Facebook น.พ.เหวง โตจิราการ
เล่าเรื่องเมื่อยังเยาว์(4)
สถานการณ์ภายนอกมหาวิทยาลัยมหิดล ในปี 2516 ในช่วงหลังยุติการชุมนุมที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยแล้ว เพื่อนๆต่างสถาบัน เรียกร้องเป็นอย่างมาก ให้ผม พยายามก่อรูป หรือจัดตั้ง กลุ่มนักศึกษาในสถาบันมหิดลให้ได้ ผมเองทำได้ระดับหนึ่ง มีเพื่อนๆพี่ๆร่วมคณะและต่างคณะจำนวนหนึ่งซึ่งยังอยู่ในแวดวงจำกัดแคบมาก
แต่สถานการณ์มาเขม็งเกลียวอย่างรุนแรง ก็เมื่อ รัฐบาลจอมพลถนอม จับ นักศึกษาประชาชนที่ไปแจกใบปลิวเรียกร้องรัฐธรรมนูญจำนวนทั้งสิ้น 12 คนในวันที่ 6ตุลาคม2516 และคุณไขแสงสุกใสหอบแคนเข้ามอบตัวในวันที่7ตุลา2516รวมเป็น13กบฏ
ในบ่ายต่อค่ำคืน 6 ตุลาคม 2516 เสกสรรประเสริฐกุลและกลุ่มสภาหน้าโดม ได้ จัดให้มีการชุมนุมที่ลานโพธิ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในตอนดึกของคืนแรกเหลือคนไม่ถึงร้อย เสกสรรค์ประเสริฐกุลได้มอบหมายให้ผม ไปจัดรวบรวม นักศึกษาในมหาวิทยาลัยมหิดล มาช่วยดูแลสุขภาพของผู้มาร่วมชุมนุม
ผมจึงเริ่ม ไปขอความกรุณาจากเพื่อนๆพี่ๆในโรงพยาบาลรามาธิบดี และการเริ่มขยายไปขอความกรุณาจากอาจารย์ที่โรงพยาบาลรามาธิบดีด้วย จากนั้นผมก็ ขยายการติดต่อไปยังคณะต่างๆของมหาวิทยาลัยมหิดล เช่น คณะเภสัชศาสตร์ คณะทันตแพทย์ศาสตร์ คณะสาธารณสุขศาสตร์ คณะพยาบาลศาสตร์รามาธิบดี และศิริราชพยาบาล รวมไปถึงเพื่อนๆและพี่ๆที่คณะแพทยศาสตร์โรงพยาลศิริราชและพยาบาล แล้วยังขยายแดนไปติดต่อกับเพื่อนๆใน คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ คณะทันตแพทย์ศาสตร์จุฬาลงกรณ์
ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากเพื่อนพี่น้อง ครูอาจารย์ทั้งจากในมหิดล(ทั้งรามาธิบดีแลศิริราช) และจุฬาลงกรณ์ จนในที่สุดก็ก่อตั้ง หน่วยพยาบาลเพื่อมวลชนขึ้นได้
ตั้งหน่วยที่ปีกซ้ายมือของสนามฟุตบอลเวลาหันหน้าเข้าหาตึกโดม ที่ใต้ถุนตึกสื่อสารมวลชน(ตรงข้ามตึกนิติศาสตร์) เราเริ่มมีการจัดเวรยามกันเป็นผลัดๆ แบ่งเป็นอย่างน้อยสามผลัด กลางวัน(8.00-17.00น.)ค่ำ(17.00-02.00น.)ดึกถึงเช้า(02.00-8.00น.)ซึ่งก็ไม่ได้เคร่งครัดนัก
ในเวลาทำงานจริง เพื่อนพี่น้อง ที่พอปลีกเวลาได้ ก็ได้เข้ามาร่วมทำงานอย่างเอาใจใส่รับผิดชอบกันอย่างจริงจัง โดยตลอด
พวกเราทุกๆคน ได้ทำหน้าที่อย่างเข้มแข็ง ได้ลาดตระเวนดูแลสุขภาพ แจกยาดมบ้าง แจกยาแก้ปวดศรีษะแก้ครั่นเนื้อครั่นตัว แก้ปัญหาเรื่องท้องเสียท้องเดินบ้างตลอด ตั้งแต่ 7-12 ตุลาคม 2516
