'หมอประเวศ' ชี้ 13 ก.ค. ระวังเกิดมิคสัญญี

คมชัดลึก 12 กรกฎาคม 2555 >>>




'หมอประเวศ' ชี้ 13 ก.ค. นี้ ระวังเกิดมิคสัญญี อย่ากระพือความเกียจชังกันในสังคมไทย ด้าน'หมอพลเดช'วอนอย่ากดดันศาลรัฐธรรมนูญ เชื่อมั่นศาลรัฐธรรมนูญจะใช้ดุลยพินิจในการตัดสินใจอย่างรอบคอบ

12 ก.ค. 55 ศาสตราจารย์เกียรติคุณ นายแพทย์ ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส กล่าวถึงกรณีเหตุการณ์พิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญในวันที่ 13 ก.ค. นี้ ว่า ธรรมชาติของคนไทยแล้วเชื่อว่าไม่ออกมาสุดโต่ง แต่สิ่งที่กำลังดำเนินไปอยู่ขณะนี้คือ สร้างกระพือความเกียจชังกันในสังคมไทย ซึ่งจะนำไปสู่ความรุนแรงที่เรียกกว่าเกิดมิคสัญญีกลียุค ซึ่งมันเกิดประเทศอื่นมาแล้วให้คนเกียจชังกัน เช่น ในอเมริกาเกิดสงครามกลางเมือง มีคนตายกว่า 5 แสนคน ในศรีลังกาขัดแย้งกัน 25 ปีมีคนตายไปหลายหมื่นคน ที่ประเทศลาวันดาความขัดแย้งระหว่างเผ่า 3 เดือน คนตายไป 8 แสนคน อินโดนีเซียความขัดแย้งเสียชีวิตไปกว่า 5 แสนคน
   "ดังนั้น คนไทยต้องระวังไม่ให้เกิดมิคสัญญีกลียุค และจุดใกล้ที่สุดคือ คนไทยต้องไม่กระพือความเกียจชัง แม้ปัญหาความขัดแย้งยังมีแต่ไม่ควรกระพือความเกียจชัง แต่ควรใช้การสื่อสารทั้งวิทยุ โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ ถ้าผู้สื่อสารทั้งหมดช่วยกันไม่กระพือความเกียจชังแต่ช่วยกันสื่อสารความเป็นเหตุเป็นผล ปัญหาอะไรเกิดจากอะไร เป็นการช่วยป้องกันความรุนแรงได้" นพ.ประเวศ กล่าว
นพ.ประเวศ กล่าวต่อว่า สังคมไทยต้องสร้างสังคมที่ความเป็นธรรม แต่ที่ผ่านมาสังคมไทยมีช่องว่างความเหลื่อมล้ำมาก ทำให้นำไปสู่ปัญหาต่างๆ รวมทั้งความขัดแย้ง ส่งผลจะให้เกิดความรุนแรง ซึ่งควรหันมามองจริงๆ เราเป็นเพื่อนมนุษย์เป็นเพื่อนคนไทยด้วยกัน จะสีแดง สีเหลือง สีเขียว หรือไม่มีสีก็ตาม เพราะจริงๆแล้ว เป็นเพื่อนคนไทยด้วยกันทั้งนั้น ซึ่งการตื่นตัวทางการเมืองถือเป็นเรื่องที่ดี แต่อย่างไรก็ตามต่อไปจะต้องปฎิรูปโครงสร้างเพื่อสร้างความเป็นธรรม แล้วจะค้นพบเองว่าไม่ตกเป็นเครื่องมือของใครที่แย่งชิงอำนาจรัฐกัน

"หมอพลเดช" วอนอย่ากดดันศาลรัฐธรรมนูญ

นพ.พลเดช ปิ่นประทีป เลขาธิการสถาบันชุมชนท้องถิ่นพัฒนา กล่าวถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญนัดฟังคำวินิจฉัยคดีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนุญ มาตรา 291 เข้าข่ายล้มล้างการปกครองตาม มาตรา 68 หรือไม่ ในวันที่ 13 กรกฎาคมนี้ ว่า กรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หรือ กฎหมายปรองดองนี้ ได้ก่อให้เกิดกระแสของความขัดแย้งของกลุ่มคนในสังคมเป็นอย่างมาก และต่างก็แข็งแรงทั้งสองฝ่าย หากไม่ยอมหันหน้าเข้าหากัน และดันทุลังเชื่อมั่นในความคิดเห็นของตนเพียงฝ่ายเดียวอย่างนี้ ก็จะนำประเทศชาติ ไปสู่จุดวิกฤติของความแตกแยกที่รุนแรง ทำให้มีการทะเลาะเบาะแว้งกันจนถึงขั้นมิกะสันยีและเสียชีวิตอีกได้
นพ.พลเดช กล่าวต่อว่า สำหรับการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญในครั้งนี้ ตนเชื่อมั่น ว่า ศาลรัฐธรรมนูญ จะใช้ดุลยพินิจในการตัดสินใจอย่างรอบคอบ ทั้งในแง่มุมของกฎหมาย และแง่มุมของสังคม และสิ่งที่สำคัญคือหลัก การพิจารณาจะต้องนำพาประเทศชาติให้หลุดพ้นจากความขัดแย้งที่เป็นจุดอับในจุดนี้ให้ได้
   "อย่างไรก็ตาม ทุกฝ่ายก็ไม่ควรที่จะออกมากดดันการทำงานของศาล เพราะที่ผ่านมาหลายฝ่ายก็ได้แสดงความคิดเห็นในด้านต่างๆ กันมามากแล้ว สิ่งที่ดีที่สุดขณะนี้ คือ ควรหยุดการกระทำทุกอย่าง มีสติยั้งคิด แล้วรอรับฟังคำวินิจฉัยของศาลว่าจะเป็นอย่างไร และสุดท้ายก็ควรเคารพและยอมรับคำตัดสินนั้น" นพ.พลเดช กล่าวในที่สุด