วงค์ ตาวัน
หาก นับย้อนไปก่อนหน้านี้ ศาลได้มีคำสั่งผลการไต่สวนชันสูตรผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์รัฐบาลอภิสิทธิ์ ปราบม็อบปี 2553 โดยสรุปว่า ตายด้วยกระสุนปืนของเจ้าหน้าที่รัฐ หรือตายด้วยกระสุนจากฝั่งเจ้าหน้าที่รัฐ รวมแล้ว 6 ราย
มาถึงล่าสุด ศาลได้มีคำสั่งกรณี 6 ศพในวัดปทุมวนาราม ว่าตายด้วยกระสุนปืนของเจ้าหน้าที่ทหารบนรางรถไฟฟ้าบีทีเอส และบนพื้นราบ
จึงเท่ากับ 12 ศพแล้วที่ศาลชี้ว่าเป็นกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ หรือเป็นการยิงจากฝั่ง เจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งปฏิบัติการตามคำสั่งของศอฉ.
เพียงแค่นี้ก็บ่งบอกถึงความโหดเหี้ยมอำมหิตของปฏิบัติการภายใต้คำสั่งศอฉ. ระหว่าง 10 เมษายน- 19 พฤษภาคม 2553
ได้อย่างชัดเจนไม่น้อย
โดยเฉพาะในคดีวัดปทุมฯ ที่เจ้าพนักงานทหารอ้างว่ายิงต่อสู้กับชายชุดดำ
ศาลชี้จากพยานหลักฐานว่า ไม่มีชายชุดดำในเหตุการณ์นี้แต่อย่างใด!
ชายชุดดำคือคำที่อดีตนายกฯอภิสิทธิ์อ้างมาตลอด เพื่อปัดความรับผิดชอบในความผิดพลาดของฝ่ายรัฐ
เหมือนกับคำว่าพวกเผาบ้านเผาเมือง
ซึ่งมีคำพิพากษาของศาลออกมาแล้ว 4 คดี ที่ชี้ว่า การเผาห้างสรรพสินค้าต่างๆ ไม่ใช่การก่อการร้าย ไม่ใช่ฝีมือของคนเสื้อแดง
ไม่เกี่ยวข้องกับคำประกาศของแกนนำ
จึงกล่าวได้ว่าวาทกรรม"ชายชุดดำ"และ"เผาบ้าน เผาเมือง" ยังไม่เคยมีพยานหลักฐานใดๆ มารองรับ
นอกจากแค่คำกล่าวอ้างของผู้นำรัฐบาลที่ออกคำสั่งผิดพลาด แล้วพยายามปัดผิด!!
ขณะ ที่พยานหลักฐานจากคำพิพากษาของศาลและคำสั่งผลไต่สวนชันสูตรศพ กลับยืนยันได้ว่า มีประชาชนล้มตายด้วยกระสุนปืนจากเจ้าหน้าที่ของศอฉ.จริง 12 ศพแล้ว
มีคำพิพากษาว่า คนเสื้อแดงไม่เกี่ยวกับการเผาห้าง คำประกาศของแกนนำไม่ใช่เหตุของการเผาห้าง
นี่เป็นคำพิพากษาและคำสั่งศาล
ทั้ง หมดนี้จึงยิ่งเห็นภาพเหตุการณ์ปี 2553 ว่าประชาชนที่ชุมนุมถูกยิงตายด้วยความผิดพลาดของศอฉ. แล้วยังถูกกวาดจับตั้งข้อหาอย่างผิดๆ อีก เช่น คดีเผาห้าง
นี่ไงจึงต้องผลักดันการนิรโทษกรรม
ที่ประชาธิปัตย์ชอบโต้แย้งว่า ถ้าไม่ได้เผาบ้านเผาเมือง จะนิรโทษกรรมหนีคดีทำไม!?
ก็เพราะเขาถูกอำนาจศอฉ.กวาดจับเข้าคุกและ ตั้งข้อหาอย่างไม่ถูกต้องไง
แล้วเขาไม่ได้เส้นใหญ่ แบบพวกที่โดนคดีร้ายแรงแต่ไม่เคยเข้าคุกไง!