บก.ลายจุด เสนอยื่นคำร้อง "ตลก.รธน." ล้มล้างการปกครอง หากตัดสินแก้ รธน. ผิด

ประชาไท 9 กรกฎาคม 2555 >>>




"สมบัติ บุญงามอนงค์" แนะคนเสื้อแดงต่อสู้ด้วยวิถีทางการเมือง ซึ่งมีแนวรบไม่จำกัดเพศ-วัย อย่าสู้ทางทหารให้เสียเลือดเนื้อ ถอดบทเรียนการต่อสู้เชิงสัญลักษณ์ ชี้ใช้ต้นทุนต่ำ ผลกระทบสูง

(8 ก.ค. 55) เวลา 13.30 น. สมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด แกนนอนกลุ่มวันอาทิตย์สีแดง กล่าวในการเสวนา "ปฏิญญาหน้าศาล" ซึ่งเป็นกิจกรรมที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกวันอาทิตย์ที่หน้าศาลอาญา รัชดา ในหัวข้อ "สร้างสัญลักษณ์ สู้สังคมอัปลักษณ์ กับ บก.ลายจุด" ซึ่งมีผู้สนใจเข้าร่วมกว่า 100 คน ว่า สำหรับวันที่ 13 ก.ค. ที่จะมีการอ่านคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญตามมาตรา 291 เข้าข่ายล้มล้างการปกครองตามมาตรา 68 หรือไม่นั้น หากมีการตัดสินว่าการแก้รัฐธรรมนูญและการมี ส.ส.ร. เป็นการล้มล้างการปกครอง ทั้งที่ก่อนหน้านี้ก็มีการตั้ง ส.ส.ร. ไม่ว่าจะในปี 2517, 2540 หรือ 2550 เขาขายไอเดียว่า จะไปยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญทันทีว่าตุลาการศาลรัฐธรรมนูญกำลังล้มล้างการปกครอง เพราะหยุดอำนาจอธิปไตยทางนิติบัญญัติ โดยชวนให้ผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับคำตัดสินที่อาจจะออกมา ไปต่อแถวเรียงหนึ่ง ต่างคนต่างยื่นคำร้อง หากคนเยอะก็ให้แถวยาวออกไปจนถนนแจ้งวัฒนะไปเลย
ทั้งนี้ บก.ลายจุด กล่าวด้วยว่า ระหว่างการต่อสู้ทางการเมืองกับการต่อสู้ทางการทหารนั้น เขาเสนอให้คนเสื้อแดงใช้การต่อสู้ทางการเมือง เพราะเป็นการต่อสู้ที่ไม่เสียเลือดเสียเนื้อ ใช้เพียงข้อมูล เหตุผลและความชอบธรรมเท่านั้น ทั้งยังมีแนวรบที่ไม่จำกัดเพศและวัย ขณะที่การต่อสู้ทางการทหารนั้นต้องใช้คนหนุ่ม ต้องมีอาวุธและต้องฝึกฝน
บก.ลายจุด ประเมินมวลชนคนเสื้อแดงว่า ในอดีตหลายคนมีลักษณะเกรี้ยวกราด ซึ่งเป็นที่ยอมรับได้เพราะถูกกระทำมาตลอด อย่างไรก็ตาม มองว่าในช่วง 2 ปีมานี้ คนเสื้อแดงนิ่งขึ้น แต่แนะนำว่าจะต้องฝึกฝนต่อไป ทั้งการหาข้อมูลและความมีเหตุมีผล ซึ่งตรงนี้ก็เห็นพัฒนาการ เพราะเดี๋ยวนี้ คนเสื้อแดงเริ่มไม่ฟังแกนนำปราศรัยแล้วเพราะรู้ว่าจะพูดอะไร และเข้าร่วมงานเสวนาทางวิชาการกันจนเต็มห้อง
เขาชี้ว่า ในการสู้กันด้วยเหตุผล แม้อาจไม่ชนะคู่ต่อสู้ แต่คนอื่นๆ รอบตัวจะฟังและตัดสินเองว่าใครมีเหตุผลกว่ากัน
นอกจากนี้ บก.ลายจุด เสนอให้มีการรวมตัวกันเป็นกลุ่มย่อยๆ และเชื่อมต่อกันในแนวระนาบเป็น "แดงประจำซอย" เพราะเชื่อว่าที่ไหนๆ ก็ต้องมีคนเสื้อแดง รวมตัวกัน 10-15 คนแล้วตั้งกลุ่มศึกษาแนวคิดต่างๆ และอภิปรายกันเพื่อลับความคิดให้คมขึ้น
