ไต่สวนทหาร10เมย.เบิกความคดียิงฮิโรยูกิ อ้างเห็น'ชุดดำ'ในรถตู้

ข่าวสด 17 กรกฎาคม 2556





ทหารเป็นพยานขึ้นเบิกความต่อศาล ไต่สวนการเสียชีวิตของ 'ฮิโรยูกิ' กับ 2 ผู้ชุมนุม นปช. เหยื่อปืน 10 เม.ย.53 ระบุมีหน้าที่เป็นพลขับ ได้รับคำสั่งให้ไปสมทบกับหน่วยอื่น เห็นม็อบใช้ไม้ ก้อนอิฐ เหล็กเป็นอาวุธปะทะกับทหาร เห็นแสงไฟวาบในกลุ่มทหาร ตามด้วยเสียงระเบิด บาดเจ็บหลายนาย อีกทั้งยังเห็นรถตู้ มี 5 ชายชุดดำและอาวุธปืน ด้าน 'พ่อเฌอ-แม่เกด' ยื่นร่างพ.ร.บ.นิรโทษฯ ฉบับประชาชนให้นายกฯ แล้ว ย้ำเอื้อประโยชน์ให้กับทุกสี ทุกกลุ่ม ขอให้รัฐบาลสนับสนุนด้วย



เมื่อวันที่ 16 ก.ค. ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ศาลไต่สวนชันสูตรพลิกศพ คดีที่พนักงานอัยการ สำนักอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญากรุงเทพใต้ 1 ยื่นคำร้องขอให้ศาลไต่สวนการเสียชีวิตของนายฮิโรยูกิ มูราโมโตะ ช่างภาพสำนักข่าวรอยเตอร์ ชาวญี่ปุ่น ผู้ตายที่ 1 นายวสันต์ ภู่ทอง ผู้ชุมนุมกลุ่มแนวร่วมประชา ธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ผู้ตายที่ 2 และนายทศชัย เมฆงามฟ้า ผู้ชุมนุม นปช. ผู้ตายที่ 3 ทั้งหมดถูกยิงเสียชีวิตหน้าโรงเรียนสตรีวิทยา ถนนดินสอ ในเหตุการณ์สลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 10 เม.ย.2553



ร.ต.ชัยวัฒน์ ตะเพียรทอง เบิกความว่าเมื่อวันที่ 11 มี.ค.2553 พยานมาปฏิบัติหน้าที่ที่สนามบินสุวรรณภูมิ โดยอยู่ประจำการ 3 วัน ต่อมาได้รับคำสั่งให้เคลื่อนพลไปที่กรมทหารราบที่ 1 รักษาพระองค์ ตั้งแต่วันที่ 15 มี.ค.2553 กระทั่ง 10 เม.ย.2553 ได้รับคำสั่งให้เคลื่อนย้ายเข้ามาที่หน่วยงานของกองทัพเรือ ใกล้กับวัดอัมพวา วันเดียวกันก็ได้รับคำสั่งจากพ.ท.พงษ์ศักดิ์ เอี่ยมพญา ให้ไปสมทบกับทหารหน่วยอื่นเพื่อตั้งด่านบริเวณแยกไฟฉาย เนื่องจากได้รับข่าวว่าจะมีกลุ่มนปช. มาชุมนุม ที่ร.พ.ศิริราช พยานขับรถฮัมวี่นำขบวน ตามด้วยรถบัส 2 คัน และรถยีเอ็มซี 2 คัน โดยมีกำลังทหาร 1 กองร้อย ประมาณ 150 คน เมื่อไปถึงในเวลา 11.00 น. พบผู้ชุมนุมสวมเสื้อสีแดงประมาณ 10 คนขึ้นไป แต่ยังไม่มีเหตุการณ์วุ่นวาย และไม่เห็นผู้ชุมนุมถืออาวุธ ขณะนั้นมีทหารตั้งด่านอยู่ พยานกับพวกจึงเข้าไปสมทบ



พยานเบิกความต่อว่า จากนั้นได้รับคำสั่งจากพ.ท.พงษ์ศักดิ์ ให้ไปที่สะพานสมเด็จ พระปิ่นเกล้า เพื่อไปสมทบกับทหารหน่วยอื่น พยานจึงขับรถนำขบวนไป ตามด้วยรถของผู้บังคับบัญชา 2 คัน รถยนต์บรรทุกหัวตัด 2 คัน รถบัส 2 คัน รถบรรทุกทหาร 2 คัน และรถบรรทุกน้ำ ขณะใกล้ถึงสะพานสมเด็จพระปิ่น เกล้า เห็นบนสะพานมีกลุ่มนปช.ล้อมรถทหาร พยานจึงหยุดรถและรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ ก่อนได้รับคำสั่งให้เปลี่ยนเส้นทางไปทางสะพานพระราม 8 ขณะจะเลี้ยวขวาเข้าสะพานวันชาติ เห็นผู้ชุมนุมขวางทางอยู่ จึงบีบแตรใส่และเลี้ยวเข้าไปจอดกลางสะพานวันชาติ จากนั้นกำลังพลทั้งหมดลงไปสมทบกับทหารหน่วยอื่น แต่พยานเป็นพลขับจึงอยู่ที่รถ ขณะนั้นเห็นกำลังพลตั้งแถวสองแถวที่สี่แยกไฟแดงก่อนถึงสะพานวันชาติ จากการสังเกตรถของทหารที่จอดอยู่ คาดว่ามีกำลังพลรวมกับหน่วยของพยานประมาณ 3 กองร้อย



