มติชน 26 มิถุนายน 2555 >>>
สถานการณ์การเมืองหมุนกลับมาถึงฉากวัดกำลังกันอีกครั้งในทางหนึ่งตอกย้ำชัดว่าเส้นทางการเมืองของ “จตุพร พรหมพันธุ์” ยังคงเส้นคงวา บนถนนที่โรยด้วยขวากหนามและตะปูเรือใบไม่สิ้นสุด แม้ว่าก่อนหน้านี้ มีข่าวว่าเขาเป็น “ว่าที่” รัฐมนตรีกระทรวงสำคัญ ขณะเดียวกัน โชคชะตา ก็พัดพาให้เขามาถึงจังหวะเสี่ยงคุกเสี่ยงตาราง เดิมพันด้วย อิสรภาพอีกครั้ง
แต่ไม่ว่าเหตุการณ์จะอยู่ในขาขึ้นหรือขาลง แรงหนุนในชีวิตครอบครัวที่เดินเคียงข้าง “จตุพร” ตั้งแต่สมัยเขาเป็นรองโฆษกพรรคไทยรักไทย ยังคงดำเนินอยู่ดูแลกันในชีวิตจริง
“มติชนทีวีออนไลน์” พูดคุยกับ “พรหมภัสสร ณ กาฬสินธุ์” ภรรยา “จตุพร” ในสถานการณ์ที่หัวหน้าครอบครัว อาจถูกจองจำอีกครั้ง
สถานการณ์การเมืองที่เสี่ยงต่อการไม่ได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตา ครอบครัวเตรียมรับมืออย่างไร
ในเวลาที่พี่ตู่ (จตุพร) หมดอิสรภาพ และอยู่ในเรือนจำ คนในบ้านก็มีความเป็นห่วงมากขึ้น ไม่มีครอบครัวไหนรู้สึกชินชาได้ แม้ว่า นี่ไม่ใช่ครั้งแรก ที่เขาอาจจะต้องถูกคุมขังในเรือนจำ ทุกครั้งเราห่วงว่า เวลาเขาเจ็บป่วย จะมียาหรือเปล่า แล้วเวลาที่มีวันหยุดยาวกลัวเขาจะเหงา (ไม่สามารถเข้าเยี่ยมได้) เพราะเขาเป็นคนชอบมีเพื่อน เมื่อเขาไม่มีอิสรภาพ ความเหงาก็มาเยือนเขา
เราทั้ง 2 คนได้พูดคุยกัน อยู่ในภาวะที่ต้องเตรียมใจ พอรับเรื่องแล้วก็มีความกังวลใจอยู่ คราวที่แล้วที่พี่ตู่เข้าไป ลูกชายยังเล็กมาก แล้วเขาไม่รู้เรื่อง คราวนี้ ถ้าพี่ตู่ ต้องเข้าเรือนจำอีก เราก็คงต้องใช้เวลาในการยื่นประกันตัว ติดต่อเรื่องคดี เราไปเยี่ยมทุกวัน ไม่เคยหยุดเยี่ยมพี่ตู่
พี่ตู่ประกาศว่า จะเดินจากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เมื่อเข้าไปในเรือนจำจะอดอาหารประท้วง คือ พี่ตู่จะสะท้อนให้เห็นถึงความที่พี่ตู่จิตใจแข็งแกร่ง ไม่ยอมจำนน พี่ตู่มองว่าสิ่งนี้ เป็นเรื่องไม่ชอบธรรมสำหรับเขา เพราะไม่ได้ผิดเงื่อนไขใดๆ แต่ถ้าเกิดจะมีการถอนประกันในครั้งนี้ขึ้น เรามองว่า การที่พี่ตู่จะเดินจากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย มาถึงที่เรือนจำ พี่ตู่ไม่เดินอย่างเดียวดายแน่นอน สิ่งที่พี่ตู่ทำไป จะได้ใจของมวลชน
