วันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2555 เป็นวันครบรอบการเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็นระบอบประชาธิปไตย 80 ปี
ท่านอาจารย์ ดุษฎี พนมยงค์ เขียนบทความเชิงถักร้อยถ้อยเรียง ลงมติชน หน้า 10 ฉบับประจำวันอาทิตย์ที่ 24 ด้วยความเรียบไหล ทว่าลึกซึ้ง ถึงบุพการีของท่าน ผู้อภิวัฒน์คนสำคัญ ซึ่งมีทั้งความสุจริตต่อผู้คน สุจริตต่อแผ่นดินเต็มเปี่ยมคือ ท่านอาจารย์ ปรีดี พนมยงค์ รัฐบุรุษผู้ยิ่งยงของไทย
ข้อเขียนเท้าความตั้งแต่ พ.ศ. 2468 บอกว่า
"...ข้าพเจ้ามีอายุเพียง 25 ปีเศษ เท่านั้น หนุ่มมาก หนุ่มทีเดียว ขาดความจัดเจน แม้ว่าข้าพเจ้าได้รับปริญญาแล้วและได้คะแนนสูงสุด แต่ก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าทางทฤษฎี...บางครั้ง ข้าพเจ้าประยุกต์ทฤษฎีอย่างนักตำรา ข้าพเจ้าไม่ได้นำความจริงในประเทศของข้าพเจ้ามาคำนึงด้วย ข้าพเจ้าติดต่อกับประชาชนไม่พอ ความรู้ทั้งหมดของข้าพเจ้าเป็นความรู้ตามหนังสือ ข้าพเจ้าไม่ได้เอาสาระสำคัญของมนุษย์มาคำนึงให้มากเท่าที่ข้าพเจ้าควรจะมี"
พ.ศ.2475 มันสมองอันวิสุทธิ์ของกลุ่มคณะราษฎร์ ก็บอกอีกว่า
"ข้าพเจ้าอายุ 32 ปี พวกเราได้ทำการอภิวัฒน์ แต่ข้าพเจ้าก็ขาดความจัดเจน และครั้นข้าพเจ้ามีความจัดเจนมากขึ้น ข้าพเจ้าก็ไม่มีอำนาจ"
ประชาธิปไตยในทางรอดของไทย เป็นไปอย่างที่ท่านอาจารย์ปรีดีเขียน
สรุปสังเขปคือ เป็นของประชาชน โดยประชาชน เพื่อประชาชน จากผู้ริเริ่มกระทำการด้วยความสุจริต ทั้งต่อตัวเอง ต่อผู้อื่น ต่อแผ่นดิน
ไม่ใช่เกิดจากการทุจริตฉ้อฉลทุกรูปแบบด้วยความเห็นแก่ตัวชั่วชาติด้วยกากเศษไวน์ก้นแก้ว ซ้ำไม่รู้ถึงกะปิดีในรสน้ำพริกของประชาชน
ขนาดสุจริต ยังผิดหวัง ภายใต้เงื้อมมือทุจริตฉ้อฉล ใครคิดถึงทางออกอย่างไร ?