เปิดใจ"ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ" นิรโทษ"แน่ใจเข้าถูกซอย"

มติชน 29 ตุลาคม 2556

สัมภาษณ์พิเศษ โดย ปิยะ สาระสุวรรณ, ศุภกาญจน์ เรืองเดช

 

หมายเหตุ : นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ และในฐานะแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ให้สัมภาษณ์พิเศษ "มติชน" ถึงกรณีพรรคเพื่อไทยเตรียมเดินหน้าร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมผู้ซึ่งกระทำความผิดเนื่องจากการชุมนุมทางการเมือง การแสดงออกทางการเมืองของประชาชน พ.ศ. .... แบบสุดซอย

คนเสื้อแแดงเรียกร้องให้แกนนำที่เคยต่อสู้ร่วมกันมาออกมาแสดงจุดยืนในเรื่องนี้

ผมยืนยันไปแล้วว่าจะไม่เปลี่ยนจุดยืน แต่ว่าหากจะหมายถึงการระดมพี่น้องออกมาเคลื่อนไหวคัดค้านกันอย่างเข้มข้นในสถานการณ์นี้ ผมคิดว่าไม่เกิดประโยชน์ เพราะอีกฝ่ายหนึ่งที่เขาเฝ้ามองอยู่จะรู้สึกพึงพอใจ สมประโยชน์เป็นอย่างยิ่ง ซึ่งฝ่ายตรงข้ามของเราไม่ใช่แค่พรรคประชาธิปัตย์ ไม่ใช่กลุ่มที่เคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลในขณะนี้เท่านั้น แต่หมายถึงขบวนการของอมาตยาธิปไตยทั้งหมด

ขณะนี้เกิดรอยร้าวขึ้นในองคาพยพพรรคเพื่อไทย

เป็นธรรมดา เพราะว่าเราเดินในยุทธศาสตร์สองขามาโดยตลอด เมื่อขาทั้งสองข้างเดินไม่ตรงจังหวะกัน ภาวะชะงักงันและภาวะที่ต้องหาคำตอบจากกันและกันเป็นเรื่องปกติที่ต้องเกิดขึ้น แต่จะปล่อยให้ขัดแข้งขัดขากันจนเกิดล้มลงไปทั้งหมดไม่ได้

จะประสานรอยร้าวนี้อย่างไร

รอยร้าวที่ว่ามันเกิดขึ้นเพราะสิ่งที่กำลังเป็นอยู่เป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดการรับรู้มาก่อนในหมู่ของคนเสื้อแดง เพราะฉะนั้นเมื่อมันเกิดเหตุการณ์ขึ้น แน่นอนความโกลาหล ความสับสนทางความคิด เสียงเอื้ออึงของการวิพากษ์วิจารณ์เกิดขึ้น แต่มันต้องดูปลายทางว่าสุดท้ายแล้วร่างกฎหมายฉบับนี้จะมีมติออกมาจากที่ประชุมสภาอย่างไร

แกนนำพรรคและสมาชิกพรรคเพื่อไทยส่วนใหญ่ต้องการเดินหน้าต่อ

หากสุดท้ายพรรคเพื่อไทยยืนยันที่จะเดินหน้าต่อ คนเสื้อแดงก็ยังคงจะต้องยืนหยัดตามหลักการเดิม แต่ไม่ให้เกิดความขัดแย้งแตกแยกในฝ่ายเดียวกัน

วันนี้ท่าทีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ส่งสัญญาณชัดเจนว่าอยากให้นิรโทษกรรมแบบสุดซอย

ผมคิดว่าจนถึงวันนี้มันยังเป็นเรื่องท่าที มุมมอง และเหตุผลของแต่ละฝ่าย ที่ยังต้องทำความเข้าใจกันและจนถึงวันนี้ยังไม่มีใครยืนยันได้ว่าการลงมติวาระสองและสามจะเห็นชอบตามร่างของนายประยุทธ์ ศิริพานิชย์ รองประธานกรรมาธิการนิรโทษฯ

ผมยืนยันจุดยืนเดิมต่อ พ.ต.ท.ทักษิณไปแล้ว และผมกำลังสงสัยว่าเราไปถูกซอยหรือเปล่า ถ้าซอยนี้มันจะเป็นซอยที่จะนำพาประเทศออกจากวิกฤตได้จริงก็ยังถือว่าเป็นเรื่องน่าสนใจ แต่ถ้าซอยนี้เป็นซอยที่จะทำให้เราถูกลากเข้าไปสู่มุมมืดแล้วมีใครคอยซุ่มโจมตีอยู่ อันนี้ก็เป็นเรื่องน่าเสียใจ

