ทีมข่าว นปช.
25 พฤศจิกายน 2556
เมื่อคืนนี้บนเวทีปราศรัย "รัฐถูกประหารโดยศาลรัฐธรรมนูญ" ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน หัวหมาก กรุงเทพฯ ประธานนปช. นางธิดา ถาวรเศรษฐ ขึ้นกล่าวย้ำจุดยืน 4 ข้อของนปช.และคนเสื้อแดง รายละเอียดคำปราศรัย ทีมข่าว นปช. ได้ถอดมาถ่ายทอดให้พี่น้องได้รับทราบโดยทั่วกัน
ถอดคำปราศรัยของ อ.ธิดา ถาวรเศรษฐ ประธาน นปช.แดงทั้งแผ่นดิน
เวที “รัฐถูกประหารโดยศาลรัฐธรรมนูญ”
ณ สนามกีฬาราชมังคลากีฬาสถาน หัวหมาก กรุงเทพฯ
วันพุธที่ 24 พฤศจิกายน 2556
สวัสดีค่ะพี่น้องทั้งหลายที่อยู่ในสนามราชมังคลาและอยู่ทางบ้านและที่อยู่ด้วยกันทั่วโลกเลยค่ะ นี่ขนาดเรานัดวันเดียวนะ หวังว่าคืนนี้หรือกระทั่งต่อไปพรุ่งนี้บนอัฒจรรย์ขอให้เต็มให้หมดเลยค่ะ ความจริงวันนี้เราเริ่มเวทีช้าสักหน่อยเพราะเราปล่อยให้ชุดของสุเทพ เทือกสุบรรณ ได้เปิดตัวเต็มที่ คือให้ทำเต็มที่ไปเลย แน่นอนขณะนี้มวลชนเขาก็มีไม่ใช่น้อย แต่นับอย่างไรหลายเที่ยวมันก็ไม่ถึงหนึ่งล้านแน่นอนค่ะ เพราะฉะนั้นขอส่งเสียงไปยังพี่น้องทางบ้าน ไหน ๆ ก็ไหน ๆ เขาเตรียมออกกำลังมาเป็นปี ของเราจัดการภายใน 3 วัน แต่ว่าเราก็คงจะต้องประชันแข่งกันกับเขาให้ได้ คือจริง ๆ นับปริมาณคนของเราต้องมากกว่า แต่เนื่องจากว่าเราเห็นใจสุเทพ เทือกสุบรรณ เตรียมไว้นานมาก ก็ปล่อยให้เขาแสดงให้เต็มที่ เพราะว่าในที่สุดก็เตรียมเชือกไว้ผูกคอตายได้แล้วค่ะ คืออาจารย์ธิดาไม่ค่อยเชื่อนายสุเทพ เพราะครั้งที่แล้วบอกว่าถ้าแพ้จะไปมุดรูอยู่ แล้วมันมุดรูหรือเปล่า ตรงข้ามกลับออกมาแล้วก็กระทำการในการเลียนแบบคนเสื้อแดง
แต่ทั้งหมดนี้ภาพที่พี่น้องมาอยู่กันเป็นจำนวนมากในขณะที่ม็อบอีกฝั่งหนึ่งก็มีเป็นจำนวนมากเช่นกัน เหตุการณ์เช่นนี้ยังไม่เคยเกิดในประวัติศาสตร์ประเทศไทย ประเทศอื่นก็มีอยู่เป็นจำนวนหนึ่ง แต่นั่นเป็นการเผชิญหน้าระหว่างม็อบกลุ่มหนึ่งกับอีกกลุ่มหนึ่ง แต่เราคนเสื้อแดง เราไม่เคยคิดจะปะทะกับประชาชนด้วยกัน เรามาและแสดงตัวอย่างสันติวิธี ดังที่เราเคยบอกว่าในโลกนี้การแสดงทัศนะทางการเมืองซึ่งหมายถึงความคิดเห็นและการประท้วง ในโลกนี้เขาไม่มาจัดในสนามกีฬา เพราะสนามกีฬามีไว้สำหรับแข่งกีฬากับจัดคอนเสิร์ตเท่านั้น แต่คนเสื้อแดงยินดีจะอยู่ในสนามกีฬาเพราะเราไม่ต้องการไปเผชิญหน้า เขาพยายามใส่ร้ายป้ายสีว่าเราเป็นพวกเผาบ้านเผาเมือง หรือเราเป็นพวกล้มเจ้า เป็นต้น แต่ขณะนี้มันชัดเจนว่าคนที่ปราบปรามเป็นฆาตกรเข่นฆ่าประชาชนกำลังพยายามที่จะฟอกตัวเอง ทำอย่างไรก็ตามวันที่ 12 นี้ต้องไปขึ้นศาลในฐานะผู้ต้องหาฆาตกรค่ะ
