28 มีนาคม 2556
รายงานพิเศษ ปิดฉากวาทกรรมเผาเมือง ? : ข่าวสดออนไลน์

จาตุรนต์ ฉายแสง
อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย
เมื่อศาลตัดสินแบบนี้ เท่ากับว่าก่อนหน้านี้ไม่เคยมีการพิสูจน์ได้เลยว่าคนเสื้อแดงกระทำความผิดในพื้นที่กทม.แม้แต่รายเดียว ต่างจากคำกล่าวหาทางการเมืองที่ระบุว่าคนเสื้อแดง พรรคเพื่อไทย เป็นพวกเผาบ้านเผาเมือง แสดงให้เห็นว่าการกล่าวหาไม่มีมูลเลยแม้แต่น้อย ซึ่งการกล่าวหาประชาชนสืบเนื่องจากพรรคการเมืองหนึ่งซึ่งเป็นรัฐบาลขณะนั้น จำเป็นต้องเอาตัวรอดจากเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมืองในเดือนเม.ย.-พ.ค.2553 ซึ่งมีประชาชนเสียชีวิตจำนวนมาก หากเป็นรัฐบาลอื่นคงอยู่ไม่ได้ แต่พรรคนั้นอยู่ได้ เพราะเปลี่ยนเรื่องใหม่ให้ประชาชนเป็นผู้ก่อการร้าย โดยเน้นเรื่องการเผาบ้านเผาเมือง ทั้งที่ไม่มีหลักฐานมายืนยันว่าใครเป็น คนเผา แม้การตัดสินของศาลจะออกมาชัดเจนแล้วว่าคนเสื้อแดงไม่ได้ทำผิด แต่เชื่อว่าคงไม่หยุดและใช้วิธีนี้ต่อไป เพราะเป็นวิธีที่ได้ผลมากพอสมควร ต่อไปหากนำประเด็นนี้มากล่าวหากันทางการเมืองจะสามารถฟ้องร้องได้หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับว่าเขากล่าวหาใคร เพราะโดยมากจะพูดคลุมเครือ ไม่ระบุชัดเจน จึงคิดว่าการฟ้องร้องตามกฎหมายคงไม่ง่ายนัก เขาอาจใช้ช่องโหว่นี้เป็นประโยชน์ทางการเมืองต่อไป แต่คงไม่ได้ผลมากเหมือนเดิมแล้ว เพราะหากยังกล่าวหาอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ประชาชนเริ่มเข้าใจความจริงมากขึ้นว่านอกจากไม่ใช่เรื่องจริง กล่าวหาใส่ร้ายผู้อื่นแล้ว ยังเพิ่มความขัดแย้งสร้างความแตกแยกในสังคมมากขึ้นด้วย ดังนั้นใครที่นำประเด็นนี้มาโจมตีคู่แข่ง ผลเสียก็จะตกอยู่กับเขาคนนั้นเอง อย่างไรก็ตามคนเสื้อแดงและพรรคเพื่อไทยจะรอให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์อย่างเดียวไม่ได้ ต้องชี้แจงทำให้เห็นความจริงว่าใครหากินอยู่กับการโจมตีใส่ร้ายคนอื่นด้วย กรณียกฟ้องคดีดังกล่าวจะมีผลต่อคดีโจมตีผู้สมัครผู้ว่าฯกทม.หรือไม่นั้น เชื่อว่าการลงโทษคงยาก เพียงแต่จะทำให้สังคมเห็นชัดขึ้นว่า การปราศรัยของใครใส่ร้ายใครมากขึ้นเท่านั้น สำหรับคนที่ถูกคุมขังหรือได้รับโทษนั้น ตามกฎหมายต้องได้รับการเยียวยาอยู่แล้ว แต่การเยียวยาคงไม่สามารถทดแทนความเสียหายที่สูญเสียอิสรภาพยาวนานได้ ดังนั้นต้องมาดูเรื่องระบบยุติธรรมทั้งระบบว่าควรปรับปรุงอย่างไร และเป็นตัวอย่างให้เห็นว่าคดีทางการเมืองจำนวนมากที่ต้องทำภายใต้บรรยากาศแพ้ชนะกันข้างหนึ่ง ควรใช้ทางออกด้วยการนิรโทษกรรม ซึ่งเป็นทางออกที่ลดความเสียหายได้ดีกว่า
สุริชัย หวันแก้ว
คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ
เชื่อว่าศาลมีเหตุผลมากพอที่นำไปหักล้างการกล่าวหาต่างๆ นานา จนมีคำสั่งว่าจำเลยทั้ง 2 คน ไม่มีความผิดในคดีเผาห้างเซ็นทรัลเวิลด์ ที่ผ่านมาวาทกรรมเผาบ้านเผาเมือง ไม่ควรนำไปใช้ในการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. เพราะการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. กับเหตุการณ์สลายการชุมนุมคนเสื้อแดงนั้น เป็นคนละเหตุการณ์ ซึ่งไม่เกี่ยวข้องและเป็นคนละส่วน การนำทั้ง 2 สิ่งนี้มาเกี่ยวข้องกัน มีแต่จะทำให้ปัญหาเพิ่มมากขึ้นและสร้างความวุ่นวายในสังคม ทั้งนี้สังคมต้องเรียนรู้ได้แล้วว่าจุดไหนคือสิ่งที่พอดี