พ.ต.ท.ทักษิณและแกนนำหลายคนมีท่าทีไม่ค่อยฟังเสียงคัดค้านของ ส.ส.เสื้อแดงสักเท่าไหร่

ผมไม่คิดอย่างนั้นนะ จากการพูดคุยหลายๆ ฝ่ายในพรรคก็มีท่าทีรับฟัง

พ.ต.ท.ทักษิณส่งสัญญาณชัดเจนต้องการเซตซีโร่

ผมยังไม่ได้รับสัญญาณนั้นเลยและที่ผ่านมาก็เป็นท่าที อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ส่วนต่างๆ ของพรรคเพื่อไทยจะส่งสัญญาณมาชัดเจน ก็เป็นหน้าที่ที่ผมต้องไปอธิบาย ไอ้คำว่าเซตซีโร่นี่มันหมายถึงอะไร เพราะสิ่งที่เราคิดว่าการจะให้บ้านเมืองเดินไปข้างหน้าโดยการหยิบยื่นความยุติธรรมให้กับทุกฝ่าย โดยที่คนกระทำต่อชีวิต ทรัพย์สินของประชาชนยังต้องถูกดำเนินการทางกฎหมายก็เป็นช่องทางที่สร้างความปรองดองได้ และเป็นช่องทางที่จะหยุดยั้งการฆ่า หยุดยั้งการทำร้ายทำลายชีวิตประชาชนได้ด้วย

คนเสื้อแดงที่สูญเสียญาติจะยอมรับการเซตซีโร่ได้หรือไม่

ผมว่าเรื่องเซตซีโร่หรือไม่ยังเป็นเรื่องเล็กกว่าการหยิบยื่นความยุติธรรมให้กับทุกฝ่าย และการรักษาหลักการที่ถูกต้องของประชาธิปไตยเอาไว้ให้ได้โดยการหยิบเอาบทเรียนจากอดีตมากำหนดอนาคตที่มันควรจะเป็น อันนี้สำคัญกว่า เพราะมันไม่ได้แน่เสนอไปว่าการกลับมาเริ่มต้นกันใหม่แล้วความขัดแย้งจะยุติ

เกรงว่าฝ่ายอำมาตย์อาจจะออกมาทำอะไรบางอย่างหรือไม่

ไม่กลัวครับ เพราะว่าวิธีการขับเคลื่อนพยายามทำด้วยความรัดกุม เพื่อไม่ให้เกิดช่องว่างให้กับฝ่ายตรงข้ามที่กำลังจ้องมองเรื่องนี้อยู่ ซึ่งไม่ใช่เฉพาะผู้คนในสังคมทั่วไป ฝ่ายตรงข้ามเขาจับตาเรื่องนี้อย่างมีนัยยะสำคัญ แล้วถ้ามีการเปิดโอกาสให้ฝ่ายตรงข้ามสอดแทรก หรือโจมตีเข้ามาได้ภายใต้ความแตกต่างหรืออาจจะเลยเถิดไปถึงความขัดแย้งในฝ่ายเดียวกัน อันนั้นอาจจะเกิดความเสียหายมากกว่า

แสดงว่าขณะนี้ฝ่ายตรงข้ามจ้องมองอยู่

แน่นอน ต้องระวัง เพราะถึงเวลา พ.ร.บ.นิรโทษกรรมอาจจะเดินไม่ไปถึงไหน แต่ถ้าเกิดความขัดแย้งแตกแยกจากภายในของเราอย่างเห็นได้ชัด ชนิดแตกหักกันไปเสียก่อน เรื่อง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมจะเป็นเรื่องเล็กทันที เพราะเราอาจจะถูกขย้ำจากสหบาทาของอีกฝ่ายหนึ่งทันที

จะทำความเข้าใจกับกลุ่มเสื้อแดงที่มีความหลากหลายแตกต่างกันอย่างไร

เป็นเสรีภาพและวิธีคิดของแต่ละฝ่าย แต่เรื่องอย่างนี้มันต้องปิดประตูคุยกันในบ้าน แต่ถ้าออกมาเถียงกันนอกรั้วบ้าน มันจะทำให้บ้านตรงข้ามหรือฝ่ายตรงข้ามแอบซุ่มตี ซุ่มยิง แอบหาประโยชน์เอาทีหลัง

