เปิดคำร้องสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ยื่นถอนประกัน "จตุพร" อีกหนึ่งองศาร้อนทาง "การเมือง"

มติชน 27 มิถุนายน 2555 >>>




งานเข้าไม่หยุดสำหรับ "ตู่" จตุพร พรหมพันธุ์ หนึ่งในแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หลังจากที่ก่อนหน้านี้
ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้สิ้นสมาชิกภาพการเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคมที่ผ่านมา ล่าสุด ในเดือนถัดมาสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญยื่นคำร้องขอเพิกถอนคำสั่งปล่อยตัวชั่วคราวต่อศาลอาญา โดยกล่าวอ้างถึงการปราศรัยเวทีหน้ารัฐสภาเมื่อวันที่ 7 มิถุนายน
และนี่คือ...รายละเอียดคำร้องของสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญที่ยื่นขอเพิกถอนคำสั่งปล่อยตัวชั่วคราว นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) จำเลยที่ 2 ในคดีอาญาหมายเลขดำที่ อ.2542/2553 ต่อศาลอาญา เมื่อวันที่ 21 มิถุนายนที่ผ่านมา

ข้อ 1 ในการยื่อคำร้องคดีนี้สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ โดย นายเชาวนะ ไตรมาศ เลขาธิการสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ขอมอบอำนาจให้ นาย สมฤทธิ์ ไชยวงศ์ เป็นผู้มีอำนาจดำเนินการแทน รายละเอียดปรากฏตามหนังสือมอบอำนาจ เอกสารท้ายคำร้องหมายเลข 1
ข้อ 2 ด้วยเมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2553 สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ โดย นายเชาวนะ ไตรมาศ เลขาธิการสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ โดยดำเนินการตามมติคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ในการประชุมเมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2553 ได้ไปแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนกองปราบปราม ให้ดำเนินคดีกับ นายจตุพร พรหมพันธุ์ กับพวกในฐานร่วมกันในการข่มขู่การปฏิบัติหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญ ทำลายความน่าเชื่อถือเพื่อหวังผลทางคดีให้เป็นไปตามที่ตนต้องการ และคดีอยู่ในชั้นพนักงานสอบสวน รายละเอียดปรากฏตามสำเนารายงานประจำวันเกี่ยวกับคดี เอกสารท้ายคำร้อง หมายเลข 2
ข้อ 3 นายจตุพร พรหมพันธุ์ ได้ถูกพนักงานอัยการสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 1 สำนักงานอัยการสูงสุด เป็นโจทก์ยื่นฟ้องต่อศาลอาญาในข้อหาร่วมกันก่อการร้าย ร่วมกันกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจาฯ มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้ายฯ ก่อการวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง โดยผู้กระทำคนใดคนหนึ่งมีอาวุธ ร่วมกันชุมนุมหรือมั่วสุมฝ่าฝืนข้อกำหนดฯ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 เป็นจำเลยที่ 2 ในคดีนี้
ต่อมา เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2554 นายจตุพร พรหมพันธุ์ จำเลยที่ 2 ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวจากศาลอาญาโดยมีเงื่อนไขว่า ห้ามมิให้กระทำการใดๆ อันอาจก่อให้เกิดอันตรายกระทบต่อความสงบเรียบร้อย และห้าม นายนิสิต สินธุไพร เดินทางออกนอกราชอาณาจักรก่อนได้รับอนุญาตจากศาล
ข้อ 4 เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2555 นายจตุพร พรหมพันธุ์ จำเลยที่ 2 และ นายยศวริศ ชูกล่อม หรือเจ๋ง ดอกจิก กับพวก ได้ขึ้นเวทีปราศรัยหน้ารัฐสภา โดยปรากฏตามข่าวหนังสือพิมพ์ว่า นายจตุพร พรหมพันธุ์ ปราศรัยว่า "การเข้าชื่อถอดถอนตุลาการครั้งนี้ คือ กระบวนการประจานให้คนทั้งแผ่นดินและทั้งโลกรู้พร้อมกันว่าประเทศนี้อยู่กันอย่างไร้ความยุติธรรม ถ้า น.ป.ช. ไม่ทำหลังจากนี้จะมีการยุบพรรคเพื่อไทยปล้นสมาชิกพรรคแล้วไปตั้งรัฐบาลในค่ายทหารเหมือนเดิม ถ้าคนเสื้อแดงออกมาสู้ก็จะถูกยิงตายอีก การแก้ไขรัฐธรรมนูญนี้สิ่งที่ต้องแก้คือ การยุบศาลรัฐธรรมนูญเพราะสิ่งที่เกิดคือขบวนการตุลาการภิวัฒน์ที่ไม่เคยยึดโยงกับประชาชน ถ้าคนเพียง 7 คนมีอำนาจเหนือคน 64 ล้านคน ประเทศนี้คงไม่ต้องเลือกตั้ง ใครจะเป็นนายกฯ ก็ต้องไปสมัครที่ศาลรัฐธรรมนูญ การชุมนุมครั้งนี้เป็นการวอร์มเท่านั้น หลังจากนี้จะมีการเข้าชื่อแก้รัฐธรรมนูญต่อไปจนกว่าจะครบ 1 ล้านชื่อ" ส่วน นายยศวริศ ชูกล่อม หรือเจ๋ง ดอกจิก ขึ้นเวทีปราศรัยปรากฏตามรายงานข่าวของสื่อมวลชน พร้อมทั้งนำรายชื่อของคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ 7 คน มาอ่านบนเวที โดยนำบ้านเลขที่ ซอย เบอร์โทรศัพท์ ชื่อลูกและภรรยาของศาลรัฐธรรมนูญทั้งหมดมาประกาศให้คนเสื้อแดงให้ทราบ และบอกว่าถ้าใครอยู่บ้านใกล้ตุลาการรายใดขอให้ช่วยจัดให้ด้วยปรากฏตามสำเนาภาพถ่ายหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ และไทยโพสต์ เอกสารท้ายคำร้อง หมายเลข 3
