คอป. หวั่นความขัดแย้ง จี้หยุด กม. ปรองดอง

กรุงเทพธุรกิจ 6 มิถุนายน 2555 >>>




"คณิต" หวั่นประเทศข้ามไม่พ้นความขัดแย้ง ร่อนจดหมายเปิดผนึกส่งถึงนายกฯ ประธานสภา ประธานวุฒิ ผู้นำฝ่ายค้าน หยุดเร่งรัดออก พ.ร.บ.ปรองดอง

นายคณิต ณ นคร ประธานคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.) ได้ทำจดหมายเปิดผนึกเรื่อง ข้อเสนอแนะของคอป.ต่อสถานการณ์ทางการเมืองในปัจจุบัน ส่งถึงนายกรัฐมนตรี ประธานสภาผู้แทนราษฎร ประธานวุฒิสภา และผู้นำฝ่ายค้าน โดยเนื้อหาในจดหมายเปิดผนึกความยาว 3 หน้ากระดาษ ระบุว่า จากการประเมินสถานการณ์ทางการเมืองในปัจจุบัน โดยเฉพาะช่วงระหว่างวันที่ 30 พ.ค.-มิ.ย. ที่ผ่านมา คอป. มีความกังวลอย่างยิ่งต่อเหตุการณ์ดังกล่าว และเห็นว่า หากกระบวนการสร้างความปรองดองในชาติดำเนินการอย่างไม่เหมาะสมโดยไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติมากกว่าผลประโยชน์ส่วนตนเป็นที่ตั้งแล้ว สถานการณ์ดังกล่าวอาจบานปลายและนำไปสู่ความขัดแย้งครั้งใหม่ที่นำมาซึ่งความรุนแรงและความสูญเสียที่มิอาจประเมินได้ เพื่อเป็นการลดความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในสังคม และส่งเสริมให้เกิดความปรองดองของคนในชาติ คอป. ขอเน้นย้ำถึงการยึดถือและปฏิบัติตามหลักการสำคัญ
โดยกระบวนการปรองดอง เป็นกระบวนการที่ต้องอาศัยเวลา ความอดทน และการมีส่วนร่วมจากทุกฝ่ายและทุกภาคส่วนในประเทศ การดำเนินการใด ๆ ของผู้ที่เกี่ยวข้องโดยพยายามที่จะรวบรัดหรือเร่งรัดกระบวนการปรองดองนั้น เป็นการกระทำที่ไม่เอื้อต่อบรรยากาศของการปรองดอง ทำให้สังคมเกิดความหวาดระแวงและไม่ไว้วางใจซึ่งกันและกัน และถือเป็นอุปสรรคอย่างยิ่งต่อความพร้อมในการเจรจาร่วมกันเพื่อหาทางออกไปสู่ความเข้าใจที่ดีของคนในสังคมและการปรองดองในชาติต่อไป ดังนั้นการดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการปรองดองจึงต้องเป็นไปอย่างระมัดระวัง รอบคอบ โปร่งใส และตั้งอยู่บนหลักประชาธิปไตยโดยการมีส่วนร่วมของทุกฝ่าย
นอกจากนี้ คอป. ขอเรียกร้องต่อรัฐบาล นายกรัฐมนตรี ผู้นำฝ่ายค้าน พรรคการเมือง กลุ่มการเมือง ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการกำกับและควบคุมการใช้อำนาจรัฐ องค์กรตุลาการ กลุ่มบุคคล และองค์กรที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการสร้างความปรองดองในชาติทุกฝ่าย ดังต่อไปนี้ 
ข้อ 1 คอป. เห็นว่าการกระทำใด ๆ เพื่อเร่งรัดให้มีการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยความปรองดองแห่งชาติ โดยรัฐสภาเป็นสาเหตุหนึ่งที่ก่อให้เกิดความขัดแย้งของคนในสังคม และเป็นการกระทำที่กระทบกระเทือนต่อบรรยากาศของการปรองดองในชาติ อันอาจนำไปสู่เหตุการณ์ความรุนแรงได้ในอนาคต คอป. จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลและรัฐสภาโดยเฉพาะอย่างยิ่งพรรคเพื่อไทยซึ่งเป็นพรรคแกนนำ ในการจัดตั้งรัฐบาลและคุมเสียงข้างมากในรัฐสภาทบทวนการเร่งรัดเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ. ดังกล่าว เพื่อลดกระแสความขัดแย้งและความแตกแยกในสังคม รวมทั้งป้องกันมิให้เกิดการเคลื่อนไหวใด ๆ อันอาจเป็นการยั่วยุเพื่อให้เกิดความรุนแรงขึ้นได้
คอป. เห็นว่ารัฐบาล รัฐสภา และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องควรจัดให้มีเวทีสาธารณะ และเวทีประชาเสวนา รวมทั้งการเผยแพร่ข้อมูล เหตุผลความจำเป็น ข้อคิดเห็น และประเด็นข้อโต้แย้งต่าง ๆ เกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว เพื่อให้ประชาชนและสังคมทุกภาคส่วนได้รับทราบและมีความรู้ความเข้าใจ ตลอดจนมีส่วนร่วมในการพิจารณาและแสดงความคิดเห็นประเด็นต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับร่าง พ.ร.บ. นี้ รวมถึงประเด็นเกี่ยวกับการนิรโทษกรรม สิทธิและหน้าที่ของประชาชนในการใช้สิทธิทางการเมือง และการกระทำความผิดอันเกี่ยวเนื่องกับการชุมนุมทางการเมือง อันเป็นเงื่อนไขและเงื่อนเวลาที่สำคัญในการเตรียมความพร้อมของสังคมต่อการก้าวข้ามความขัดแย้งที่เกิดขึ้นร่วมกัน
