ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเผยแพร่คำวินิจฉัยส่วนตัวในคดีแก้ไขรัฐธรรมนูญออกมาตั้งแต่เมื่อวันศุกร์ที่แล้ว เชื่อว่าคงมีคนจำนวนไม่น้อยได้อ่านทั้งฉบับเต็ม และน่าจะมีคนจำนวนมากกว่าอ่านบทสรุปย่อจากที่ต่างๆ รวมทั้งจาก "ข่าวสด" ด้วย
ในจำนวนผู้อ่านคำวินิจฉัยของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญอย่างเอาจริงเอาจังนั้น มีนักกฎหมายดาวรุ่งอย่างอาจารย์วีรพัฒน์ ปริยวงศ์ รวมอยู่ด้วย
อ่านเสร็จแล้วก็สรุปให้คนที่เชี่ยวชาญกฎหมายน้อยกว่า ได้เข้าใจคำวินิจฉัยนี้มากขึ้นอย่างง่ายๆ อ่านไปมึนไปกับคำวินิจฉัยส่วนตัว เพราะไม่สอดคล้องเนื้อหาคำวินิจฉัยกลาง เนื่องจากไม่มีตุลาการแม้แต่คนเดียวที่เห็นว่ารัฐสภา "ควร" ทำประชามติถามประชาชนก่อน
เพราะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ "เสียงแตก" ครับ ไม่ใช่เสียงแตกแบบแตกเนื้อหนุ่ม แต่แตกในสาระสำคัญของการพิจารณา โดยเฉพาะในประเด็นที่ 2 ว่ารัฐสภาสามารถแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับได้หรือไม่นั้น
ตุลาการ 2 คนให้แก้ได้แต่ต้องทำประชามติก่อน อีก 2 คนบอกทำไม่ได้ อีก 1 คนให้ทำได้ ส่วนที่เหลืออีก 3 เสียง ระบุศาลรัฐธรรมนูญไม่มีอำนาจวินิจฉัยประเด็นนี้
ฟังแล้วก็พลอยมึนตามอาจารย์วีรพัฒน์ไปด้วย เพราะถ้าประเด็นว่า "ควร" ทำประชามติ หรือต้องไปแก้ไขเป็นรายมาตราในคำวินิจฉัยกลางไม่รู้เหาะมาจากไหน ?
ก็ต้องถามต่อว่าแล้วจะมีผลผูกพันในทางกฎหมายมากน้อยแค่ไหน เมื่อศาลไปเปิดกว้างในประเด็นที่ 1 เอาไว้เสียแล้วว่า มีอำนาจหน้าที่ในการ "พิทักษ์รัฐธรรมนูญ" อย่างเต็มที่
ถ้ารัฐสภาไปทำในสิ่งที่ไม่ตรงกับ "คำแนะนำ" แล้วเกิดมีคนมาร้องซ้ำ ถามว่าตุลาการรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยอย่างไรในคราวหน้า ไม่มีใครตอบได้
ถึงบอกว่า-มึน
หลักกฎหมายและการบังคับใช้กฎหมายที่ดี คือต้องทำให้ทุกคนเข้าใจไปในทางเดียวกัน ถ้าทำให้ชาวบ้านมึนหนักขึ้นเรื่อยๆ
จะเรียกว่ากฎหมาย หรือกฎ....ดี?