จนเมื่อแกนนำการชุมนุม ตัดสินใจที่จะเดินขบวนออกไปอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยในกลางวัน วันที่13ตุลาคม2516 เสกสรรค์ประเสริฐกุลก็ได้บอกให้ผมมาตระเตรียมการจัดตั้งฝ่ายแพทย์พยาบาลที่จะดูแล การเดินขบวนขนาดใหญ่ดังกล่าวให้ทั่วถึงพวกเราได้ประชุมกัน แล้ว จัดรูปการ ดูแล โดยให้ มีบุคคลากรของพวกเรา เดินประกบสองข้าง ของขบวนใหญ่ เป็นสองแถว โดยห่างกันประมาณ หนึ่งช่วงแขน ทั้ง สองข้างของขบวนใหญ่ ในขณะเดียวกัน ก็จะมีหน่วยเดิน ปะปนอยู่ภายในขบวนด้วย แบ่งเป็น ช่วงๆ ช่วงละประมาณ 50 เมตร แต่ละช่วงจะมี หน่วยงานของเรา ประมาณ 3-4 คน
พวกเรา ชาวมหิดล หน่วยพยาบาลเพื่อมวลชนได้ทำหน้าที่เป็นอย่างดี จนกระทั่งเช้าวันที่ 14 ตุลาคม 2516 ภายหลังจากที่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจตรงด่านหน้าพระราชวังสวนจิตรลดารโหฐานด้านหลังรพ.รามาธิบดี ภายใต้การดูแล ของพลตำรวจเอก ชุมพล โลหะชาละ ขัดขวางการเดินทางกลับบ้านของนักศึกษาประชาชน มีการขว้างปากันเกิดขึ้นแล้วลุกลามเป็นการใช้ เฮลิคอปเตอร์ยิงกระสุนสังหาร และทหารใช้อาวุธสงครามสังหารประชาชนบนถนนราชดำเนินใน
ระดับของปัญหาและขอบเขตของการดูแล เกินกว่าขีดความสามารถของหน่วยพยาบาลเพื่อมวลชนจะดำเนินการได้อีกต่อไป จึงเป็นภารกิจของ หน่วยงานของรัฐโดยตรงในการเข้ามาดูแลแทน เช่น ของโรงพยาบาลทุกแห่งในกทม.รามาธิบดี พระมงกุฎ ราชวิถี รพ.เด็ก รพ.สาธารณสุขเขตร้อน รพ.ศิริราช รพ.กลาง รพ.บางคอแหลมฯลฯ
ผมเองไม่ได้นอนมาหลายวัน กลับมารพ.รามาธิบดีในราว02.00น14ตุลา16ด้วยความสบายใจว่าทุกอย่างเรียบร้อย เพราะรัฐบาลปล่อย13กบฎแล้ว และรัฐบาลให้คำมั่นสัญญาแล้วว่าจะเร่งรีบในการร่างรัฐธรรมนูญให้เสร็จโดยเร็ว
แต่พอรู้ตัวตื่นมาในราว 06.00 น.ก็ทราบว่าสถานการณ์เลวร้ายลง แต่ก็เกินขีดที่บทบาทของนักศึกษาจะรับมือได้แล้ว ได้แต่ อาสาติดรถฉุกเฉิน เข้าไปรับผู้บาดเจ็บภายในถนนราชดำเนินในเท่านั้น
เหตุการณ์สงบลงด้วยพระบารมีเป็นล้นพ้น ปวงชนชาวไทยได้รับพระมหากรุณาธิคุณล้นเกล้าล้นกระหม่อม ได้รัฐบาลพระราชทาน อ.สัญญาธรรมศักดิ์เป็นนายกรัฐมนตรี พวกเราพสกนิกรทั้งประเทศก็รู้สึกโล่งอกสบายใจไปตามๆกัน
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตัวผมเอง เพราะผมได้พบ อาจารย์สัญญาธรรมศักดิ์ที่ สวนโมกขพลาราม หลายหน ตั้งแต่เป็นนักเรียนมัธยมปลาย จนไปบวชตอนปีสี่ดังกล่าว
ภายหลังจากนั้นหากพอเจียดเวลาได้ก็จะมุ่งไปสวนโมกข์ เสมอก็มักจะมีโอกาสได้พบอ.สัญญาอยู่บ่อยครั้ง
สำหรับผมแล้ว สวนโมกข์ไม่ต่างอะไรจากเมกกะ หรือสถานที่แสวงบุญเลย และทุกครั้งที่ไปก็รู้สึกได้ไปชาร์ตแบตเตอรี่ และได้ไปกวาดล้างสิ่งโสโครกที่เกรอะกรังเกาะแน่นกับจิตวิญญาณของตนออกไปทุกครั้ง กลับจากสวนโมกข์รู้สึก ปลอดโปร่งเบาโล่งทั้งกายและใจจริงๆ