แถลงข่าวนปช.แดงทั้งแผ่นดิน "ในสถานการณ์พิเศษ" 4 ม.ค.57 (ชมคลิป)




ทีมข่าว นปช.
4 มกราคม 2557


วันนี้ (4 ม.ค.57) เมื่อเวลา 13.00 น. ที่ห้างอิมพีเรียล เวิล์ด ลาดพร้าว นำโดยอ.ธิดา ถาวรเศรษฐ ประธานนปช. คุณจตุพร พรหมพันธุ์ และแกนนำนปช.ส่วนกลางร่วมกันแถลงข่าว



ทั้งนี้ อ.ธิดา ถาวรเศรษฐ ประธานนปช. กล่าวว่า ในสถานการณ์ที่เป็นจุดผันเปลี่ยนทางการเมืองของประเทศไทย เราได้เฝ้าดูเหตุการณ์ด้วยความอดทน ใช้สติปัญญา และไม่ซ้ำเติมประเทศ ในวันนี้สถานการณ์เข้มข้น เราต้องจับตาดูการเลือกตั้งวันที่ 2 ก.พ.ว่า จะราบรื่นหรือไม่ เป็นที่น่าเสียใจว่า มีเพียงไม่กี่จังหวัดที่มีกลุ่มที่เรียกตัวเองว่า มวลมหาประชาชนออกมาขัดขวางการเลือกตั้ง จนทำให้ผู้ที่ต้องการยื่นสมัครเข้ารับการเลือกตั้งไม่ได้สมัครกว่า 100 คนและการกระทำของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เองก็แสดงให้เห็นว่า กกต.ไม่มีความพยายามที่จะให้มีการเลือกตั้งตามภาระหน้าที่ ขอให้กกต.พิจารณาตัวเอง ถ้าไม่ลาออกก็ต้องถูกฟ้องร้องขอให้เตรียมตัวไว้ ทั้งนี้คณะกรรมการกฤษฎีกา ได้ระบุไว้แล้วว่า ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 108 จะเลื่อนวันเลือกตั้งไม่ได้  การที่นายมีชัย ฤชุพันธุ์ อดีตประธานรัฐสภา อ้างว่า จะเกิดการจราจลนั้น ตนคิดว่าไม่มี เพียงแต่บางจังหวัดการเลือกตั้งอาจไม่มีความเรียบร้อย แต่ทั่วประเทศยังสงบเรียบร้อยจึงไม่สามารถเลื่อนวันเลือกตั้งได้แน่นอน ส่วนที่จะมีการเสนอ พ.ร.ฎ.เลือกตั้งใหม่ฉบับใหม่นั้นก็ทำไม่ได้ เพราะขณะนี้ไม่มีรัฐสภา จึงไม่สามารถเลื่อนวันเลือกตั้งได้ แต่ตามกฎหมายสามารถเลื่อนวันรับสมัครและวันลงคะแนนได้ แต่กกต.ไม่ทำ อ้างโยนไปให้ศาลฎีกา แผนกคดีการเลือกตั้ง แต่ความเป็นจริงทำไม่ได้ พฤติกรรมของกกต.และเครือข่ายกฎหมายขานรับกลุ่มคณะกรรมการประชาชน เพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศ ให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข (กปปส.) เพราะเป็นพวกเดียวกันหรืออย่างไร ทั้งนี้ต้องการให้รัฐบาลและฝ่ายกฎหมายดำเนินการให้ถึงที่สุด เพื่อให้การเลือกตั้งสามารถบรรลุได้ เป็นเครื่องมือในระบบที่แสดงให้เห็นว่าคนไทยต้องการใครเป็นตัวแทน

