ด้าน นพ.เหวง โตจิราการ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ภาพที่นายชวนนท์นำออกมาเปิดเผยต่อสาธารณชนนั้นเป็นการตัดต่อภาพเพื่อให้เกิดความชอบธรรมต่อพรรคพวกตัวเอง กรณีส่งกองกำลังทหารพร้อมอาวุธร้ายแรงเข้ามาสลายการชุมนุม จนทำให้มีประชาชนและเจ้าหน้าที่เสียชีวิตรวม 98 ศพ บาดเจ็บกว่า 2,000 ราย เรื่องนี้ตนกำลังหารือกับสมาชิกพรรคเพื่อไทยทำหนังสือถึงนายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ เลขาธิการนายกฯ เพื่อขอคลิปต้นฉบับที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เคยนำไปเปิดเผยที่ช่อง 11 นำมาตรวจสอบภาพในคลิปว่ามีชายชุดดำตามที่นายอภิสิทธิ์กล่าวหาหรือไม่ เนื่องจากสงสัยว่าน่าจะเป็นการนำมาตัดต่อ
นพ.เหวง กล่าวอีกว่า สำหรับนายมานพ ชาญช่างทอง จากการตรวจสอบข้อมูลประวัติแล้วทราบว่ามีอาชีพค้าขาย และขับซาเล้งหาเลี้ยงชีพ โดยวันเกิดเหตุวันที่ 10 เม.ย. 2553 บริเวณสี่แยกคอกวัว ถนนราชดำเนินกลาง นายมานพร่วมชุมนุมและเป็นการ์ดอาสาให้กับแกนนำ โดยสวมเสื้อสีดำธรรมดาและสวมไอ้โม่งดำเพื่อป้องกันแก๊สน้ำตา จนกระทั่งช่วงบ่ายสถานการณ์บริเวณดังกล่าวเริ่มตึงเครียดมีการส่งเฮลิคอปเตอร์มาโปรยแก๊สน้ำตา และส่งกำลังทหาร รถหุ้มเกราะเข้ามาประชิดผู้ชุมนุมด้านโรงเรียนสตรีวิทยา ถนนดินสอ จนผู้ชุมนุมไม่พอใจและเกิดการเผชิญหน้ากัน เนื่องจากผู้ชุมนุมต้องการให้ทหารถอยร่นออกไป
นพ.เหวง กล่าวอีกว่า จนกระทั่งตกค่ำกลุ่มเจ้าหน้าที่ที่ประจำการอยู่บนรถหุ้มเกราะเริ่มยิงใส่ผู้ชุมนุมทำให้สถานการณ์บานปลาย ผู้ชุมนุมกรูเข้าไปทำร้ายและยึดอาวุธปืนมาได้จำนวนหนึ่ง ขณะนั้นนายมานพและพวกเห็นว่าหากปล่อยไว้ไม่เข้าไปช่วยทหารกลุ่มนี้อาจจะถูกรุมประชาทัณฑ์ได้ จึงตัดสินใจเข้าไปช่วยป้องกันทหารกลุ่มนี้ไม่ให้ถูกทำร้าย และพาออกจากจุดเกิดเหตุได้รวม 38 นาย พร้อมทั้งยังหาอาหาร น้ำดื่มมาให้ก่อนส่งกลับกรมทหารย่านเกียกกายอย่างปลอดภัยในช่วงเวลาประมาณ 23.00 น. จากนั้นนายมานพก็ช่วยขนเอาอาวุธที่ยึดได้มากองรวมไว้บนเวที และส่งมอบคืนกองทัพในวันต่อมาทันที
ที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) นายปกรณ์ พันธุ อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ (พส.) เปิดเผยกรณีนางปรียาพร ผุยสูงเนิน ภรรยานายไชยวัฒน์ ผุยสูงเนิน เข้าเรียกร้องนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมว.พม. ว่ายังไม่ได้รับเงินเยียวยาว่า พส. พิจารณาหลักฐานกรณีนี้มา 2 ครั้งแล้ว พบว่าหลักฐานบางฉบับไม่ได้ระบุว่านายไชยวัฒน์ได้รับบาดเจ็บจากการชุมนุมที่แยกคอกวัวในวันที่ 10 เม.ษ. 2553 จริง แต่ใช้คำว่าสงสัย ทางพส.จึงแจ้งกลับไปว่าให้นำหลักฐานมายืนยันเพิ่มเติม ซึ่งพส.พร้อมจ่ายเงินอยู่แล้ว ขอเพียงหลักฐานครบถ้วนตามหลักเกณฑ์ที่คณะอนุกรรมการกำหนดไว้ อย่างไรก็ตามวันที่ 3 ก.ย. นี้จะนำเรื่องเข้าที่ประชุมคณะกรรมการ เพื่อทบทวนหลักฐานอีกครั้ง