ทั้งนี้ เขาวิจารณ์ว่า คนเสื้อแดง 80-90% ที่พบนั้น หมกมุ่นกับการด่าฝ่ายตรงข้าม แต่ไม่ค่อยคิดว่าตัวเองจะทำอะไรได้บ้าง เขาจึงเสนอให้แบ่งเวลาในการคิด ส่วนหนึ่ง คิดแบบแกนนำ เพื่อความเท่าทันแกนนำ อีกส่วนหนึ่ง คิดว่าตัวเองถนัดอะไรและจะทำอะไรได้บ้าง โดยยกตัวอย่างทนายที่มาช่วยเหลือด้านคดีแก่ผู้ต้องหาคนเสื้อแดง หรือทีมถ่ายทอดสด "ม้าเร็ว"
นอกจากนี้ บก.ลายจุด ยังได้ถอดบทเรียนการต่อสู้เชิงสัญลักษณ์หรือการ "ป่วน" ของเขาด้วยว่า ที่ผ่านมา เขาเลือกวิธีที่ต้นทุนต่ำ แต่ผลกระทบสูง เช่น การผูกผ้าแดงที่ราชประสงค์หลังเหตุการณ์สลายการชุมนุม พ.ค. 53 ไม่นาน ซึ่งเริ่มด้วยต้นทุนเพียง 350 บาทกับผ้า 10 เมตร แถมยังให้แต่ละคนเอาผ้ามากันเองด้วย แต่ในสัปดาห์ต่อๆ มาก็มีผู้มาร่วมมากขึ้น จนตำรวจสองกองร้อยต้องมาล้อมป้ายราชประสงค์ และถึงขนาดต้องมีการถอดป้ายออกในที่สุด
อย่างไรก็ตาม เขาเสนอว่า อย่าเตะบอลเข้าโกลด์ตัวเอง เพราะในการเคลื่อนไหวของแต่ละคนนั้นล้วนมีผลต่อขบวนคนเสื้อแดงทั้งหมด จะต้องประเมินจุดนี้ด้วย เพื่อรักษาขบวนไว้ในการสู้ต่อไป พร้อมกันนั้นจะต้องเปิดรับบทเรียนและสร้างวัฒนธรรมการวิจารณ์ด้วย โดยได้ยกตัวอย่างความผิดพลาดของตัวเอง ในปี 2535 ที่ได้ปราศรัยด่าแม่ของ พล.อ.สุจินดา คราประยูร และได้ถูกตำหนิบนเวทีว่าจะไม่ให้ขึ้นมาบนเวทีอีก เพราะไม่ได้ต่อสู้บนหลักการ ทำให้เขาได้เรียนรู้
บก.ลายจุด เล่าว่า การจะป่วนนั้นเหมือนศิลปะ ต้องหาจุดที่พอดี ไม่สุดโต่งจนเกินไป โดยให้ลองถอยออกไปและมองจากจุดของคนที่ไม่ใช่คนเสื้อแดงเข้ามาบ้าง และในการออกแบบการป่วนจะต้องคิดอย่างละเอียด หากได้เวลาถอยก็ต้องถอย ให้สังคมเล่นต่อ เช่น กรณีไปแจกใบแดงให้ตุลาการรัฐธรรมนูญเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา เมื่อเขาปฏิบัติการเสร็จก็กลับ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของสื่อและโซเชียลมีเดียไป

บางไอเดีย บก.ลายจุด หากเกิดรัฐประหาร

  • ให้นัดกันออกมากดเอทีเอ็มหน้าสำนักงานใหญ่ของธนาคารพร้อมๆ กัน
  • ใส่เสื้อสีแดงออกมาเดินห้าง 9 ห้างในหนึ่งวันโดยไม่ซื้อของ (เลียนแบบไหว้พระ 9 วัด) ในลักษณะแฟลชม็อบ โดยนัดเวลากัน ถึงเวลาก็ออกมาเดินปะปนกับผู้คน ห้างละ 30 นาที พอครบก็ย้ายไปเรื่อยๆ เพื่อส่งสัญญาณให้รู้ว่าไม่ยอมรับอำนาจนอกระบบ
  • ให้คนอายุ 60 ปีขึ้นไป 5 คนใส่เสื้อแดงมาชุมนุมต้านรัฐประหาร หน้าอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย หากจะมีการจับกุมก็ปล่อยให้จับ ทำต่อไปทุกวัน วันละ 5 คน หากมีการจับไปเรื่อยๆ เช่นกัน คาดว่า ทำได้ 2 สัปดาห์ ทหารจะแพ้ทางการเมือง