'ก่อแก้ว'ยันแก้'ม.190'ไม่ลดอำนาจนิติบัญญัติ

คมชัดลึก 16 ตุลาคม 2556



'ก่อแก้ว'ยันแก้รัฐธรรมนูญมาตรา 190 ไม่ลดอำนาจ'นิติบัญญัติ'ไม่ปิดหูปิดตาประชาชน ชี้แก้เพื่อลดงานที่ค้างจำนวนมากที่'ส.ส.-ส.ว.'ไม่จำเป็นต้องพิจารณาร่วมกัน

               16 ต.ค.56 นายก่อแก้ว พิกุลทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 ว่า ตั้งแต่ที่ตนนั่งฟังการอภิปรายแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 190 มาตั้งแต่เมื่อวันที่ 15 ต.ค.ที่ผ่านมา หลายคนพยายามกล่าวหาว่า การแก้ไขเพื่อผลประโยชน์แอบแฝง เพื่อลดทอนอำนาจฝ่ายนิติบัญญัติ เพื่อปิดหูปิดตาประชาชน โดยการกล่าวหามาทั้งหมดเป็นเรื่องที่ปราศจากข้อเท็จจริง ซึ่งจากการที่ตนเป็น ส.ส. และได้ประชุมร่วมกับ ส.ว. ได้เห็นวาระที่ค้างจำนวนมากอยู่ในการพิจารณาร่วมรัฐสภา โดยหลายเรื่องเป็นเรื่องที่ไม่มีความจำเป็นที่ ส.ส. และส.ว.ต้องพิจารณาร่วมกัน เพราะอาจไม่มีความรู้เกี่ยวกับเรื่องสนธิสัญญาต่าง ๆ ด้วยซ้ำแต่รัฐธรรมนูญ มาตรา 190 กำหนดไว้จึงต้องนำเข้าสภาให้พิจารณา จึงทำให้เสียเวลา และโอกาส ทำให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติต้องรอ อาทิ เรื่องที่ค้าง บันทึกการหารือไทย-พม่า เรื่องการเดินทางอากาศ ที่ต้องมีการหารือว่าพม่าจะให้เราบินไปได้วันละกี่เที่ยว และไทยให้พม่าบินมาได้วันละกี่เที่ยว ซึ่งไม่มีเรื่องอะไรที่เกี่ยวกับเรื่องดินแดน อธิปไตย หรือการค้า

               นายก่อแก้ว กล่าวต่อว่า วันนี้ประเทศไทยต้องใช้ความรวดเร็วในการค้า การลงทุน เพราะไม่ฉะนั้นอาจจะเสียโอกาสได้ อย่างเช่น ที่องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ(นาซา) ขอเข้ามาวิจัยการรวมตัวของก้อนเฆมในประเทศไทย แต่ก็ได้มีการถกเถียงกันว่าต้องเข้ามาตรา 190 หรือไม่ จึงทำให้นาซาไม่รอ ไทยจึงเสียโอกาสที่จะรับรู้ถึงการรวมตัวของก้อนเฆมและสิ่งที่นาซาจะวิจัย

               "นี่เป็นเพียงตัวอย่างของมาตรา 190 วันนี้จึงจะทำการแก้ไขให้มีเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวพันกับดินแดน อำนาจอธิปไตย และการค้าที่ส่งผลกระทบกับประชาชนเท่านั้น ส่วนการที่บางคนบอกว่าเป็นการลดอำนาจรัฐสภา ตนขอเรียนว่าไม่ได้เป็นการลดอำนาจแต่เป็นการลดงาน และขอถามกลับไปยังฝ่ายค้านว่าใครกันแน่ที่ต้องการลดอำนาจรัฐสภา เพราะที่ผ่านมาการแก้ไข รธน.เช่นที่มา ส.ว.และพ.ร.บ.นิรโทษกรรม ก็พยายามลากเข้าไปยังศาลรัฐธรรมนูญ ทั้งที่อำนาจการออกกฎหมายเป็นของฝ่ายนิติบัญญัติอย่างชอบธรรม" นายก่อแก้ว กล่าว

               นายก่อแก้ว กล่าวต่ออีกว่า ส่วนที่บอกว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะได้ประโยชน์จากการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 นั้น ตนขอเรียนว่าไทย-กัมพูชามีปัญหาพื้นที่ทับซ้อน เช่นเดียวกับกรณีของไทย-มาเลเซีย ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีแก๊สธรรมชาติ และมีการแก้ปัญหาโดยการกำเนิดองค์กรร่วมไทย-มาเลเซีย จนนำไปสู่การตั้งบริษัทลงทุนร่วมไทย-มาเลย์เซีย ซึ่งพ.ต.ท.ทักษิณ มีแนวคิดว่าควรแก้ปัญหาพื้นที่ทับซ้อนไทย-กัมพูชา ในลักษณะเดียวกัน จึงตั้งทีมไปเจรจา โดยเรื่องนี้เป็นการสานต่อจากรัฐบาล นายชวน หลีกภัย ซึ่งการเจรจาแต่ละครั้งเป็นการเจรจาที่เปิดเผย ต่างจากสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี ที่แต่งตั้งนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง ให้ไปเจรจาอย่างลับๆ ที่บ้านพักของสมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีประเทศกัมพูชา โดยเรื่องนี้สมเด็จฮุนเซนได้ออกมาเปิดเผยเพราะเห็นว่าเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง และไม่เหมาะสม ดังนั้นก่อนจะกล่าวหาใครควรกลับไปดูพรรคของตนเองก่อนว่าเคยทำพฤติกรรมแบบนั้นหรือไม่ ทั้งนี้ตนขอยืนยันว่าการแก้รัฐธรรมนูญ มาตรา 190 ในครั้งนี้ไม่ได้เป็นการกระทำเพื่อประโยชน์ส่วนตัวแต่ทำเพื่อลดภาระและเพื่อประโยชน์ของพี่น้องประชาชน