และจุดไหนเป็นการกระทำที่เกินเลย โดยเฉพาะคำกล่าวหาที่ดูเหมือนเป็นคำกล่าวหาที่เกินเลย มีแต่จะทำให้เกิดผลเสียต่อตัวเองและสังคม ซึ่งส่วนนี้ต้องขึ้นอยู่กับคนเสื้อแดง หากเชื่อว่าที่ผ่านมาไม่ได้รับความเป็นธรรม ถูกละเมิดสิทธิ หรือถูกกล่าวหาในสิ่งที่ไม่ได้กระทำผิด สามารถไปฟ้องร้องเพื่อปกป้องสิทธิของตัวเองได้ ซึ่งกฎหมายกำหนดช่องทางไว้อยู่แล้ว แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือ ผู้มีอำนาจในบ้านเมืองควรคำนึงว่าสังคมไม่ได้มีแค่ 2 ฝ่าย แม้แต่ผู้เสียชีวิตจากการสลายการชุมนุมก็ไม่ได้มีแค่คนเสื้อแดง แต่ยังมีคนที่ไม่เกี่ยวข้องซึ่งเผอิญไปอยู่ในที่เกิดเหตุ จนต้องเสียชีวิตหลายคน ฉะนั้นควรเอาเวลาที่กล่าวหาใส่ร้ายกันไปมา เปลี่ยนมาเป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้น ช่วยเหลือเยียวยาผู้เป็นเหยื่อจากการสลายการชุมนุมให้ครบถ้วนทุกคน เพราะทุกวันนี้การเยียวยา ล่าช้ามาก ถ้าต่างฝ่ายต่างลดการกระทำที่เกินเลยแล้วทำตามหน้าที่ของตัวเอง ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในสังคมนี้จะเบาบางลง
ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์
นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์
แม้ศาลสั่งยกฟ้อง 2 นปช. ในความผิดฐานวางเพลิงเผาทรัพย์แล้วก็ตาม แต่คงไม่มีผลต่อการเมืองมากนัก เพียงแค่ให้รู้ว่านปช.ทั้ง 2 คนที่ตกเป็นผู้ต้องหานั้น สุดท้ายก็พิสูจน์แล้วว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ อย่างไรก็ตาม การหยิบยกประเด็นเผาบ้านเผาเมืองมาโจมตีคู่แข่งทางการเมืองก็คงไม่ยุติ ก่อนหน้านี้ก็มักนำเหตุวางเพลิงที่เกิดขึ้นมาเป็นข้ออ้างในการสลายการชุมนุม ที่ทำให้ประชาชนต้องตายไปเกือบร้อยคน ดังนั้นข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นคงไม่มีผลอะไร ส่วนตัวเห็นว่าหากนักการเมืองคนใดนำประเด็นนี้มากล่าวหาคนอื่นอีก สมควรที่จะดำเนินการฟ้องร้องเอาผิดตามกฎหมาย เพราะประเด็นการเผาบ้านเผาเมืองที่มักนำมาอ้างนั้น พิสูจน์แล้วว่าอยู่บนพื้นฐานของการเข้าใจผิด โดยเฉพาะกรณีการโพสต์รูปในเฟซบุ๊กในช่วงหาเสียงเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ซึ่งเป็นภาพแกนนำพรรคเพื่อไทยอยู่บนรถแล้วมีฉากหลังเป็นเพลิงไหม้ห้างเซ็นทรัลเวิลด์ ทั้งที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.แต่อย่างใด และที่สำคัญ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. พรรคเพื่อไทย และอีกหลายคนในภาพก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ แต่กลับโดนนำเข้ามาเกี่ยวข้องทั้งหมด ถือว่าไม่เป็นธรรมสำหรับคนที่ถูกกล่าวหา เมื่อศาลพิพากษายกฟ้องนปช.ทั้ง 2 คน คงไว้เฉพาะความผิดฐานพ.ร.ก.ฉุกเฉินเท่านั้น ซึ่งการที่ทั้งสองคนถูกขังมาร่วม 3 ปี ได้รับโทษเกินกว่าความผิดฐานพ.ร.ก.ฉุกเฉิน และเกินกำหนดมามาก อีกทั้งที่ผ่านมาผู้ที่ถูกจับกุมต้องติดคุกก็เป็นเพียงการตอบสนองทางการเมือง ดังนั้นสิ่งสำคัญในตอนนี้คือการเยียวยานปช.ทั้ง 2 คนอย่างเร่งด่วนที่สุด โดยทนายความควรเข้ามาช่วยเหลือเพราะนปช.ทั้ง 2 เป็นคนจน และควรฟ้องกลับตามกฎหมายที่ต้องโดนจำคุกนานกว่าบทลงโทษ จึงต้องชดเชยทั้งสภาพจิตใจและการทำให้เสียเวลาด้วย ซึ่งกฎระเบียบของการเยียวยาก็มีอยู่แล้ว ขณะที่กระทรวงมหาดไทยและกระทรวงยุติธรรมที่ดูแลเงินชดเชยการเยียวยา ควรรีบดำเนินการด้วยเช่นกัน