มีคนเสื้อแดงบางส่วนออกมาแสดงจุดยืนพร้อมที่จะอยู่ตรงข้ามรัฐบาล

เป็นความรู้สึกที่พี่น้องแต่ละคนสะท้อนออกมา แต่ความเห็นของผมคงไม่ลุกขึ้นมาเผชิญหน้าชนกับพรรคเพื่อไทยให้ล้มไปข้างหนึ่ง

มั่นใจได้อย่างไรว่าจะไม่สูญเสียมวลชน

พรรคเพื่อไทยต้องเป็นผู้ประเมิน สำหรับผมไม่กลัวที่จะเสียมวลชน เพราะเอาเข้าจริงแล้วผมก็เป็นมวลชนคนหนึ่งในขบวนการของคนเสื้อแดง ผมเติบโตมาพร้อมกับมวลชนกลุ่มนี้ ผมไม่เคยมีประสบการณ์ต่อสู้ทางการเมืองอื่น ซึ่งผมมั่นใจว่าผมรับรู้ความรู้สึกของมวลชนกลุ่มนี้

สามารถตอบแทนคนเสื้อแดงส่วนใหญ่ได้หรือไม่

ผมมั่นใจเช่นนั้นว่า ไม่ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น ขบวนการคนเสื้อแดงจะยังอยู่ ส่วนความสัมพันธ์กับพรรคเพื่อไทยจะเป็นอย่างไร ยังไม่จำเป็นต้องเร่งรัดสรุปวันนี้

ในฐานะแกนนำคนเสื้อแดงที่ได้รับตำแหน่งในรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ยอมหรือไม่ที่จะออกมายืนอยู่กับมวลชนคนเสื้อแดงโดยไม่รับตำแหน่งใดๆ ในรัฐบาล

ผมฟันธงตรงนี้ว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นผมเป็นคนเสื้อแดง ผมเป็นมวลชนคนหนึ่งในขบวนการนี้อย่างแน่นอน

ไม่กลัว พ.ต.ท.ทักษิณลอยแพแกนนำคนเสื้อแดงหากยังยืนยันในจุดยืนเดิม

ผมไม่ได้กังวลเรื่องนั้น เพราะผมทำด้วยความปรารถนาดีต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งถ้าการออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับนี้สามารถทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณสามารถกลับบ้านได้จริงก็อยากให้เกิดขึ้น แต่เราเห็นว่าสถานการณ์นี้เดิมพันมันสูงเกินไป และหากเกิดความผิดพลาด ผลกระทบที่เกิดขึ้นมันจะไม่ส่งผลดีใดๆ เลยกับฝ่ายประชาธิปไตย

ยอมที่จะอยู่ตรงไหนก็ได้ของพรรคเพื่อไทยโดยไม่รับตำแหน่งทางการเมือง

ผมจะเป็น ส.ส.หรือรัฐมนตรีหรือไม่ มันเป็นเรื่องเล็ก กว่าการที่ผมจะเป็นอะไรโดยที่ยังรักษาจุดยืนของตัวเองไว้ได้หรือไม่ ตราบใดที่ยังรักษาจุดยืนและหลักการของตัวเองไว้ได้ ผมจะเป็นอะไรก็ได้ แต่ตราบใดที่ผมไม่สามารถรักษาหลักการและจุดยืนของตัวเองไว้ได้ ผมจะเป็นอะไรก็ไร้ความหมายและเป็นคนเสื้อแดงไม่ได้

พร้อมที่จะเดินไปพร้อมกับยุทธศาสตร์ขาที่เป็นมวลชนคนเสื้อแดง

ยุทธศาสตร์ 2 ขา มันต้องผลัดกันเดินทีละก้าว และก้าวที่เดินต้องสัมพันธ์กัน ทิศทางที่เดินต้องไปในทางเดียวกัน แต่ถ้าวันหนึ่งมันเกิดเหตุการณ์ที่ไม่สัมพันธ์กัน ผมคิดว่าขาข้างที่เป็นมวลชนคนเสื้อแดงจะปักหลักที่เดิม จะไม่เปลี่ยนไปจากจุดที่เรายืนอยู่ และไม่มีปัญหาอะไรกับขาที่เดินไปอีกข้างหนึ่ง

(ที่มา:มติชนรายวัน 28 ต.ค.2556)