28 สิงหาคม 2556
หลายคนเข้าใจ หลายคนเห็นใจ
เข้าใจเพราะรับรู้ว่ารัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์เคยพยายามมาแล้วแต่ไม่ประสบผลสำเร็จเห็นใจ เพราะรับรู้ในธรรมชาติของพรรคประชาธิปัตย์ที่มักคิดและตัดสินใจอะไรล่าช้าเสมอ
แต่เมื่อรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เสนอ สภาปฏิรูปการเมือง ขึ้นมา
แล้วได้รับการปฏิเสธจากพรรคประชาธิปัตย์อย่างทันที ทันความ หลายคนอาจเข้าใจ หลายคนอาจเห็นใจ
แต่ก็เข้าใจและเห็นใจอย่างแปลกๆ ในความรู้สึก
โอเค การเข้าไปนั่งโต๊ะหารือร่วมกับบีอารณ์เอ็นซึ่งถูกมองว่าเป็นพวกแบ่งแยกดินแดนอาจเป็นเรื่องค่อนข้างยากสักหน่อยสำหรับนักการเมืองจากพรรคประชาธิปัตย์
แต่ทำไมต้องปฏิเสธ ยิ่งลักษณ์
ความจริง แนวทางของ สภาปฏิรูปการเมือง อันรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เสนอขึ้นมาก็มิได้เป็นความริเริ่มของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เองฝ่ายเดียว
หากแต่ทำตามที่คณะกรรมการปฏิรูปเสมอ
หากแต่ทำตามที่คณะกรรมการสภาปฏิรูปการเมืองเสมอ หากแต่ทำตามที่คณะกรรมการอิสระเพื่อตรวจสอบความจริงเสมอ
คณะกรรมการ 3 คณะนี้รัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จัดตั้งขึ้น
เป็นการจัดตั้งขึ้นภายหลังสถานการณ์สังหารหมู่ในเดือนเมษายน พฤษภาคม 2553 เป็นการจัดตั้งขึ้นโดยที่รัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รับทราบรายงานแล้วก็เก็บไว้เฉยๆ ไม่มีการเคลื่อนไหว ไม่มีการกระทำใดๆ
เพิ่งมาทำในยุค ยิ่งลักษณ์
แท้จริงแล้ว รูปธรรมของการปรองดองที่ยอดเยี่ยมยิ่งกว่าคือผลสะเทือนอันเกิดจากคำสั่งที่ 66/23 ในยุคของรัฐบาล พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์
ทำให้ คอมมิวนิสต์ วางปืนมาเป็น ผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย
ทั้งๆ ที่มีการต่อสู้ระหว่างคอมมิวนิสต์กับอำนาจรัฐไทยตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2508 และสามารถสงบเสียงปืนได้โดยพื้นฐานในปี 2524
และสามารถยกเลิกพ.ร.บ.คอมมิวนิสต์ได้ในอีกหลายปีต่อมา
กับคอมมิวนิสต์ซึ่งจับอาวุธต่อสู้กับรัฐบาล พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ยังคลี่คลายได้ กับบีอาร์เอ็นซึ่งจับอาวุธต่อสู้กัน รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร สามารถดึงให้มาพูดคุยหารือกันได้
แต่กับ ประชาธิปัตย์ ยากยิ่งกว่า
น่าแปลกในวิจารณญาณ น่าแปลกในกระบวนการตัดสินใจของพรรคประชาธิปัตย์อย่างยิ่ง
ไม่เพียงแต่แสดงความไม่เห็นด้วย ไม่เพียงแต่แสดงการต่อต้าน คัดค้าน หากแต่ยังออกมาเยาะเย้ยหยามหยันต่อความสามารถของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อย่างเสียๆ หายๆ
ไม่ต้องการให้ปรองดอง ไม่ต้องการให้มีความสงบ สันติภาพ
