ทีมข่าว นปช.
30 มกราคม 2557
วันนี้ (30 ม.ค.)เมื่อเวลา 13.00 น.ที่ห้างสรรพสินค้าอิมพีเรียลเวิลด์ลาดพร้าว ชั้น 6 กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ร่วมกันแถลงข่าว
โดยวันนี้ อ.ธิดา ถาวรเศรษฐ ประธานนปช. กล่าวว่า ณ บัดนี้เป็นที่ชัดเจนว่าทั้ง กกต.และรัฐบาลได้ตกลงร่วมกันแล้วว่า จำเป็นที่จะต้องเดินหน้าตามกฏหมายและรัฐธรรมนูญคือ จัดให้มีการเลือกตั้งวันที่ 2 กุมภาพันธ์ให้ได้ดีที่สุด โดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะอ้างว่าจะเป็นโมฆะ แต่เห็นว่าการใช้กฎหมายยื่นให้ระงับคงทำไม่ได้ เพราะเหตุว่าถ้าไม่ทำก็จะต้องถูกฟ้องฐานไม่ปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา157 สถานการณ์ก่อนถึงวันเลือกตั้ง ถ้าพิจารณาภาพรวมทั้งหมดของ กปปส.และสุเทพ ซึ่งเป็นตัวจับสำคัญของระบอบอำมาตย์ แรกๆมีฐานะเป็นฝ่ายรุก โดยรัฐบาลเสนอพรบ.นิรโทษกรรมฉบับที่มีคนต่อต้านกันมาก เมื่อรัฐบาลถอนไปแล้ว กปปส.เดินหน้าต่อเป้าหมายไม่ใช่ล้มรัฐบาลแต่ล้มระบอบประชาธิปไตย เมื่อรัฐบาลยุบสภา ในฐานะฝ่ายรับก็ยุบสภาเพื่อคืนอำนาจให้ประชาชน เมื่อพ่วงเข้ามาในมาตรา108 นั่นคือต้องมีการเลือกตั้ง เท่ากับรัฐบาลเป็นเกมส์รุกและกปปส. ฝ่ายอำมาตย์เป็นเกมส์รับ ต้องทำลายการเลือกตั้งนี้ให้ได้ เรื่อยมาต่อสายตาชาวโลกก็คือ 26 ที่ผ่านมาได้ขัดขวางประชาชนที่จะไปใช้สิทธิ์ ทำให้คนจำนวนมากที่ต้องการใช้สิทธิ์นอกเขต ไม่สามารถใช้สิทธิ์ได้ และกลายเป็นไม่มีสิทธิ์ กกต.ซึ่งจะต้องทำงานต่อไป จึงเปิดให้มีการเลือกตั้งล่วงหน้าในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 57
อ.ธิดา ยังได้กล่าว ขอขอบคุณนายมีชัย ฤชุพันธุ์ อดีตประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติที่แนะนำ กปปส.ให้ไปเลือกตั้ง แต่ให้โหวตโน นายมีชัยควรจะคิดอย่างนี้มานานแล้ว ถ้าพรรคประชาธิปัตย์แน่จริง มีมวลมหาประชาชนจำนวนมากแล้วทำไมไม่ลงเลือกตั้ง ดังนั้นนายมีชัยบอกให้โหวตโน ถ้ามีมวลมหาประชาชนข้างคุณมากก็ขอให้โหวตโนไปเลยดีกว่ามาทำตัวเป็นอันธพาลเหมือนที่เป็นอยู่นี้ ขอเพียงอย่าขัดขวางการเลือกตั้ง เพราะผิดกฎหมายอย่างชัดเจนและจะถูกประณาม ทั้งนี้ขอให้ กกต.ทำหน้าที่อย่างถูกต้องถ้าไม่ทำตามกฎหมายเดินหน้าจัดการเลือกตั้ง ประชาชนเป็นหมื่นๆ คนจะฟ้อง กกต.อย่างแน่นอน เราไม่สนใจว่าประชาชนจะเลือกพรรคใด แต่ขอให้จัดการเลือกตั้งอย่างเรียบร้อยให้ประชาชนไปใช้สิทธิ์ได้เท่านั้น