พี่ตู่เป็นสัญลักษณ์และเป็นตัวแทนการต่อสู้ของคนเสื้อแดง เวลาใดที่พี่ตู่ถูกกระทำ คนเสื้อแดง ก็จะรู้สึกว่าตัวเองถูกกระทำด้วย เพราะฉะนั้น ขวัญกำลังใจของพี่ตู่ ก็มาจากมวลชนที่รักและศรัทธาพี่ตู่เป็นจำนวนมาก พี่ตู่ได้แสดงความจริงใจในการต่อสู้ ความยากลำบากตรากตรำ เพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่า พี่ตู่จริงใจกับ มวลชนคนเสื้อแดง พี่ตู่ไม่ได้ละทิ้งมวลชนคนเสื้อแดง การที่พี่ตู่อยู่ในใจของมวลชนทุกวันนี้ ก็เกิดจากความจริงใจที่พี่ตู่มีมาตลอด
อุปสรรคต่างๆ ทำให้ท้อหรือไม่
มนุษย์ปุถุชนทุกคนก็มีเหนื่อยมีท้อ ส่วนครอบครัว เรามองแบบธรรมะ เกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับไป ฉะนั้น ต้องคอยให้กำลังใจเขา เพราะเขาสู้จริงๆ เขาสู้จนลืมนึกถึงครอบครัว ลืมนึกถึงตัวเอง เพราะฉะนั้น เราต้องคอยให้กำลังใจเขา
ครอบครัว รู้สึกอย่างไร
ระยะแรกก็กังวลใจ ได้แต่ภาวนาว่าอย่าเข้าไปเรือนจำอีกเลย
ได้พูดคุยกันไหม
เราคุยกันตลอด พี่ตู่มีอะไรก็มาปรึกษา เราก็ช่วยคุยช่วยดู ส่วนใหญ่อยู่เบื้องหลัง มีอะไรก็บอกเล่ากันเดี๋ยวนั้น คอยปรามคอยเบรค อะไรที่เกินไป พี่ตู่ก็จะรับฟัง เป็นผู้ฟังที่ดี
ตัวตนและบทบาทภายนอกของคุณจตุพรเป็นอย่างไร
เวลาขึ้นเวที ก็ดูเหมือนจะเป็นอีกรูปลักษณ์หนึ่ง ซึ่งออกดูมาแข็งกร้าว แต่คนที่ได้ใกล้ชิดก็จะรู้ว่าพี่ตู่ไม่ได้เป็นแบบนั้น บทบาทที่อยู่ในบ้าน พี่ตู่เป็นคนอ่อนโยน เป็นคนขี้สงสาร เป็นผู้นำที่ดี แต่ถ้าเป็นนักบริหาร ก็เป็นนักบริหารบุคคลที่แย่มาก เพราะใจอ่อน ขี้สงสาร ฉะนั้น ใครใกล้ชิดก็รู้สึกอบอุ่นใจดี เป็นคนมีอารมณ์ขัน
เหตุผลที่ไม่จดทะเบียนสมรสกัน
ตอนคบกันแรกๆ เราก็มีสัญญาใจคุยกันเรื่องเกี่ยวกับทะเบียนสมรส คิดว่า ตัวทะเบียนสมรส ไม่ใช่หลักประกันว่าทำให้ชีวิตคู่จะอยู่ด้วยกันตลอดไป เราอยู่ด้วยกันเหมือนเพื่อน ช่วงแรกที่คุยกัน พี่ตู่บอกว่า จะแต่งงานก็ได้ จะจดทะเบียนสมรสก็ได้ แต่เราเป็นฝ่าย เลือกเองว่า ไม่ต้องแต่ง ไม่ต้องจด เราอยู่ด้วยกัน ไปเรื่อยๆ เหมือนเพื่อนกันดีกว่า