ฆาตกรจะฟอกตัวเป็นวีรบุรุษแล้วก็คิดมุข ไม่เคยมีประวัติศาสตร์ชาติไหนที่อดีตนายกฯ และอดีตรองนายกฯ แขวนนกหวีดแล้วเป่าปรี๊ด ๆ คิดว่ามันคงเป็นเรื่องที่เท่ห์เต็มประดา แต่มันทุเรศจริง ๆ ค่ะ อ.ธิดาว่าสังคมประเทศอื่นเขาคงสงสัยว่าอดีตนายกฯ ไทย อดีตรองนายกฯ ไทย รัฐมนตรีพรรคการเมืองที่เคยเป็นรัฐบาลเป็นบ้าไปซะหมดแล้วหรืออย่างไร คือเป็นรัฐบาล เป็นฝ่ายค้าน อยู่ในรัฐสภาดี ๆ ไม่ชอบ อยากจะเป็นดารา แต่ขอโทษ ผู้นำของประชาชนจำไว้เลย จะเป็นผู้ต้องหาในลักษณะที่เป็นฆาตกรไม่ได้เด็ดขาด!!!
หลังจาก อ.ธิดา ก็จะเป็นจตุพรกับณัฐวุฒิซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นขุนพลเอกของกองทัพเสื้อแดงทั้งคู่ สองคนนี้ไม่เคยทำให้พี่น้องผิดหวังทั้งในจุดยืน ทั้งในความสามารถ และในทางฝีปาก ก็เลยมีคนอยากเอาอย่างอยู่ที่ราชดำเนิน ตามธรรมเนียมเราแบ่งงานกันทำในส่วนของแกนนำ อ.ธิดา ก็จะมานำเสนอในเรื่องจุดยืน ในเรื่องทัศนะ ในเรื่องวิธีการ และในเรื่องที่เป็นภาคทฤษฎีเกี่ยวกับการต่อสู้เพราะพี่น้องเราที่เป็นคนเสื้อแดง ณ ที่นี้ถ้าจัดเป็นนักต่อสู้แล้ว เป็นนักต่อสู้ในระดับปริญญาเอกทุกคนเลยค่ะ ม็อบของฝั่งโน้นมันมีแต่คำพูดหยาบคาย มีแต่คำผวน มีแต่ภาษาที่ด่าแล้วปล่อยให้เด็กมาก้าวร้าวด่านายกรัฐมนตรีหรือแม้กระทั่งท่านทักษิณ ชินวัตร เด็กเล็ก ๆ ด้วยซ้ำ แต่ในเวทีของ นปช. ไม่มีอะไรหยาบคายอยากมากพูดแรงที่สุดก็คือ...ส้น....ตีน....แค่นี้เอง ไม่มีอะไรหยาบคาย ได้แค่นี้ ที่เขาด่าว่าเราเป็นไพร่แต่ว่าดูพวกผู้ดีที่ราชดำเนิน
อ.ธิดา ก็จะขอเปิดในเชิงหลักการ แล้วน้องชายทั้งสองเขาก็จะเป็นขุนพลในการที่จะนำพาพี่น้องให้ฮึกเหิมในการต่อสู้ วันนี้เราแถลง 4 ข้อที่เป็นจุดยืน จุดยืนที่สำคัญก่อนที่จะไปพูดถึง 4 ข้อ ชัด ๆ เลยว่าจุดยืนของคนเสื้อแดงและ นปช. จุดยืนอยู่ที่ผลประโยชน์ของประชาชนส่วนใหญ่ นี่คือจุดยืนตลอดการของคนเสื้อแดง เวทีราชดำเนินจุดยืนอยู่ที่ไหน มันอาจจะบอกว่าจุดยืนอยู่ที่ส้น จุดยืนของราชดำเนินเป็นจุดยืนของกลุ่มผู้นำชนชั้นนำอนุรักษ์นิยม จารีตนิยม พวกล้าหลังสุดโต่ง และคิดว่าตัวเองเป็นชนชั้นสูงและปัญญาชน นั่นคือพวกที่ราชดำเนิน แต่จุดยืนของเราอยู่ที่ประชาชนส่วนใหญ่ อยู่ที่คนท้องไร่ท้องนา อยู่ที่ผู้ใช้แรงงาน อยู่ที่คนยากไร้ทั้งหลาย นี่คือจุดยืนของคนเสื้อแดง และไม่ใช่เพียงแค่นั้น จุดยืนของเรานอกจากอยู่กับมวลชนพื้นฐาน ผู้ยากไร้ เราก็ยังมีจุดยืนของประชาชนทั้งประเทศและผู้รักประชาธิปไตยทั้งมวลค่ะ นี่มันเป็นเรื่องชัดเจน ในม็อบราชดำเนินนอกจากจะมีการพูดถึงตระกูลสูง