ร.ต.ชัยวัฒน์เบิกความต่อว่า กระทั่งเวลา 14.00 น. ทหารเริ่มปฏิบัติการขอคืนพื้นที่ โดยเดินคืบหน้าไปตามถนนประชาธิปไตย มุ่งหน้าอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ผู้ชุมนุมจึงถอยร่นไป ทหารหน่วยของพยานมีโล่กับกระบองและสวมชุดปราบจลาจล ไม่มีอาวุธปืน ส่วนผู้ชุมนุมถือไม้ เหล็ก ก้อนอิฐ และไม้เหลาแหลม แต่ไม่เห็นว่ามีอาวุธปืนหรือไม่ หลังปฏิบัติการผ่านไป 1 ช.ม. มีทหารบาดเจ็บถูกหามเข้ามา สอบถามทราบว่าโดนตีด้วยเหล็กท่อน้ำที่เทปูนลงไปให้มีความแข็งแรงมากขึ้น พยานจึงช่วยปฐมพยาบาลเบื้องต้น หลังจากนั้นก็มีทหารบาดเจ็บจากการโดนก้อนอิฐปาและโดนตี แต่ไม่พบว่ามีทหารคนใดบาดเจ็บจากการถูกยิง



พยานเบิกความว่า ต่อมาเวลา 18.00 น. ได้รับคำสั่งทางวิทยุว่าให้หยุดเคลื่อนกำลังพล และถอนกลับไปที่กองบัญชาการกองทัพบก บริเวณแยก จปร. ขณะรอกำลังพลอยู่ที่รถ กระทั่งเวลา 19.30 น. ได้ยินเสียงระเบิดดังมาจากแนวทหารที่อยู่ทางอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ต่อมาเวลา 20.30 น. เห็นแสงไฟวาบในกลุ่มทหาร และตามด้วยเสียงระเบิดหลายครั้ง จากประสบการณ์คาดว่าเป็นระเบิดแบบขว้าง จากนั้นก็ได้ยินเสียงปืนดังตามมาอีกหลายนัด สักพักมีทหารบาดเจ็บถูกหามออกมาหลายนาย และเห็นพลทหารพากันวิ่งหนีออกมา พยานจึงช่วยหามไปขึ้นรถพยาบาล แต่ขณะรถพยาบาลเคลื่อนออกไป ก็ถูกกลุ่มคนเสื้อแดงขวางรถและไล่ตีทหารที่บาดเจ็บ



ร.ต.ชัยวัฒน์เบิกความต่อว่า กระทั่งเวลา 22.00 น.เศษ กำลังพลส่วนใหญ่เริ่มทยอยออกมา พยานจึงกลับรถที่สี่แยกวันชาติ และหันหน้ารถมุ่งหน้าไปทางกองบัญชาการกองทัพบก ขณะจอดรอกำลังพลมีรถตู้สีขาววิ่งสวนมาเฉียดกับรถพยานประมาณ 1 ช่วงแขน จากนั้นผู้โดยสารในรถตู้เปิดกระจกชะโงกมาด่า โดยชายคนดังกล่าวใส่ชุดคลุมสีดำ เสื้อแจ๊กเกตสีดำ สวมหมวกไหมพรมคลุมศีรษะ เห็นแต่ดวงตา ในรถมีอยู่ประมาณ 5 คน รวมคนขับ บางคน ใช้ผ้าเช็ดหน้าปิดปาก บางคนสวมไอ้โม่ง พยานเห็นอาวุธปืนอาก้า 1 กระบอก วางอยู่บนเบาะนั่ง ส่วนที่พื้นรถมีอาวุธปืนเอ็ม 16 จำนวน 4 กระบอก โดยรถคันดังกล่าวถอดเบาะนั่งแถวหน้าออก ขณะนั้นได้ยินเสียง ผบ.กองร้อย มีคำสั่งให้ออกรถไปที่กองบัญชาการกองทัพบก แต่ไม่ทราบว่ารถตู้มุ่งหน้าไปทางใด ในช่วงเกิดเหตุไม่ได้มองเห็นเหตุการณ์ขณะผู้ตายทั้ง 3 ถูกยิง เนื่องจากอยู่ไกลจากที่เกิดเหตุ แต่ทราบจากข่าวว่ามีผู้เสียชีวิตหลายรายจากเหตุการณ์ดังกล่าว



ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการไต่สวนเสร็จสิ้น ศาลนัดไต่สวนครั้งต่อไปวันที่ 17 ก.ค. เวลา 09.00 น.