ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนจำคุก 6 เดือนรอลงอาญา บก.ลายจุดฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน

ประชาไท 9 สิงหาคม 2556



ศาลอุทธรณ์ยืนจำคุก 6 เดือน ปรับ 6,000 สมบัติ บุญงามอนงค์ ฝ่าฝืนพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ร่วมกับประชาชนนับพันชุมนุมไม่เห็นด้วยปฏิบัติการทหาร ที่เลียบทางด่วนรามอินทรา 2 วันหลังเหตุการณ์ 19 พ.ค.53

เมื่อวันที่ 7 ส.ค.56 ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นคดีที่นายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด เป็นจำเลยในข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน โดยศาลชั้นต้นพิพากษาให้ลงโทษจำคุกนายสมบัติ เป็นเวลา 6 เดือนและปรับเป็นเงินจำนวน 6,000บาท โดยโทษจำคุกให้รอลงอาญา

ทั้งนี้ คดีดังกล่าวเกิดขึ้นเนื่องจากเมื่อวันที่ 21 พ.ค.53 นายสมบัติและประชาชนประมาณ 1,000 คน ร่วมชุมนุมบริเวณใต้ทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์  โดยนายสมบัติได้ใช้โทรโข่งพูดแสดงความไม่เห็นด้วยกับการปฏิบัติการของทหารในการสลายการชุมนุมเมื่อ 19 พ.ค.53 นอกจากนี้ก็มีการปิดภาพถ่ายการสลายการชุมนุมของประชาชนที่เสาและผนังใต้ทาง ด่วน  ซึ่งเป็นการฝ่าฝืนต่อการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินอย่างร้ายแรง (อ่านรายละเอียดคดีนี้ได้ที่ http://freedom.ilaw.or.th/th/case/357#detail )

ก่อนหน้านี้ นายสมบัติตกเป็นจำเลยในคดีลักษณะเดียวกันอีกคดีหนึ่งคือ คดีฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน มั่วสุมทางการเมืองเกิน 5 คน กีดขวางทางจราจร และก่อความไม่สงบแก่ประชาชน ในพื้นที่ซึ่งมีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินจากกรณีที่จัดกิจกรรม “เปลือยเพื่อชีวิต” และเวทีชั่วคราวบริเวณใต้ทางด่วนดินแดง เมื่อวันที่ 18 พ.ค.53 แต่ศาลแขวงพระนครเหนือยกฟ้องคดีนี้โดยระบุว่า จำเลยไม่ใช่ผู้จัดชุมนุม ไม่มีการปราศรัยยั่วยุ การที่จำเลยเพียงแต่ กล่าวปราศรัยแสดงความไม่เห็นด้วยต่อการใช้กำลังอาวุธเข้าสลายการชุมนุมจน เป็นเหตุให้มีประชาชนต้องบาดเจ็บและเสียชีวิตนั้น ย่อมเป็นการใช้สิทธิขั้นพื้นฐานของการปกครองในระบบประชาธิปไตย ซึ่งไม่ว่ากฎหมายหรือกำลังใดๆ ก็หาอาจตัดสิทธิหรือจำกัดสิทธิเช่นว่านั้นได้  (อ่านรายละเอียดที่  เปิดคำพิพากษาศาลชั้นต้น “ยกฟ้อง” คดีที่ 2 “สมบัติ” ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน)