ดีเอสไอซัก "ถวิล" 7 ชั่วโมง ระบุทหารคงพกปืนฉีดน้ำไม่ได้ เพราะมีกองกำลังติดอาวุธไม่ทราบฝ่าย

มติชน 13 กันยายน 2555 >>>


เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 12 กันยายน ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายถวิล เปลี่ยนศรี อดีต
เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังถูกสอบปากคำกว่า 3 ชั่วโมง ก่อนกลับเข้าไปให้การกับพนักงานสอบสวนอีกรอบว่า ดีเอสไอได้เรียกสอบปากคำในฐานะพยานในคดีที่มีผู้เสียชีวิต 98 ศพ จากการชุมนุมเมื่อปี 2553 ซึ่งได้ชี้แจงไปแล้วหลายประเด็น โดยเบื้องต้นได้ขอให้พนักงานสอบสวนทำงานอย่างตรงไปตรงมา ไม่ใช่เปลี่ยนแนวทางตามรัฐบาลแต่ละชุด
นายถวิลกล่าวต่อว่า เชื่อมั่นในเกียรติของข้าราชการ มั่นใจการทำงานของรัฐบาลในขณะนั้นว่า ได้ดำเนินการตามขั้นตอนที่กฎหมายให้อำนาจไว้ และใช้ความระมัดระวัง ยืนยันว่าไม่ใช่การปราบปรามประชาชน และการดำเนินการครั้งนั้นไม่มีคำสั่งให้สลายการชุมนุมแต่เป็นการขอพื้นที่ คืน เพื่อเปิดการจราจรให้ประชาชน และค่อยๆ กระชับวงล้อมในพื้นที่ราชประสงค์ประมาณ 1 สัปดาห์ เพื่อให้ผู้ร่วมชุมนุมที่กลับออกไปไม่สามารถเข้ามาร่วมชุมนุมได้อีก ส่วนการตัดสินใจสลายการชุมนุมเป็นการตัดสินใจของแกนนำ นปช. เอง
นายถวิลกล่าวอีกว่า การเข้าให้ปากคำครั้งนี้ไม่รู้สึกลำบากใจ เพราะเป็นการให้ข้อมูลไปตามข้อเท็จจริง แม้ตนจะทำงานร่วมกับฝ่ายการเมือง แต่เป็นการทำงานเพื่อรับใช้ประชาชน ไม่ใช่การเมือง การที่เจ้าหน้าที่ออกไปปฏิบัติเป็นเพราะบ้านเมืองถูกคุกคาม มีการก่อความไม่สงบซึ่งเริ่มต้นตั้งแต่ 12 มีนาคม-19 พฤษภาคม 2553 ซึ่งถือเป็นระยะเวลาที่ยาวนาน ประชาชนได้รับผลกระทบในการดำรงชีวิต
   "ยอมรับว่าในการลงพื้นที่ เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องพกอาวุธเพราะมีกองกำลังไม่ทราบฝ่ายใช้อาวุธต่อสู้ออก มาตลอด โดยเฉพาะในเวลากลางคืนซึ่งเจ้าหน้าที่ประจำอยู่ในที่ตั้ง จึงไม่สามารถพกปืนฉีดน้ำเข้าไปปฏิบัติงานได้" นายถวิล กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า บรรยากาศการสอบสวนเป็นอย่างไรบ้าง นายถวิลกล่าวว่า ก็เป็นบรรยากาศของการสอบสวน พนักงานสอบคงไม่จ๊ะจ๊ากับตนหรอก เพราะพนักงานสอบสวนต้องการค้นหาความจริง ซึ่งตนก็ต้องตอบคำถามในข้อเท็จจริง
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า มีการสอบเอกสารเพิ่มเติมให้กับพนักงานสอบสวนอีกหรือไม่ นายถวิลกล่าวว่า เอกสารที่ตนเคยมอบบางส่วนให้กับพนักงานสอบสวนชุดก่อนหน้าไปแล้ว ทั้งนี้ อาจจะต้องสอบถามชุดใหม่ว่ามีการสั่งมอบเอกสารหรือไม่ หากไม่ได้ส่งมอบ ก็จะสอบถามว่าต้องการเอกสารอะไรเพิ่มเติมหรือไม่
นายถวิลยังกล่าวว่า ตนพร้อมให้ความร่วมมือเต็มที่ทุกอย่างหวังว่าความยุติธรรมจะเกิดกับทุกฝ่าย ไม่ใช่เป็นเรื่องของการเมืองและได้ขอร้องกับพนักงานสอบสวนว่า พนักงานสอบสวนทำงานภายใต้บรรยายกาศทางการเมืองที่เป็น 2 ฝ่าย ดังนั้น ต้องทำงานอย่างมืออาชีพ ซึ่งทางพนักงานสอบสวนก็รับปาก
นายถวิลยังกล่าวว่า ยังได้สอบถามพนักงานสอบสวนว่า จะต้องมีการสอบสวนไปถึงยังกลุ่มบุคคลใดบ้าง พนักงานสอบสวนบอกว่า คงต้องเรียกมาสอบตามลำดับไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีข้อมูลจากคณะกรรมการธิการทหารระบุว่า มีการเบิกกระสุนจริงออกไปใช้ในวันเกิดเหตุ รวมทั้งมีข้อมูลเรื่องพลซุ่มยิง 39 นาย นายถวิลกล่าวว่า ผมไม่ทราบในรายละเอียดเป็นเรื่องการรายงาน ตนไม่ทราบทุกเรื่อง ในเรื่องทางยุทธการ การสั่งการต่างๆ นั้น
1. มันต้องเป็นการรักษาความลับ
2. เป็นเรื่องทางเทคนิค
หากนำมาให้ผมพิจารณา ผมก็เห็นตามนั้น ดังนั้น หากถามความจำเป็นหรือไม่ คงไม่ทราบ
   "ผมยืนยันว่าในหลักการไม่มีคำสั่งให้สลายการชุมนุม ไม่มีคำสั่งให้เอาชีวิต โดยเฉพาะแกนนำผู้ชุมนุมที่เจ้าหน้าที่ต้องดูแลอย่างดี เพราะหากเกิดอะไรขึ้นกับแกนนำรัฐบาลคงอธิบายได้ลำบาก" นายถวิลกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การสอบปากคำนายถวิลพนักงานสอบใช้เวลาสอบถามข้อมูลต่างๆ กว่า 7 ชั่วโมง ใกล้เคียงกรณีการสอบปากคำนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ในฐานะอดีต ผอ.ศอฉ. ซึ่งเข้าใกล้การก่อนหน้านี้ เนื่องจากนายถวิลมีตำแหน่งเป็นอดีตเลขาฯ ศอฉ. จึงมีรายละเอียดข้อมูลที่จะสอบถามค่อนข้างมาก โดยพนักงานสอบสวนจะให้เล่ารายละเอียดของเหตุการณ์ ที่มาของข้อมูลก่อนประกาศคำสั่ง ศอฉ.แต่ละฉบับ รวมทั้งการนำภาพถ่ายในวันเกิดเหตุมาสอบถามนายถวิล ทั้งนี้ ยังมีประเด็นเรื่องของชายชุดดำตามที่มีการกล่าวอ้าง เพื่อประกอบคำให้การในครั้งนี้
จากนั้นเจ้าหน้าที่ดีเอสไอก็ได้นำสำเนาเอกสารคำสั่งจำนวน 32 ชุด ให้นายถวิลลงนามคำให้การทุกเแผ่น เช่นเดียวกับพยานรายอื่นๆ ที่ถูกเชิญมาสอบปากคำ