ทำไม เป็นฝ่ายตัดสินใจเลือกที่จะไม่จดทะเบียน
มีตัวอย่างให้เห็นเยอะว่าการแต่งงาน หรือการจดทะเบียนสมรส ก็ไม่ได้ทำให้ ผู้หญิงกับผู้ชาย 2 คน อยู่ด้วยกัน ไปตลอดรอดฝั่ง ถึงไม่ได้จด ก็มีหลายคู่ที่อยู่ด้วยกันแบบเพื่อนกันไปตลอดชีวิต
น้องปันปันและคุณพ่อ มีเวลาอยู่ร่วมกันแค่ไหน
น้องปันปัน เป็นลูกที่พี่ตู่เลี้ยงดูมากับมือ เขายังอยู่ในช่วงเรียนรู้ เขาจะคิดว่า ที่พ่อไม่อยู่บ้านเพราะมีงาน บางวันพ่ออยู่บ้าน ลูกก็คิดว่าพ่อไปทำงาน เพราะเขาไม่เห็น เขาจะโทรหาพ่อ พอบอกลูกว่าพ่ออยู่อีกห้อง เขาก็จะวิ่งเข้าไปหา แล้วเวลาพี่ตู่ เจอลูก เขาจะหายเหนื่อย พี่ตู่เคยให้สัมภาษณ์ว่า ครอบครัวนี้คือชีวิตผม
เวลาปันปัน พูดถึงคุณพ่อ ก็จะบอกว่า พ่อชื่อจตุพร พรหมพันธุ์ พ่อเป็นเสื้อแดง พ่อเรียกหาประชาธิปไตย เด็กอายุ 2 ปี 3 เดือน พูดคำว่าประชาธิปไตยได้แล้ว เขาพูดเอง
เวลามีรายการชูธงของคุณพ่อ เขาจะต้องมาดูตลอด คุณพ่อมาแล้ว มาดูแล้วปรบมือเวลามีเพลง คุณพ่อบอกว่า ปันปันเป็นแฟนคลับตัวยง แล้วเขาก็รู้จักแกนนำคนอื่นๆ เรียกอาณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ว่า อาเต้น เขาเรียกได้จำได้ ชี้ถูกคน
ตั้งแต่รู้จักกัน คิดว่าคุณจตุพร จะต้องมีตำแหน่งทางการเมือง หรือไม่
ไม่เคยคิด ไม่เคยคาดหวัง พี่ตู่ไม่เป็นอะไรเลยก็ได้ พี่ตู่ก็ยังเป็นพี่ตู่ ที่มีเพื่อนรักอยู่เหมือนเดิม
ไม่ว่าจะเป็นรัฐมนตรี หรือถูกคุมขัง ความสัมพันธ์กันเปลี่ยนแปลงหรือไม่
เหมือนเดิมคะ เพราะช่วงที่เรารู้จักกัน ก็รู้จักตั้งแต่พี่ตู่ยังไม่มีชื่อเสียง ไม่มีใครรู้จัก พี่ตู่ยังเป็นรองโฆษกพรรคไทยรักไทย ช่วงนั้น ตอนนั้นเวลาจัดลำดับที่นั่ง พี่ตู่จะนั่งอยู่ท้าย ส่วนพี่ศันสนีย์ นาคพงษ์นั่งอยู่ตรงหัวโต๊ะเลย ฉะนั้น พี่ตู่ไม่ได้น้อยเนื้อต่ำใจอะไร เขาฟันฝ่าจนมาเป็น จตุพร พรหมพันธุ์ ในวันนี้ ซึ่งเราก็ได้แต่เป็นกำลังใจ ดูอยู่เงียบๆ ถ้าวันหนึ่งพี่ตู่ไม่ได้มีตำแหน่งอะไรเลย ทางบ้านก็ไม่เสียใจคะ เพราะเรารู้ว่า เขามาได้ขนาดนี้ เขาเก่งมากแล้ว