ข้อ 2 คอป. เห็นว่ารัฐสภาเป็นสถาบันหลักของการปกครองในระบอบประชาธิปไตย พรรคการเมืองและสมาชิกรัฐสภาทุกท่านจึงมีหน้าที่สำคัญที่จะต้องรักษาไว้ซึ่งกฎ ระเบียบ และข้อบังคับของรัฐสภา คอป. มีความกังวลต่อสถานการณ์และเหตุการณ์ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 30-31 พ.ค. ที่ผ่านมา ว่าจะนำไปสู่การสร้างบรรทัดฐานที่ไม่เหมาะสมต่อการทำหน้าที่ของรัฐสภา คอป. เห็นว่าทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องควรแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ความวุ่นวายที่เกิดขึ้น เพื่อเป็นการรักษาไว้ซึ่งบรรทัดฐานที่ดีในการทำหน้าที่ของสมาชิกรัฐสภาในฐานะที่เป็นตัวแทนของประชาชน และเป็นการส่งเสริมบรรยากาศอันดีในการสร้างความปรองดองของคนในชาติ
ข้อ 3 คอป. เห็นว่าในสถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองที่เกิดขึ้น องค์กรตุลาการเป็นสถาบันที่มีความสำคัญสูงสุด เพราะเป็นสถาบันหลักในการรักษากฎหมายและธำรงไว้ซึ่งความยุติธรรม  จึงมีความจำเป็นที่องค์กรตุลาการต้องรักษาไว้ซึ่งหลักความเป็นอิสระและความเป็นกลางในการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายและยึดถือหลักนิติธรรมอย่างเคร่งครัด แม้การกระทำดังกล่าวจะเป็นหน้าที่ซึ่งต้องพึงกระทำอยู่แล้วตามปกติ แต่ในภาวะที่ประเทศชาติมีความขัดแย้งเช่นนี้ องค์กรตุลาการยิ่งต้องใช้ความระมัดระวังอย่างยิ่งยวด โดยเฉพาะอย่างยิ่งศาลรัฐธรรมนูญซึ่งมีบทบาทหน้าที่สำคัญในการพิจารณา วินิจฉัย และมีคำสั่งที่เกี่ยวเนื่องกับรัฐธรรมนูญอันเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ ในการมีคำสั่ง การวินิจฉัยคำร้อง หรือการพิจารณาพิพากษาคดีใด ๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับความขัดแย้งทางการเมือง ศาลรัฐธรรมนูญจะต้องใช้ความละเอียดรอบคอบและความระมัดระวังเป็นพิเศษในการวินิจฉัยข้อเท็จจริงแห่งคดีและหลักกฎหมายด้วยความเที่ยงธรรม โดยคำนึงถึงหลักความเป็นอิสระของผู้พิพากษา หลักความเป็นกลาง หลักทฤษฎีการแบ่งแยกอำนาจตามหลักการปกครองในระบอบประชาธิปไตย การใช้อำนาจตุลาการโดยชอบด้วยกระบวนการตามกฎหมาย และการตีความตัวบทกฎหมายอย่างเคร่งครัดตามเจตนารมณ์ เพราะหากสาธารณชนเกิดความเคลือบแคลงสงสัยว่าองค์กรตุลาการมิได้ปฏิบัติหน้าที่ในการรักษาความถูกต้องตามกฎหมายและประสาทความยุติธรรมให้กับสังคมโดยชอบด้วยกฎหมายและหลักนิติธรรมแล้ว อาจนำไปสู่ความเสื่อมศรัทธาของประชาชนต่อองค์กรตุลาการ ระบบกฎหมาย และหลักนิติธรรมของประเทศได้
ข้อ 4 คอป. เรียกร้องให้ประชาชนและสังคมทุกภาคส่วนเคารพกระบวนการตามกรอบของกฎหมายภายใต้การปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และเคารพสิทธิ เสรีภาพ และการแสดงความคิดเห็นตามกรอบรัฐธรรมนูญ โดยใช้กระบวนการทางสันติวิธีเพื่อจัดการความขัดแย้ง และใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษที่จะไม่ดำเนินการใด ๆ ซึ่งกระตุ้นให้เกิดความรุนแรง
ข้อ 5  คอป. เรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ซึ่งมีบทบาทในการรักษาความสงบเรียบร้อยและการควบคุมฝูงชนดำเนินการโดยเคารพหลักสิทธิและเสรีภาพของประชาชนตามกรอบรัฐธรรมนูญและสอดคล้องกับมาตรฐานสากลอย่างเคร่งครัด
ข้อ 6 คอป. เรียกร้องให้พรรคการเมือง กลุ่มการเมือง และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งและการสร้างความปรองดองทุกฝ่าย พึงตระหนักว่าความขัดแย้งที่เกิดขึ้นและดำรงอยู่มาจนถึงปัจจุบัน
ได้สร้างความสูญเสียอย่างมหาศาลต่อประเทศไทย ฉะนั้น ทุกฝ่ายต้องไม่ดำเนินการใด ๆ ที่จะเป็นการซ้ำเติมให้สถานการณ์เลวร้ายกว่าเดิม โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องไม่นำเอาข้อได้เปรียบทางการเมืองมาใช้เป็นประโยชน์ ในการยั่วยุให้เกิดความเกลียดชังและความแตกแยกของคนในสังคมเพื่อความได้เปรียบเฉพาะหน้า และขอให้ทุกฝ่ายช่วยกันประคับประคองสถานการณ์ไม่ให้เหตุการณ์ความรุนแรงและความสูญเสียย้อนกลับมาอีก และร่วมกันนำพาประเทศชาติไปสู่การปรองดองอย่างแท้จริง