นอกจากนี้ นายจตุพร พรหมพันธุ์ จำเลยที่ 2 ได้ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ปรากฏตามหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ฉบับลงวันที่ 4 มิถุนายน 2555 มีข้อความตอนหนึ่งว่า "คนผ่านการเลือกตั้งจำนวนเท่าใดก็ตาม สุดท้ายต้องมาฟังจากคนเก้าคนที่คณะรัฐประหารเครือข่ายอำมาตย์วางกับดักเอาไว้ ฉะนั้น การถอดถอนตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ 8 คน ยกเว้นคุณชัช ชลวร เป็นแนวทางหนึ่ง แต่เชื่อว่าเป็นไปได้ยาก เพราะกลไกของรัฐสภา ยังเป็นกลไกของเครือข่ายอำมาตย์ที่วางเอาไว้ ซึ่งแปลว่าทั้งหมดเป็นการประจานเพื่อให้คนไทยได้รับรู้ ให้โลกให้นานาชาติได้รับรู้ว่าประเทศนี้ไม่ได้เป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง ดังนั้น ปัญหาใหญ่คือ หากศาลรัฐธรรมนูญทำหน้าที่สวนกลับอำนาจของประชาชน ซึ่งคำว่าตุลาการหมายถึงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ไม่ใช่หมายถึงศาลยุติธรรม จะเจอกับประชาชนภิวัฒน์เพราะเชื่อว่าประชาชนไม่ยอมให้คน 8 คน ที่มีที่มาและพฤติกรรมไม่ชอบคนเหล่านี้กำลังประหัตประหารเหมือนดังที่เคยทำกับพรรคไทยรักไทย พลังประชาชน วันนี้มาทำกับพรรคเพื่อไทยนั้น เชื่อว่าประชาชนมากกว่า 2 หมื่นชื่อ จะเข้าชื่อกันเพื่อยืนถอดถอนตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทั้ง 8 คน" ปรากฏตามสำเนาภาพถ่ายหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ เอกสารท้ายคำร้อง หมายเลข 4
พฤติการณ์ของนายจตุพร พรหมพันธุ์ จำเลยที่ 2 ที่ได้ประทานกราบเรียนมาดังกล่าวข้างต้น เห็นได้ชัดว่ามีลักษณะเป็นการข่มขู่ยุยงปลุกปั่นให้กลุ่มบุคคลที่มาชุมนุมทางการเมืองคุกคามต่อการปฏิบัติหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญและเป็นการคุกคามสิทธิส่วนบุคคลของตุลาการและครอบครัว ซึ่งมีผลกระทบต่อการปฏิบัติหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญในฐานะเป็นองค์กรตุลาการที่ปฏิบัติหน้าที่ตามอำนาจหน้าที่ ตามที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ อันอาจก่อให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยขึ้นในสังคมและบ้านเมือง มีลักษณะเป็นกลุ่มองค์กรเพื่อทำลายล้างศาลรัฐธรรมนูญ อันเป็นสถาบันตุลาการสถาบันหนึ่ง จึงเป็นการกระทำที่ผิดเงื่อนไขที่ศาลอาญาได้วางไว้เป็นข้อกำหนดที่ให้นายจตุพร พรหมพันธุ์ ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวตามคำสั่งของศาลอาญา
บัดนี้ หลักฐานต่างๆ เป็นที่ประจักษ์ชัดจากการ กระทำ ไม่ว่าจะโดยการพูดที่ชุมนุม หรือในการให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน รวมทั้งการให้สัมภาษณ์ทางสื่อทีวีผ่านดาวเทียมช่องหนึ่งอยู่เป็นประจำ อันมีลักษณะเป็นการกระทำที่ผิดเงื่อนไขของศาลอาญาอย่างชัดแจ้งซ้ำแล้วซ้ำอีก ทำให้เงื่อนไขที่ศาลอาญากำหนดไว้นั้นไร้คุณค่า นอกจากนี้ การกระทำของนายจตุพร พรหมพันธุ์ ที่ผ่านมา และเชื่อว่ายังคงจะมีการกระทำต่อไปอีกอย่างไม่หยุดยั้ง แสดงให้เห็นถึงเจตนาที่ขาดความเคารพยำเกรงต่อสถาบันศาล
สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญเป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการที่ศาลอาญามีคำสั่งให้ปล่อยตัวชั่วคราวนายจตุพร พรหมพันธุ์ จำเลยที่ 2 ที่ยังคงให้ปล่อยตัวชั่วคราว จำเป็นต้องปกป้องสถาบันศาลรัฐธรรมนูญ อันเป็นองค์กรตุลาการหลักของชาติมิให้เกิดความเสียหาย จึงขอประทานศาลได้โปรดพิจารณาเพิกถอนคำสั่งการปล่อยตัวชั่วคราวของนายจตุพร พรหมพันธุ์ จำเลยที่ 2 ด้วย


ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด

คำร้องฉบับนี้ ข้าพเจ้านายสมฤทธิ์ ไชยวงศ์ ผู้รับมอบอำนาจ เป็นผู้เรียงและพิมพ์

หลังจากวันที่ 23 กรกฎาคม ที่ศาลอาญานัดให้นายจตุพรไปให้ปากคำในกรณีดังกล่าวแล้ว จะมีการพิจารณาออกมาในรูปแบบใด องศาร้อนๆ ทางการเมืองจะกลับมาเพิ่มอีกหรือไม่ เป็นเรื่องที่ต้องติดตาม