ประธานนปช.กล่าวอีกว่า ในช่วงเวลานี้ขอให้มีการรณรงค์เลือกตั้งในวันที่ 2 ก.พ. และในวันที่ 31 ม.ค.ที่เราจะรณรงค์กันทั่วประเทศก็ยังเหมือนเดิม คือขอให้พี่น้อง นปช.แต่ละจังหวัดประสานงานกับแกนนำในการจัดกิจกรรมและแจ้งข่าวสารการเลือกตั้ง อย่างไรก็ตามสำหรับเวทีการชุมนุมใหญ่นั้น เรามีความจำเป็นต้องงดเวทีลักษณะนี้ แต่ยังให้จัดเวทีย่อยตามจังหวัดต่างๆ ขึ้นแทน หวังว่าพี่น้องจะเข้าใจว่าสถานการณ์ขณะนี้มีความสุ่มเสี่ยง และขอให้เดินทางไปเวทีย่อยตามจังหวัดต่างๆ ทั้งสมุทรปราการ นนทบุรี เป็นต้น คิดว่าพี่น้องคงให้อภัยที่เราจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลง เราจะไม่เสี่ยง และเราไม่ต้องการให้พ่วงสถานการณ์ไปส่งผลกระทบต่อการเลือกตั้ง จึงพิจารณาจากการรวมศูนย์ เป็นการกระจายให้แต่ละพื้นที่ดูแล ทั้งนี้ในวันที่ 2 ก.พ.ต้องตรวจสอบดูแลและตรวจตราความเสียหายที่จะเกิดขึ้น แต่ก็ต้องหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดการปะทะด้วย ขอให้ยึดหลักการว่า นปช.จะไม่ยอมจำนนและต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยต่อไป แต่จะไม่ยอมสุ่มเสี่ยงเป็นอันขาด
ด้านนายวรชัย เหมะ อดีต ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย และแกนนำ นปช. กล่าวว่า สำหรับงานในวันที่ 31 ม.ค. ตนได้เตรียมพร้อมสถานที่ตรงข้ามสถานพักตากอากาศบางปู ต.บางปู จ.สมุทรปราการ พื้นที่ 60-70 ไร ตนและแกนนำได้เตรียมพร้อมอย่างเต็มที่ ตึกสูงรอบ ๆ จะมีคนขึ้นไปดูแลทั้งหมด แต่สถานการณ์วันนี้ ตนเข้าใจว่าพอรู้ว่าเราจะจัดการชุมนุมใหญ่ก็มีการวางแผนอย่างเป็นระบบ มีการโจมตีว่ามีกองกำลังติดอาวุธอยู่ที่ จ.สมุทรปราการ เขาคิดว่าเงื่อนไขที่จะทำให้เกิดการนองเลือดได้อยู่ที่บางปูบ้านตนเท่านั้น คนตาย 1,000 คนไม่เป็นไรช่างมัน มีการประชุมของนายทหารเตรียมใช้ยุทธการใบไม้ร่วงเตรียมใช้ระเบิด 79 ยิงใส่เวทีชุมนุม และเตรียมกำลัง 400-500 คนไว้ปะทะ ใช้เป็นข้ออ้างการบุกเข้าไปเพื่อจัดการกองกำลังติดอาวุธที่อยู่ในที่ชุมนุม เพื่อให้พี่น้องประชาชนบาดเจ็บและล้มตายในบางปู เขาต้องการให้เหตุการณ์แบบนั้นเกิดขึ้นให้ได้ โดยเอาคนในกองทัพไม่ใส่เครื่องแบบมาดำเนินการ
นายวรชัย กล่าวอีกว่า ตนเข้าใจว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. คงไม่ทราบว่ามีนายทหารนอกแถวคิดอย่างนี้จริง ๆ ตนได้ยินมาจาก พล.อ.คนหนึ่งในกองทัพบกที่เป็นทหารแตงโมโทรศัพท์มาบอกตนในเวลา 22.00 น. วันที่ 29 ม.ค.ที่ผ่านมา ว่าขอให้หยุดการชุมนุมไว้ก่อน ตนจึงปรึกษากับนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช. ซึ่งก็ได้ข่าวแบบนี้มาเช่นกัน เราเดินหน้าต่อสู้เพื่อการเลือกตั้ง ถ้าเกิดเหตุการณ์รุนแรงก็จะเป็นข้ออ้างให้กองทัพออกมารักษาความสงบ เราต้องถอยเพื่อรุกทางการเมืองให้เห็นว่าเราไม่รั้น เวทีชุมนุมใหญ่จึงเป็นเวทีย่อยในเวลา 16.00 น. ที่ศาลากลาง จ.สมุทรปราการ โดยจะมีกิจกรรมรณรงค์เลือกตั้งในวันที่ 2 ก.พ. และมีการจุดเทียน เป็นต้น ส่วนเวทีใหญ่จะจัดขึ้นเมื่อไรนั้นจะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง
ขณะที่นายยศวริศ ชูกล่อม หรือเจ๋ง ดอกจิก ผู้สมัคร ส.ส.สุราษฎร์ธานี กล่าวว่าอยากถามนายสุเทพ 3 ข้อ คือ
1.นายสุเทพเป็นคนไทยหรือเปล่า ถ้าเป็นคนไทย คงไม่ยุยงปลุกปั่นให้คนไทยเกลียดกัน เหนือไปใต้ไม่ได้ ใต้ไปเหนือไม่ได้ เกิดการทำร้ายและเข่นฆ่ากัน ถ้านายสุเทพเป็นคนไทย ต้องหยุดยุยงปลุกปั่นคนไทยได้แล้ว
2.นายสุเทพรักประเทศไทยหรือเปล่า ถ้ารักประเทศไทยจริง ต้องไม่ทำให้ประเทศเสียหาย ขณะนี้นักท่องเที่ยวจำนวนมากยกเลิกการมาเที่ยวเป็นจำนวนมาก นักลงทุนก็ย้ายฐานไปประเทศอื่น ทำให้ประเทศไทยเสียโอกาส เศรษฐกิจพัง ตลาดหุ้นตกต่ำ
3.นายสุเทพรักสถาบันหรือเปล่า ถ้ารักจริงต้องไม่กระทำการละเมิดและขัดขวางการเลือกตั้ง เพราะพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงลงพระปรมาภิไธยในพระราชกฤษฎีกายุบสภา และกำหนดวันเลือกตั้ง นอกจากนี้ ยังนำสัญลักษณ์สถาบันมาใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง ทำให้ผู้อื่นคิดว่าฝ่ายตรงข้ามไม่รักสถาบัน และยังนำเอาธงชาติที่เป็นของคนไทยทั้งประเทศไปเป็นสัญลักษณ์การต่อสู้ของตนเอง
นายยศวริศกล่าวอีกว่า วันที่ 31 ม.ค.นี้ ใครอยู่ในพื้นที่ จ.นนทบุรี ให้ไปร่วมกับตน โดยจะมีการจัดขบวนแรลลี่ในเวลา 15.00 น. เพื่อเดินหน้ารณรงค์เลือกตั้ง จากนั้นในช่วงค่ำจะมีการจุดเทียนและทำพิธีสาปแช่งกบฏนำไปลอยอังคารในแม่น้ำ เจ้าพระยา
ด้าน นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำ นปช. กล่าวว่า จากกรณีหนังสือพิมพ์ผู้จัดการออนไลน์ ฉบับวันที่ 29 ม.ค. นำเสนอข่าวอันเป็นเท็จว่าขณะที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ไปเยี่ยมฐานทัพเรือสัตหีบแล้วต้องการเข้าพักที่เรือนรับรอง ซึ่งจัดไว้สำหรับพระบรมวงศานุวงศ์นั้น ต่อมาสำนักงานเลขานุการกองทัพเรือได้ทำหนังสือชี้แจงแล้วว่า ข้อมูลดังกล่าวไม่เป็นความจริง
ในหนังสือระบุว่า เมื่อวันที่ 5 พ.ย.2556 กองทัพเรือได้จัดบ้านพัก น.3 อยู่ในพื้นที่ของหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่งให้กับนายกฯ และคณะ เข้าพัก 1 คืน ซึ่งเป็นคนละสถานที่กับเรือนรับรองที่ประทับฐานทัพเรือสัตหีบ ที่กองทัพจัดเตรียมไว้เฉพาะพระบรมวงศานุวงศ์เท่านั้น และไม่เคยอนุญาตให้บุคคลอื่นมาใช้อาคารดังกล่าว แสดงให้เห็นว่า หนังสือพิมพ์ผู้จัดการโกหกและต้องการใส่ร้ายนายกฯ
นพ.เหวง โตจิราการ ยังกล่าวถึง กรณีที่ กปปส. จะปิดหน่วยเลือกตั้ง ขอให้คนที่ต้องการใช้สิทธิ์เลือกตั้ง โดยเฉพาะใน กทม. นัดหมายกัน 500 คน ไปช่วยกันนำบัตรเลือกตั้งเข้าไปในหน่วยให้ได้และใครไปเลือกตั้ง แล้วก็ขอให้ช่วยสละเวลาอยู่ต่อที่หน่วยเลือกตั้งเพื่อจับตาการเลือกตั้งให้เรียบร้อยด้วย
