ศาลฎีกาฯสั่งเพิกถอนการสรรหา ส.ว. "ศรีสุข รุ่งวิสัย"

มติชน 26 กรกฎาคม 2555 >>>


เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 26 กรกฎาคม ที่ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง สนามหลวง ศาลนัดฟังคำสั่งคดีดำ ลต. (ส.ว.) 2/2555 ที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งเป็นเวลา 5 ปี นายศรีสุข รุ่งวิสัย ผู้คัดค้าน กรณี กกต.เพิกถอนสิทธิการสรรหาของนายศรีสุข เนื่องจาก กกต.ได้รับบัตรสนเท่ห์ว่านายศรีสุขเป็นผู้เสียสิทธิและไม่ได้แจ้งเหตุแห่งการไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งซ่อม ส.ส.นนทบุรี เมื่อวันที่ 25 ม.ค. 2552 เมื่อ กกต.ตั้งอนุกรรมการไต่สวน และคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงพบว่า เดิมนายศรีสุขมีภูมิลำเนาใน จ.นนทบุรี และเมื่อมีการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.นนทบุรี นายศรีสุขไม่ได้ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ต่อมานายศรีสุขย้ายทะเบียนบ้านไปอยู่เขตบางแค กทม. โดยเมื่อวันที่ 29 ส.ค. 2553 มีการเลือกตั้งสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) และสมาชิกสภาเขตกรุงเทพมหานคร (ส.ข.) การเลือกตั้ง 2 ประเภท กำหนดคุณสมบัติของผู้มีสิทธิเลือกตั้งแตกต่างกัน ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ส.ก. จะต้องเป็นผู้ที่มีชื่ออยู่ในทะเบียนไม่น้อยกว่า 1 ปี ส่วนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ส.ข. จะต้องมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านไม่น้อยกว่า 90 วัน นายศรีสุขแจ้งเหตุไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ส.ก. แต่ตรวจสอบแล้วพบว่านายศรีสุขมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านเขตบางแคไม่ถึง 1 ปี ดังนั้น นายศรีสุขจึงเป็นผู้ที่ไม่มีสิทธิเลือกตั้ง ส.ก. จึงถือว่าก่อนวันลงทะเบียนเข้ารับสรรหาเป็น ส.ว. นายศรีสุขเป็นผู้เสียสิทธิเลือกตั้ง เพราะไม่ได้ไปใช้สิทธิเลือกตั้งซ่อม ส.ส.นนทบุรี เมื่อวันที่ 25 ม.ค. 2552
เมื่อถึงเวลานัด นายศรีสุขได้แถลงต่อศาลขอเลื่อนฟังคำสั่งออกไป โดยรอคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญก่อน แต่ศาลฎีกาฯวินิจฉัยแล้วเห็นว่าไม่มีเหตุจำเป็น จึงให้อ่านคำสั่งวันนี้
ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า กกต. มีอำนาจยื่นคำร้องในคดีนี้ เนื่องจากมีอำนาจยื่นตามรัฐธรรมนูญมาตรา 238 และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และการได้มาซึ่ง ส.ว. พ.ศ. 2550 โดยยื่นภายในระยะเวลา 1 ปี นับแต่วันประกาศรับรองผลการสรรหา ส.ว. เมื่อวันที่ 12 เม.ย. 2554
โดยคดีมีประเด็นที่ต้องวินิจฉัยต่อไปว่า ผู้คัดค้านขาดคุณสมบัติในการถูกเสนอชื่อเข้าเพื่อเข้ารับการสรรหา ส.ว. หรือไม่ เห็นว่า แม้ผู้คัดค้านไม่ได้ไปใช้สิทธิเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) จังหวัดนนทบุรี เมื่อวันที่ 25 ม.ค. 2552 โดยไม่ได้แจ้งเหตุที่ไม่อาจไปใช้สิทธิเลือกตั้งเป็นเหตุให้เสียสิทธิได้รับการเสนอชื่อเข้ารับการสรรหาเป็นสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) แต่ต่อมาในคราวที่ได้จัดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) และสมาชิกสภาเขต (ส.ข.) วันเดียวกันในวันที่ 29 ส.ค. 2553 ซึ่งผู้คัดค้านไม่มีสิทธิเลือกตั้ง ส.ก. เพราะมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านไม่ครบระยะเวลาที่ พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นและผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2545 กำหนดไว้ คงมีสิทธิเลือกตั้งเฉพาะ ส.ข. เพียงอย่างเดียว ผู้คัดค้านไม่ได้ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง แต่มีหนังสือแจ้งเหตุที่ไม่ไปใช้สิทธิต่อผู้อำนวยการเขตบางแค เห็นว่า กำหนดระยะเวลาการเสียสิทธิตามมาตรา 26 แห่ง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และการได้มาซึ่ง ส.ว. จะสิ้นสุดลงก็ต่อเมื่อได้ไปใช้สิทธิเลือกตั้งครั้งถัดมาจริงๆ เท่านั้น
ดังนั้น ผู้คัดค้านจึงยังเป็นผู้เสียสิทธิได้รับการเสนอชื่อเป็นผู้เข้ารับการสรรหาเป็น ส.ว. การที่สมาคมผู้สื่อข่าวกีฬาแห่งประเทศไทยเสนอชื่อผู้คัดค้านเป็นผู้เข้ารับการสรรหาเป็น ส.ว. จึงไม่เป็นไปตามกฎหมาย มีผลให้การสรรหา ส.ว. เป็นไปโดยไม่ถูกต้อง โดยผู้คัดค้านเข้าใจคลาดเคลื่อนเองว่า เมื่อไม่ได้ไปเลือกตั้ง ส.ข. แล้วได้ทำหนังสือแจ้งเหตุผลไปถึงผู้อำนวยการเขตบางแค แม้จะไม่มีหนังสือตอบกลับว่าเหตุผลดังกล่าวไม่มีเหตุอันควร ผู้คัดค้านจึงเข้าใจว่าตนยังไม่เสียสิทธิ กรณียังฟังไม่ได้ว่าผู้คัดค้านยินยอมให้สมาคมผู้สื่อข่าวกีฬาฯเสนอชื่อเพื่อเข้ารับการสรรหาเป็น ส.ว. โดยไม่สุจริต จึงไม่มีเหตุที่จะสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งผู้คัดค้านตามคำร้อง
อาศัยอำนาจตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 มาตรา 240 และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และการได้มาซึ่ง ส.ว. มาตรา 134 จึงคำสั่งให้เพิกถอนการสรรหา ส.ว. ในส่วนของนายศรีสุข รุ่งวิสัย ผู้คัดค้าน และให้มีการสรรหา ส.ว. ใหม่ในส่วนของผู้คัดค้าน คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
สำหรับนายศรีสุข ได้รับการเสนอชื่อเป็น ส.ว.สรรหา จากสมาคมผู้สื่อข่าวกีฬาแห่งประเทศไทย กกต. มีมติเอกฉันท์ให้เพิกถอนสิทธิการสรรหาของนายศรีสุข เป็นผู้เสียสิทธิการเลือกตั้งตามมาตรา 26 ประกอบมาตรา 27 แห่ง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และการได้มาซึ่ง ส.ว.