางวินัยเรื่องสั่งชอบหรือไม่ชอบก็ว่าไป แต่คดีการสั่งฆ่าเป็นอำนาจศาลอาญาและคดียังมีอายุความในป.ป.ช. หากป.ป.ช.ปล่อยอภิสิทธิ์และสุเทพ เทือกสุบรรณ ให้ไม่มีความผิด ประเทศนี้ก็จะยิ่งอยู่ยาก องค์กรอิสระเหล่านี้เหมือนทีวี อำมาตย์เหมือนรีโมตที่จะเลือกช่องไหนก็ได้ กดเคลื่อนได้ตามความต้องการ” นายจตุพร กล่าว
ด้านนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช. กล่าวว่า รวบรวมรายชื่อคนที่คิดว่าจะมาเป็นนายกฯ คนกลางของนายสุเทพ โดยแบ่งหมวดหมู่เป็นกลุ่มตัวเต็ง กลุ่มตัวสอดแทรก และกลุ่มม้ามืด เพื่อทวงถามความเป็นธรรมให้กับสังคมไทย หลังจากนายกฯ ที่มาจากการเลือกตั้งถูกจับไปโขกสับบนเวที กปปส.มาตลอด 5 เดือน ดังนั้น เมื่อนายสุเทพจะเอาคนดีมาเป็นนายกฯ ให้ประชาชน ประชาชนจึงควรมีสิทธิ์พิจารณาว่าใครเป็นใคร แต่ไม่ได้กล่าวหาหรือให้ร้ายว่าท่านเหล่านี้เป็นปฏิปักษ์ของประชาธิปไตยแต่อย่างใด และจะไม่ขอเรียกว่านายกฯ มาตรา 7 หรือนายกฯ คนกลาง แต่จะขอเรียกว่านายกฯ เถื่อน เพราะเป็นนายกฯ นอกกฎหมาย
นายณัฐวุฒิ กล่าวต่อว่า ในกลุ่มตัวเต็ง 3 คนนั้น เต็งสามได้แก่ นายอานันท์ ปัณยารชุน เป็นนายกรัฐมนตรีมา 2 สมัย และมาโดยวิธีนอกกติกามาตลอด ได้รับเงินหลายร้อยล้านในการทำแผนปฏิรูปประเทศไทย แต่ปัจจุบันไม่เห็นผลอะไร ปัจจุบันมีบทบาทสำคัญในแวดวงธุรกิจโดยเฉพาะธนาคารยักษ์ใหญ่ เคยชวนนายแบงก์ไม่ให้สนับสนุนโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล เต็งสองได้แก่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีตผบ.ทบ.ยุครัฐบาลทักษิณ หลังรัฐประหารได้รับตำแหน่งสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เป็นพี่ใหญ่ในทหารกลุ่มบูรพาพยัคฆ์ มีบทบาทสำคัญในการรัฐประหาร 19 ก.ย. 2549 และในช่วงเปลี่ยนขั้วทางการเมืองสมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ซึ่งตั้งขึ้นในค่ายทหาร นอกจากนี้ยังเป็นหนึ่งในผู้ประสานงานของผู้นำระดับสูงของซีกข้างรัฐบาลและซีกข้างผู้ชุมนุมเพื่อตกลงให้เกิดสูตรใหม่ทางการเมืองให้ได้
“ส่วนเต็งหนึ่ง คือ นายพลากร สุวรรณรัฐ พ่อเป็นคน อ.สิชล จ.นครศรีธรรมรราช เติบโตในกระทรวงมหาดไทย เคยเป็นเลขาธิการศอ.บต. และผู้ว่าฯ หลายจังหวัด มีความสนิทสนมกับนักการเมืองหลายฝ่าย แต่สนิทแนบแน่นกับพรรคประชาธิปัตย์ มีรายงานว่าช่วงต้นการชุมนุม กปปส. เคยนัดพบกับนายสุเทพที่แปซิฟิกคลับ ซึ่งเป็นที่ที่นายสุเทพมีบารมีมาก นอกจากนี้เครือข่ายสายมหาดไทยที่เคลื่อนไหวร่วมกับนายสุเทพ ก็เป็นสายเดียวกับนายพลากร สถานะของนายพลากรแม้จะเป็นองคมนตรีก็ไม่ได้เป็นอุปสรรค หากดูจากหน้าประวัติศาตร์ สามารถลาออกมารับตำแหน่งได้
นายณัฐวุฒิ กล่าวต่อว่า กลุ่มสอดแทรกได้แก่ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล เคยเป็นผู้ว่าฯ แบงก์ชาติ หลังรัฐประหารมาทำหน้าที่รองนายกฯ สมัยรัฐบาลสุรยุทธ ควบตำแหน่งรมว.คลัง เป็นคนยืนได้ทุกที่ไม่ว่าการเมืองจะเปลี่ยนไปอย่างไร คือ หาจุดยืนไม่ได้ ผลงานที่ทำให้คาดว่าจะได้เป็นนายกฯ เถื่อน มาจากท่าทีที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์โครงการรับจำนำข้าว ตัวสอดแทรกอีกคนหนึ่ง คือ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เคยเป็นที่ปรึกษาบริษัทในเครือชิน คอร์ปอเรชั่น เป็นรัฐมนตรีและรองนากยกฯ ในสมัยรัฐบาลพรรคไทยรักไทยมาตลอด แต่บทบาทขณะนี้เดินสายติดต่อกับฝ่ายตรงข้ามกับประชาธิปไตย
ส่วนกลุ่มม้ามืด ได้แก่ ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย เคยเข้าชิงตำแหน่งเลขาธิการสหประชาชาติสมัยรัฐบาลทักษิณ และอยู่ในวงเจรจาปรองดองหลังเหตุการณ์พฤษภา 2553 นายอาสา สารสิน ลูกชายของนายพจน์ สารสิน อดีตนายกฯ อดีตรมว.การต่างประเทศในสมัยรัฐบาลอานันท์ มีบทบาทในภาคเอกชนหลายแห่ง และคนสุดท้าย นายวิกรม กรมดิษฐ์ ผู้บริหารภาคธุรกิจที่ต้องจับตามอง
ส่วนอีกคนมีคนพยายามยัดเยียดให้เป็นอัศวินม้าขาว คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. แต่ก็ยังชื่นใจที่ท่านยืนยันว่าจะไม่รับสัญญาณจากใคร และสุดท้ายที่อันตรายมากเรียกว่า ตัวกระเสือกกระสน แสดงออกชัดมากว่าอยากเป็นนายกรัฐมนตรี คือ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
“หากมีความคืบหน้าของกลุ่มบุคคลดังกล่าว ว่ามีน้ำหนักเพิ่มลดจะมีการจัดอันดับใหม่อีกครั้ง ส่วนตัวไม่รู้สึกกังวลว่าการพูดแบบนี้จะเกิดความเสียหายหรือไม่ เพราะไม่ได้กล่าวหาใคร ท่านเหล่านั้นก็ไม่ได้แสดงอะไรออกมาชัดเจน และหากทุกท่านพร้อมใจกันปฏิเสธ จะได้ชัดเจนว่าวิธีการอย่างนี้ไม่มีใครต้องการ และขออย่าได้คิดว่าผมไปรุกรานหรือเป็นศัตรูกับท่าน เพราะไม่มีเจตนาอื่นแอบแฝง นอกจากต้องการให้ประเทศเดิหน้าด้วยระบอบประชาธิปไตย” แกนนำ นปช. กล่าว
ที่มา ข่าวสด