มติชน 27 สิงหาคม 2556
เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์และแกนนำเสื้อแดง กล่าวถึงการเดินหน้าสภาปฏิรูปตามแนวคิดของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมว่า ท่าทีจากหลายฝ่ายที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้เชิญเข้ามาในสภาปฏิรูป มีเสียงสะท้อนถึงความเชื่อมั่นในแนวทางนี้ว่าจะนำพาประเทศไทยออกจากวิกฤตความขัดแย้งได้ จากบรรยากาศการพูดคุยเมื่อวันที่ 25 สิงหาคมที่ผ่านมา หลายฝ่ายมีการแสดงความคิดเห็นต่างๆ และนายกฯได้อธิบายแนวทางต่อไปข้างหน้าที่จะมีการสรุปรวบรวมประเด็น โดยมีนายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตนายกฯ เป็นผู้ประสานงานสำคัญ ซึ่งน่าจะเป็นความหวังของคนไทย
นายณัฐวุฒิกล่าวว่า ส่วนที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ได้ออกมาแสดงท่าทีว่า การตั้งสภาปฏิรูปเป็นเครื่องมือทางการเมืองของฝ่ายรัฐบาล จึงอยากบอกว่าขอให้นายอภิสิทธิ์มองโลกในแง่ดีบ้าง อย่าใช้ความอิจฉาริษยาทางการเมืองมาบังตาตนเอง แล้วไปบังตาคนอื่นไม่ได้ โดยบุคคลในสภาปฏิรูปไม่มีใครยอมเป็นเครื่องมือทางการเมือง เพราะเขาไปด้วยสำนึกความรับผิดชอบต่อประเทศ หากยังกังวลคนที่เข้าไปตั้งในสภาปฏิรูป นายอภิสิทธิ์ควรจะเข้าไปร่วมสภาปฏิรูปด้วย เพื่อเตือนสติคนในสภาปฏิรูปว่าอย่าตกเป็นเครื่องมือทางการเมือง แต่ก็ไม่ยอมเข้าร่วมและคอยส่งเสียงอยู่แต่ข้างนอก
นายณัฐวุฒิกล่าวต่อว่า รัฐบาลได้เชิญชวนทุกฝ่ายมาหาทางออกให้ประเทศ แต่ทางฝ่ายค้านก็ไปเชื้อเชิญให้มีม็อบต่างๆ เพื่อโค่นล้มรัฐบาล ทั้งหน้ากากขาว ม็อบสวนลุม และพันธมิตร (พธม.) และที่สำคัญคือจะสร้างประเด็นทางการเมืองให้กับผู้ชุมนุมเกษตรชาวสวนยางพารา ซึ่งชัดเจนว่าใครเป็นฝ่ายหาทางปรองดอง และใครเป็นฝ่ายซ้ำเติมวิกฤตเพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองและการบอกว่า ทางรัฐบาลได้ฉีกรายงานต่างๆ ของทุกกรรมการที่มีในสมัยนายอภิสิทธิ์ เพื่อถ่วงเวลาในการตั้งสภาปฏิรูปขึ้นมาใหม่นั้น ซึ่งความจริงรัฐบาลไม่มีการฉีกทิ้ง หรือปฏิเสธรายฉบับใดๆ หากชิ้นใดมีประโยชน์ ทางสภาปฏิรูปก็หยิบขึ้นมาพิจารณาได้ แต่กระบวนการในการแต่งตั้งในสมัยนายอภิสิทธิ์ทำไม่มีความชอบธรรม หากนายอภิสิทธิ์เข้าไปร่วมด้วย ก็มีสิทธิที่จะแสดงความคิดเห็นทุกอย่าง