ข่าวสด 16 ตุลาคม 2556
เมื่อวันที่ 16 ต.ค. ที่กระทรวงยุติธรรม นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิศษ (ดีเอสไอ) แถลงหลังประชุมผู้บริหารกระทรวงยุติธรรม ว่า ได้สรุปความเห็นแย้งในคดีฉ้อโกงผู้รับเหมาและคดีความผิดตามพ.ร.บ.การเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ (พ.ร.บ.ฮั้วประมูล) มาตรา 8 ที่อัยการฝ่ายคดีพิเศษ สั่งไม่ฟ้องบริษัทพีซีซีดีเวลล็อปเม้นท์ แอนด์คอนสตรักชั่น จำกัด ผู้ต้องหาที่ 1 นายพิบูลย์ อุดมสิทธิกุล ผู้ต้องหาที่ 2 และนายวิศณุ วิเศษสิงห์ ผู้ต้องหาที่ 3 โดยเสนอให้ฟ้องผู้ต้องหาทั้งหมด ไปยังนายอรรถพล ใหญ่สว่าง อัยการสูงสุด เพื่อพิจารณาชี้ขาด
นายธาริตกล่าวว่า ดีเอสไอรับคดีความผิดเกี่ยวกับการทุจริตการสร้างสถานีตำรวจทดแทนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) จำนวน 396 แห่ง ทั่วประเทศ เป็นคดีพิเศษ โดยแบ่งเป็น 4 สำนวน คือคดีฉ้อโกงผู้รับเหมาช่วงของบริษัทพีซีซีฯ คดีความผิดตามพ.ร.บ.ฮั้วประมูล มาตรา 8 ในส่วนของบริษัทเอกชน ส่วนความผิดของผู้ดำรงงตำแหน่งทางการเมือง ดีเอสไอส่งสำนวนกล่าวหานายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี เสนอไปยังป.ป.ช. โดยป.ป.ช.ได้ตั้งอนุไต่สวนและแจ้งข้อกล่าวหาให้ทั้งสองคนรับทราบ และอยู่ระหว่างการทำคำชี้แจง แก้ข้อกล่าวหา อีกคดีคือการฉ้อโกงธนาคารออมสิน โดยปลอมลายมือชื่อตำรวจกว่า 2,000 นาย อยู่ระหว่างการตรวจสอบลายมือชื่อ เพื่อยืนยันเป็นการปลอมลายเซ็น
นายธาริตกล่าวต่อว่า สำหรับคดีที่ทางอัยการฝ่ายคดีพิเศษสั่งไม่ฟ้องนั้นเป็นความผิดฐานร่วมกันโดยทุจริตทำการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ โดยรู้ว่าราคาที่เสนอนั้นต่ำกว่าปกติ หรือเสนอผลประโยชน์ตอบแทนสูงกว่าความเป็นจริงฯ ตามพ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 มาตรา 8 และความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 ประกอบมาตรา 83 ซึ่งเป็นการกระทำความผิดของเอกชนที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้ โดยให้เหตุผลสรุปว่าพยานหลักฐานไม่เพียงพอพิสูจน์ความผิดตามข้อกล่าวหา และส่งสำนวนการสอบสวนพร้อมคำสั่งไม่ฟ้องมายังดีเอสไอ ซึ่งตนในฐานะอธิบดีดีเอสไอ พิจารณาสำนวนคดีแล้วมีความเห็นแย้งคำสั่งไม่ฟ้องของพนักงานอัยการทั้งสองคดี