ประธานนปช. ยังกล่าวอีกว่า การปฎิรูปประเทศของกปปส.และพรรคประชาธิปัตย์เป็นเรื่องเท็จทั้งหมด เพราะเริ่มต้นด้วยการบังคับสังคมไทยที่ต้องยอมรับความเป็นอันธพาลของคนจำนวน น้อย คนทั่วไปมองว่ากปปส.ไม่ได้ต้องการการปฏิรูป แต่ต้องการเผด็จการอำนาจไว้ในมือ ขณะนี้มีคนหลายกลุ่มที่ไม่ใช่กลุ่มคนเสื้อแดงออกมาสนับสนุนการเลือกตั้ง และยังมีกลุ่มที่ออกมาต่อต้านการปิดกทม.ของกปปส.ในวันที่ 13 ม.ค. ประชาชนเหล่านี้ไม่ใช่คนเสื้อแดงแต่ต้องการปกป้องผลประโยชน์ของคนกทม. ตนขอให้กำลังใจทุกกลุ่มทุกฝ่ายและขอให้ประชาชนเตรียมตัวให้พร้อม เพราะช่วงเวลาต่อไปอาจจะเป็นของจริง อย่างไรก็ตามนปช. ขอเสนอว่าหากรัฐบาลจะดำเนินการปฏิรูปประเทศ คณะกรรมการต้องมีส่วนยึดโยงกับประชาชน จำเป็นต้องมีองค์ประกอบเป็นประชาชน และขอให้การคัดสรรสภาประชาชนมาจากการเลือกตั้งแบบเดียวกับสภาร่างรัฐธรรมนูญ

ด้านคุณจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำนปช.กล่าวว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นและดำรงอยู่ในปัจจุบันนั้น เราอาจเอาประวัติศาสตร์ของประเทศไทยมาเทียบเคียง ตามห่วงเวลาต่างๆได้ อย่างที่อ.ธิดา ได้เรียนกับท่านทั้งหลาย การรัฐประหารในประเทศไทยนั้นไม่มีวันเป็นครั้งสุดท้าย ถ้าได้ถอยย้อนในปี 2548 นับตั้งแต่การเลือกตั้ง 6 ก.พ.ปี48 ที่ไทยรักไทยที่ 377 ประชาธิปัตย์ได้ 96 ห่างกัน 4 เท่าตัวนั้น เมื่อสนธิล้มออกมาขับเคลื่อนร่วมกับพรรคประชาธิปัตย์ นำพาให้นายกทักษิณยุบสภาในปี 49 เลือกตั้ง 2 เมษายน 2549 ก็เกิดโมฆะด้วยเหตุผลใน ศาลรัฐธรรมนูญในขณะนั้น ซึ่งไม่อาจหาเหตุผลได้ จึงตัดสินให้การเลือกตั้งที่หันก้นออกเป็นโมฆะทั้งประเทศ หลังจากนั้นบ้านเมืองเกิดความสับสน จนได้มีพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งใหม่ ในวันที่ 15 ต.ค. 2549 เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดที่เกิดขึ้นคือพันธมิตรนัดชุมนุมใหญ่วันที่ 20 ก.ย.ปี49 ณ บริเวณพระบรมรูปทรงม้า ก่อนจะถึงวันที่ 20 ก.ย. 49 วันที่ 19 ก.ย. 49 พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน เป็นหัวหน้าคณะรัฐประหาร โดยอ้างว่าถ้าไม่ยึดอำนาจในวันที่ 19 ก.ย. พอวันที่ 20 คนไทยจะฆ่ากัน เพราะฉะนั้นเขาจึงมายุติความตายของประชาชนทั้ง 2ฝ่ายเกิดขึ้นมาก่อน ทั้งที่ไม่เคยปรากฏว่าจะมีกองกำลังสนับสนุนรัฐบาลมาก่อน จะเกิดทางมาฆ่ากันของพันธมิตร แต่คณะรัฐประหารได้หยิบยกเรื่องนี้มาเป็นข้ออ้าง

