มติชน 6 กรกฎาคม 2556
บทนำมติชน
กองทัพอียิปต์ภายใต้การนำของนายพลอับดุล ฟัตตาห์ อัล-ซีซีรัฐมนตรีกลาโหม และผู้บัญชาการกองทัพอียิปต์ ก่อการรัฐประหาร ยึดอำนาจประธานาธิบดีโมฮัมเหม็ด มอร์ซี ที่มาจากการเลือกตั้งได้สำเร็จ ชาวอียิปต์ที่ชุมนุมประท้วงต่อต้านรัฐบาลกลางกรุงไคโร เมืองหลวงของประเทศมาอย่างต่อเนื่อง ต่างแสดงความดีใจ จุดพลุดอกไม้ไฟฉลอง ผู้นำรัฐประหารประกาศผ่านทางสถานีโทรทัศน์ถ่ายทอดสดไปทั่วประเทศกล่าวอ้างเหตุผลยึดอำนาจ ประธานาธิบดีคนแรกจากการเลือกตั้งโดยเสรี มิได้ปฏิบัติตามข้อเรียกร้องของประชาชน จึงไม่อาจนิ่งเฉยต่อการเรียกร้องของประชาชนจำนวนมาก ที่กล่าวหา
ผู้นำประเทศทำเพื่อผลประโยชน์ของตนเองได้
การใช้กำลังทหารยึดอำนาจ โค่นล้มรัฐบาลมาจากการเลือกตั้งของประชาชน ก่อให้เกิดปฏิกิริยาต่อต้านจากชาติตะวันตกอย่างกว้างขวาง ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ผู้นำสหรัฐ เรียกร้องให้รัฐบาลพลเรือนกลับมาปกครองโดยเร็ว พร้อมแสดงความห่วงกังวลต่อการตัดสินใจของกองทัพอียิปต์ที่ยึดอำนาจจากประธานาธิบดีและระงับใช้รัฐธรรมนูญปกครองประเทศ ทั้งยังตอบโต้ สั่งให้ทบทวนความช่วยเหลือแก่อียิปต์ และเรียกทูตกลับด้วย ขณะที่สหภาพยุโรปประณามการปะทะนองเลือดระหว่างฝ่ายสนับสนุนและต่อต้านรัฐบาลระหว่างชุมนุมก่อนการรัฐประหาร และเรียกร้องคืนอำนาจให้ประชาชน จัดการเลือกตั้งทันที เช่นเดียวกับอังกฤษที่ประกาศไม่สนับสนุนการแทรกแซงทางทหาร และเรียกร้องให้มีการจัดการเลือกตั้งโดยเร็ว
การโค่นล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน ถูกปฏิเสธจากนานาอารยประเทศอย่างสิ้นเชิง สหรัฐอเมริกานั้นถึงกับมีกฎหมายบัญญัติไว้ชัดแจ้งว่า ต้องยุติการช่วยเหลือทันที ที่ผู้นำประเทศซึ่งมาจากการเลือกตั้งถูกรัฐประหาร ประเทศไทยปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย แต่ก็ล้มลุกคลุกคลานมาตลอด แม้ปัจจุบันปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย แต่ก็มีประชาชนจำนวนหนึ่งฝักใฝ่ เรียกร้องกองทัพ อำนาจนอกระบบเข้ามาแก้ไขปัญหาประเทศ ทั้งที่เป็นวิธีการที่ไม่ชอบธรรม ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ และไม่สามารถแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้อย่างแท้จริง การรัฐประหารเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนา
ประเทศทุกด้าน ประชาชนถูกปิดกั้นสิทธิ เสรีภาพ การมีส่วนร่วมในการบริหาร ทำลายระบบการตรวจสอบ ถ่วงดุล ฯลฯ การปฏิวัติรัฐประหารจึงไม่ใช่ยาวิเศษแก้ไขปัญหาประเทศ มีแต่จะพอกพูนปัญหา และถูกโดดเดี่ยว นานาประเทศประกาศตัดการช่วยเหลือ กีดกันการค้า การลงทุน ไม่คบค้าสมาคมด้วย การมีกติกาที่ไม่สอดคล้องกับสากลโลกนั้น มีแต่ผลเสียหายร้ายแรงตามมา