คนที่ร่วมทางก็จะมีปัญญาชนหรือเป็นชนชั้นนำ เขารู้สึกภาคภูมิใจมากที่มีชนชั้นนำ มีปัญญาชน และชนชั้นสูงมาอยู่ในม็อบ แต่เราภูมิใจที่เรามีพี่น้องมวลชนพื้นฐานคนยากคนจนอยู่กับเรา นี่คือความภาคภูมิใจของคนเสื้อแดง เพราะฉะนั้นองค์ประกอบของมวลชนจึงแตกต่างกัน นี่คือความแตกต่างที่สำคัญระหว่างคนของสุเทพ เทือกสุบรรณ และมวลชนคนเสื้อแดง นี่เป็นความแตกต่างที่เราต้องแสดงออกค่ะ
แล้ววันนี้เรานำเสนอแสดงถึงจุดยืน 4 ข้อ
ข้อที่ 1 เรายืนยันว่าการเมืองการปกครองต้องเป็นระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข
ม็อบราชดำเนินนำโดยสุเทพ เทือกสุบรรณ บอกว่าเขาต้องการเปลี่ยนแปลงประเทศนี้ไปเป็นระบอบที่มีพระมหากษัตริย์มีอำนาจสมบูรณ์แท้จริง หมายความว่าอะไร? หมายความว่าอยากจะกลับไปเป็นหลัง พ.ศ. 2475 เช่นนั้นหรือเปล่า? นี่เป็นความแตกต่าง ก่อนหน้านี้เขาไม่บอก เขาก็บอกว่ามาให้ทำอย่างนั้นอย่างนี้ ในที่สุดก็บอกแล้วเมื่อวานนี้ อ.ธิดา ไม่แน่ใจว่าเขาคิดจริง ๆ เช่นนั้นหรือเปล่า? แต่ไม่ว่าจะคิดจริงคิดหลอก ที่พูดมานี้ก็แสดงว่าสติไม่ดีเช่นกันค่ะ เหตุผลก็คือเขาคิดตามที่รองราชเลขาธิการได้ออกหนังสือมาว่า อย่าโหน...อย่าโหน...อย่าโหนพระเจ้าอยู่หัว ได้ยินหรือเปล่า สุเทพ เทือกสุบรรณ!!! ขนาดเขาบอกว่าอย่าโหน จริง ๆ คนในประเทศไทยก็รักพระเจ้าอยู่หัวทุกคน แต่ถามว่ามันบ้าหรือเปล่าเพราะตอนนี้เป็นการที่เราได้เปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขมากว่า 80 ปีแล้ว คุณจะบ้าหรือเปล่าสุเทพ!!! คนที่รักพระเจ้าอยู่หัวอย่างเต็มที่ในประเทศนี้เขาก็ไม่บ้าไปกับคุณหรอกจะบอกให้ เพราะฉะนั้นมันจะบ้าหรือไม่บ้าไม่รู้ แต่เรายืนยันว่าการเมืองการปกครองที่คนเสื้อแดงและประชาชนประเทศไทยยืนยันก็คือ ต้องเป็นประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขเท่านั้นค่ะ
ข้อที่ 2 เรายืนยันว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นอำนาจรัฐสภา แต่ม็อบบ้าที่ราชดำเนินมันไม่ได้ยืนยันเช่นนั้น มันถือว่าไม่ว่าจะทำอะไรศาลรัฐธรรมนูญสามารถที่จะเป็นผู้จัดการ สั่งการ แทรกแซง กำกับ ได้ทุกอย่าง นี่จึงเป็นเรื่องแตกต่างกันค่ะ เมื่อเรายืนยันว่าเป็นรัฐสภาที่ยังมีอำนาจ เพราะฉะนั้นปรบมือให้กับ ส.ส. ของพรรคเพื่อไทยและรัฐบาลที่เสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญด้วยค่ะ คนเสื้อแดงพร้อมจะเป็นผนังทองแดงกำแพงเหล็กให้กับ ส.ส. ในรัฐสภาหรือเปล่า? ข้อนี้จึงสำคัญมากว่ากระบวนการที่จะดำเนินต่อไปในการถอดถอน ส.ส. นั้น ถามว่าประชาชนจะยอมให้อำนาจอื่นที่ไม่ใช่อำนาจนิติบัญญัติและไม่ใช่อำนาจที่มาจากประชาชนเข้ามาแทรกแซง กำกับ สั่งการ ล่วงเกิน ล่วงละเมิด ยอมหรือเปล่าคะ ไม่ยอมนี่ต้องมากันให้มากที่สุด พรุ่งนี้ต้องมาให้มากกว่านี้ค่ะ นี่คือข้อ 2 ที่เราจะต้องมาปกป้องรัฐสภา ปกป้องรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง
ข้อที่ 3 เรายืนยันการต่อสู้สันติวิธี สันติวิธีเป็นพลังที่เข้มแข็งที่สุด เนลสัน แมนเดลา เคยบอกเอาไว้ว่าเขาถูกจับและถูกขังคุก 20 กว่าปี ก่อนหน้านั้นเขามีกองกำลังอาวุธประมาณ 2,000 กว่าคน และวาทะของเนลสัน แมนเดลา บอกว่าเรา (หมายถึงเนลสัน แมนเดลา) ไม่อาจเอาชนะคุณได้ด้วยการต่อสู้ด้วยอาวุธ แต่คุณก็ไม่สามารถฆ่าประชาชนได้หมดทั้งประเทศแน่นอน เราถูกบิดเบือนใส่ร้ายว่าเราไม่ใช่พวกสนติวิธี เขาบิดเบือนใส่ร้ายว่าเป็นพวกเผาบ้านเผาเมืองและเป็นพวกล้มเจ้า รวมกระทั่งโยนเรื่องราวต่าง ๆ ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการต่อสู้ของเรามาโยนให้แกนนำทั้งหลาย ณ บัดนี้ยังมีข้อหาก่อการร้ายทั้งสิ้น นี่เป็นวิธีคิดของฆาตกรที่ต้องการเอาตัวรอด โยนความผิดมาให้คนอื่นคือ สุเทพ เทือกสุบรรณ และอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ขณะนี้เขาบอกว่าเขาจะสู้สันติวิธี แต่มีการพกอาวุธและพบร่องรอยความพยายามจะสร้างความรุนแรง เพราะฉะนั้นพี่น้องทั้งหลายจำเป็นต้องระวังตัวเป็นอย่างยิ่ง แม้รัฐบาลนี้ยังมีอำนาจรัฐอยู่ แต่ความเป็นอันธพาลของคนที่เคยปราบปรามเข่นฆ่าประชาชน แม้ว่าเขาไม่ได้มีอำนาจรัฐอยู่ในมือ สันดานเหล่านี้ก็ยังสามารถสร้างความรุนแรงให้กับประเทศชาติประชาชนได้ค่ะ
ข้อที่ 4 เราจะต่อต้านรัฐประหารทุกรูปแบบไม่ว่าจะเป็นการรัฐประหารโดยกฎหมายหรือโดยกองทัพ ความรุนแรงที่เขาอาจจะสร้างขึ้นก็อาจจะเป็นการล่อให้มีการรัฐประหารซ้ำโดยกองทัพ แต่อย่างไรเสียพี่น้องขณะนี้เราก็โดนรัฐประหารโดยศาลรัฐธรรมนูญไปเรียบร้อยแล้ว แม้นว่าอยู่ในระหว่างการใช้อำนาจก็จริง ประชาชนทั้งประเทศมีสายตา พลังของประชาชนที่ออกมาเป็นจำนวนมากก็จะสามารถเป็นผนังทองแดงกำแพงเหล็กได้ แม้หลายคนก็คิดว่าจะไปสู้เขาอย่างไร เขาเป็นศาล ตอนนี้อำนาจในการลงโทษไม่มีสำหรับศาลรัฐธรรมนูญ ขณะนี้ไปอยู่ที่ ปปช. อย่างไรก็ตาม อำนาจไหน ๆ ไม่มีอำนาจไหนยิ่งใหญ่กว่าอำนาจประชาชน ถ้าแม้นว่าเราออกมาให้หมด ออกมาให้ทั่วประเทศ แสดงตัวให้กลุ่มอนุรักษ์นิยมชนชั้นนำทั้งหลายที่พากันจัดการกับประเทศนี้ไม่ยอมคืนอำนาจให้ประชาชน เราออกมาให้หมด ออกมาให้มากที่สุดแล้วบอกว่า เฮ้ย....ไม่ได้...ประชาชนต้องการอำนาจกลับมาอยู่ในมือประชาชน ทำได้ไหมพี่น้อง?
คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญครั้งนี้ ก่อนที่ อ.ธิดาจะลงไปก็อยากจะบอกว่า มันคือความลับในห้องที่เขาเอามาเปิดเผย ก็คือเมื่อพรรคไทยรักไทยสามารถครองพื้นที่ในรัฐสภาได้เป็นจำนวนมาก ความหวาดวิตกของระบอบอำมาตย์จึงมองว่ารัฐธรรมนูญ 40 นั้นใช้ไม่ได้แล้ว เพราะรัฐธรรมนูญ 40 สนับสนุนพรรคการเมือง ให้พรรคการเมืองมีพลัง และวุฒิสมาชิกก็มาจากการเลือกตั้ง 100% ระบอบอำมาตย์จึงได้พิจารณาแล้วว่าถ้าเป็นอย่างนี้ระบอบอำมาตย์ไม่มีพื้นที่ในการปกครองประเทศนี้อีกต่อไป การทำรัฐประหาร 2549 สำหรับพวกเราจึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะเขาต้องจัดการรัฐธรรมนูญ 40 แล้วเขียนรัฐธรรมนูญ 50 ใหม่เพื่อให้ลมหายใจอำมาตย์ยังมีชีวิตอยู่ และด้วยเหตุนี้รัฐธรรมนูญของข้าฯ ใครอย่าแตะ ดังนั้นเขาจึงเขียนเอาไว้เลยว่า วิธีการที่จะสกัดอำนาจของนักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้งเขาไม่สามารถสกัดผู้แทนราษฎรได้ แต่เขาจะต้องไปสกัดที่วุฒิสมาชิก นี่จึงเป็นเหตุผลว่าการขอแก้ไขรัฐธรรมนูญแล้วให้วุฒิสมาชิกมาจากการเลือกตั้ง 100% ระบอบอำมาตย์จึงไม่อนุญาต เป็นไปไม่ได้ เขาจึงกล้าพูดว่าถ้าแม้นว่ามีการเลือกตั้ง 100% ประเทศนี้จะถอยหลัง พูดภาษาอะไร? นี่เป็นภาษาที่ อ.ธิดา ไม่รู้จะใช้คำพูดอะไร คือบอกได้แต่เพียงว่า “สุดอนาถ....สำหรับศาลรัฐธรรมนูญ” คุณพูดได้อย่างไรว่าเลือกตั้งเป็นเรื่องถอยหลังเข้าคลอง คุณพูดได้อย่างไร เพราะคุณลืมไป คุณพูดกันอยู่ในห้องแล้วกลายมาเป็นคำวินิจฉัย คุณพูดเรื่องสภาผัวเมียคุณก็เอามาเปิดเผยในคำวินิจฉัย คุณไม่ยอมให้เลือกตั้งแล้วบอกว่ามันจะทำลายดุลยภาพ ดุลยภาพอะไรของ....ของ....ใคร? นี่เป็นอำนาจประชาชน
ประชาชนต้องการเลือกตัวแทนประชาชนไทย 60 กว่าล้านคนไปทำหน้าที่ในรัฐสภาไม่ได้ เขาต้องการเลือกตั้ง เขาไม่ได้ต้องการแต่งตั้ง ได้ยินไหมพวกอำมาตย์
นี่เพิ่งเป็นวันแรกของการเปิดเวที ระวังให้ดีอำมาตย์ทั้งหลาย รับรองว่ากว่าเราจะยกเลิกท่านจะต้องถูกถลกหนังหัวกันหมดทุกคนเลย ขอบคุณมาก พบกันทุกวันจนกว่าระบอบอำมาตย์จะฉิบหายไปเลย จนกว่าระบอบประชาธิปไตยจะได้รับชัยชนะแน่นอน...สวัสดีค่ะ.