โจทย์ของนักเรียนอีตัน :​ "ฆ่าประชาชนแล้วจะออกสื่ออธิบายอย่างไร"

สลักธรรม โตจิราการ

28 ตุลาคม 2556

ผมได้อ่านบทความหนึ่งที่น่าสนใจมากครับ เป็นบทความในนิตยสาร the new statesman โดยคุณ Laurie Pennie นำโจทย์สอบชิงทุนการศึกษาของโรงเรียนอีตันเมื่อปี ค.ศ. 2011 (ใช่ครับ อีตันที่คุณอภิสิทธิ์ คุณกรณ์ และชนชั้นนำไทยบางส่วนจบมานั่นแหละครับ) มาเผยแพร่

โจทย์ข้อนั้นคือ

"(สมมติว่า)ปีนี้คือค.ศ. 2040 มีการจลาจลตามท้องถนนของกรุงลอนดอนเพราะอังกฤษขาดแคลนน้ำมันหลังจากมีวิกฤติการณ์น้ำมันในตะวันออกกลาง กลุ่มผู้ชุมนุมบุกจู่โจมอาคารสาธารณะหลายแห่ง มีตำรวจหลายนายเสียชีวิต ด้วยเหตุนี้รัฐบาลจึงนำกำลังทหารประจำการเข้าควบคุมการชุมนุม หลังจากนั้นการชุมนุมถูกสลายภายในสองวัน แต่มีผู้ชุมนุม 25 คนถูกทหารสังหาร คุณเป็นนายกรัฐมนตรี จงเขียนบทสุนทรพจน์เพื่อออกอากาศไปทั่วประเทศเพื่ออธิบายเหตุผลว่าทำไมคุณมีหนทางเดียวคือใช้กำลังทหารเข้าปราบปรามผู้ชุมนุมที่ใช้ความรุนแรง และเป็นหนทางที่จำเป็นและถูกต้องชอบธรรม"

ท่านที่ต้องการอ่านโจทย์ภาษาอังกฤษสามารถอ่านได้ที่ ลิงค์นี้

น่าสนใจที่ว่าจักรวรรดินิยมอังกฤษเองก็ใช้กำลังในการปราบปรามประชาชนในจักรวรรดิของตนเองอย่างต่อเนื่อง และทำการสังหารหมู่หลายครั้งในอาณานิคมของตนเพื่อรักษาอำนาจการปกครองเอาไว้ เช่นที่สหรัฐอเมริกาเมื่อปีค.ศ. 1770 อินเดียเมื่อปีค.ศ. 1919 ซึ่งนายทหารฝ่ายอังกฤษและ"วันอาทิตย์สีเลือด"(bloody sunday)ในไอร์แลนด์เหนือเมื่อปี ค.ศ. 1972 คำถามคือ จักรวรรดิอังกฤษใช้วิธีเช่นใดในการกลบเกลื่อนความผิดของตนเอง?

ตัวอย่างของการกลบเกลื่อนการสังหารหมู่ของจักรวรรดิอังกฤษ (ซึ่งน่าจะกลายเป็นต้นแบบในการตอบของนักเกรียน) ที่สำคัญกรณีหนึ่งคือกรณี "วันอาทิตย์สีเลือด" (bloody sunday)เมื่อปี ค.ศ. 1972 ทหารอังกฤษยิงผู้ประท้วงเรียกร้องเอกราชชาวไอริชในไอร์แลนด์เหนือซึ่งไม่มีอาวุธเสียชีวิต 26 คน หลังจากนั้นทางการอังกฤษปฏิเสธความรับผิดชอบมาโดยตลอดโดยทางกองทัพบกอังกฤษอ้างว่าที่ทหารทำการยิงผู้ชุมนุมก็เพื่อตอบโต้ที่ผู้ชุมนุมโจมตีทหารด้วยปืนและระเบิด และมีพลซุ่มยิงของฝ่ายไอร์แลนด์เหนือยิงทหารอังกฤษทั้งที่พยานทุกคนที่ไม่ใช่ทหารให้การตรงกันว่าทหารยิงเข้าใส่ผู้ชุมนุมที่ปราศจากอาวุธ

หลังจากเหตุการณ์ "วันอาทิตย์สีเลือด" เกิดขึ้นแล้ว เอ็ดเวิร์ด ฮีธ นายกรัฐมนตรีอังกฤษในเวลานั้นก็ตั้ง "คณะกรรมการไต่สวนเหตุการณ์" ขึ้นมาทันที คณะกรรมการดังกล่าวนำโดยลอร์ด วิเกทรี (Lord Wigetry) ออกรายงานมาภายในระยะเวลาแค่ 11 สัปดาห์ มีใจความสำคัญสนับสนุนความชอบธรรมในการสังหารผู้ชุมนุมโดยอ้างว่าผู้ชุมนุมมีคราบเขม่าดินปีนและพบระเบิดยัดตะปู(Nail bomb)ในศพผู้ชุมนุม แต่คนจำนวนมากก็ทราบว่ารายงานดังกล่าวจัดทำขึ้นเพื่อ"ฟอกขาว"ให้กับกำลังทหารอังกฤษ แม้กระทั่งอดีตนายกรัฐมนตรีจอห์น เมเจอร์ยังเคยกล่าวเมื่อปีค.ศ. 1992 ว่าผู้ชุมนุมเป็นผู้บริสุทธิ์ไม่ได้มีอาวุธในครอบครองขณะที่ถูกยิงเสียชีวิต แต่อดีตนายกรัฐมนตรีจอห์น เมเจอร์ก็ไม่ยอมให้มีการรื้อคดีขึ้นมาใหม่

จนกระทั่งมาถึงปี ค.ศ. 1998 รัฐบาลของนายกรัฐมนตรีโทนี แบลร์ จึงได้ตั้งคณะกรรมการไต่สวนคดีขึ้นมารื้อคดีใหม่ทว่าคณะกรรมการไต่สวนก็ไม่ได้รับความร่วมมือจากกระทรวงกลาโหมอังกฤษเท่าใดนัก ทำให้ต้องใช้เวลาถึง 12 ปีในการจัดทำรายงานจนเผยแพร่ได้ในปี ค.ศ.2010 รายงานดังกล่าวสรุปว่าทหารอังกฤษกระทำผิดที่ยิงเข้าใส่ผู้ชุมนุม และทำการยิงกระสุนจริงโดยไม่ได้เตือนประชาชนก่อน แต่รายงานดังกล่าวกล่าวโทษนายทหารในระดับหัวหน้าหน่วยบางคนเท่านั้น ส่วนนายทหารคนอื่นตลอดจนถึงผู้บังคับบัญชากองกำลังทหารรวมถึงฝ่ายการเมืองต่างหลุดพ้นข้อกล่าวหาทั้งสิ้น

เมื่อรายงานดังกล่าวออกมา นายกรัฐมนตรีเดวิด แคเมรอนก็ได้กล่าวแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ว่าเหตุการณ์ดังกล่าว"เป็นเรื่องที่ผิด" นับว่าต้องใช้เวลาถึง 38 ปีในการที่รัฐบาลอังกฤษออกมายอมรับความผิด และการสอบสวนเพื่อดำเนินคดีข้อหาฆ่าคนตายกับทหารพลร่มอังกฤษที่เข้าร่วมการสังหารหมู่ 20 นายเพิ่งจะเริ่มขึ้นในปีนี้ (ค.ศ.2013) หลังจากเหตุการณ์ล่วงเลยมาถึง 41 ปี

(รายละเอียดของการสอบสวนเพื่อดำเนินคดีสามารถอ่านได้ ที่นี่)