คุณจตุพรกล่าวต่อว่า ประวัติศาสตร์ที่พวกนี้กำลังเดิน การชุมนุมของนายสุเทพ ที่ประกาศในวันที่ 13 ม.ค. ตนคิดว่ากำลังเหมือนกับ วันที่ 20 ก.ย.49 ตนขอเรียนไปยังพี่น้องและสื่อสารไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ จันโอชา  ตนขอถามในฐานะที่เป็นลูกผู้ชายด้วยกัน การจัดงานกองทัพไทย ในวันที่ 18 ม.ค.นี้ มีเหตุผลใดที่จะต้องขนรถถังจากจังหวัดปราจีนบุรี และจังหวัดลพบุรี ในระหว่างวันที่ 6 - 9 อีก 2วันข้างหน้าต่อไปนี้   เพราะถ้าต้องการแสดงแสงยานุภาพก็สามารถเอารถถังออกมาจากเกียรติกายได้ ออกมาจากม.พัน4 ได้ ไม่มีความจำเป็นต้องเอาออกมาจากปราจีนบุรีและลพบุรี  และการชุมนุมเมื่อปี 53 มีการประกาศใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ทั้งที่การชุมนุมของกปปส.ที่ประกาศจะปิดกทม. นั้นมีความรุนแรงมากกว่า  นอกจากนี้ขอให้ผู้บริหารรถไฟฟ้าบีทีเอสตรวจสอบสภาพรถไฟฟ้าว่าในวันที่ 13 ม.ค.เป็นต้นไป รถไฟฟ้าบีทีเอสจะไม่หยุดเดินรถ เพราะไม่เช่นนั้นความเสียหายจะเกิดขึ้นกับประชาชนเป็นโดมิโน่ การประกาศใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน หลายคนห่วงว่าทหารออกมาแล้วจะไม่กลับและยึดอำนาจ ตนไม่กลัว เพราะการที่ทหารออกมาในที่แจ้งเป็นเรื่องดี  ตนอยากให้นายสุเทพปิดกทม. 20 วัน และจะดูว่าคนกทม.จะอดทนได้นานเท่าไหร่ ซึ่งเชื่อว่าจะไม่เกิน 7 วัน  เราควรมีสติในการต่อสู้ ถ้าได้ยินว่า จะมีปฏิวัติรัฐประหารขอให้ประชาชนออกมา

ขณะที่ด้านนพ.เหวง โตจิราการ แกนนำนปช. กล่าวว่า ขอให้ทุกคนเตรียมตัวให้พร้อม วันที่ 7 ม.ค.จะมีการคัดสรรตัวแทนตั้งแต่ระดับหมู่บ้าน 7 หมื่นกว่าหมู่บ้านทั่วประเทศ มีแกนนำผู้รักประชาธิปไตยและแกนนำคนเสื้อแดง ไม่ต่ำกว่า 5,000 คนมาประชุมเพื่อเตรียมรับมือต่อต้านการรัฐประหาร และนายสุเทพ  ส่วนสถานที่นั้นแกนนำจะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง ทั้งนี้ตนแปลกใจทหารประเทศนี่แปลกกว่าประเทศอื่น โดยเฉพาะตำแหน่งผบ.ทบ. ซึ่งเทียบเท่ากับอธิบดีกรม แต่สามารถสั่งรัฐบาลได้ โดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.ที่พูดเรื่องพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ในลักษณะบ่งการชี้นำผู้นำประเทศ ราวกับเป็นนายกรัฐมนตรีเอง การที่นายสุเทพประกาศยึดกทม.แต่พล.อ.ประยุทธ์ กลับไม่เห็นด้วยกับการประกาศใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แต่เมื่อปี 53 กลับมีการประกาศใช้ เปรียบเสมือนสมรู้ร่วมคิดกับนายสุเทพ ตนสงสัยว่า เกมของนายสุเทพจะปิดได้คือปิดด้วยการรัฐประหารของทหาร อย่างไรก็ตามขอเตือนทหารว่า อย่าคิดทำรัฐประหาร เพราะเชื่อว่าประชาชนไทยยอมพลีชีพต่อต้านรัฐประหาร.