มีหลายอย่างเป็นสัญญาณเตือนให้รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ต้องเร่งปรับสมดุล ระหว่างการเดินหน้าสร้างความปรองดองด้วยการจับมือกับฝ่ายอำมาตย์ กับการคืนความยุติธรรมให้ 98 ศพในช่วงเหตุการณ์สลายม็อบ เม.ย.-พ.ค. 2553 รวมถึงผู้บาดเจ็บอีกเกือบ 2,000 คน และคนเสื้อแดง ที่ยังถูกคุมขังในเรือนจำกว่าครึ่งร้อย
เป็นการปรับสมดุลเพื่อลดแรงกระเพื่อม จากกรณีคนเสื้อแดงส่วนหนึ่งไม่พอใจคำปราศรัยของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในงานรำลึก 2 ปีการสลายม็อบ 98 ศพ ที่เรียกร้องให้คนเสื้อแดงอดทนและลืมเรื่องเก่าๆ เพื่อให้รัฐบาล เดินหน้าปรองดอง
เป็นแรงกระเพื่อมจากเงื่อนไข การจ่ายเงินเยียวยาม็อบทุกสี ที่ดำเนินการไปแล้วล็อตแรก 524 ราย จากที่ขึ้นทะเบียนไว้ทั้งหมดกว่า 4,000 รายที่กว่าจะเข้าใจกันได้ว่าการรับเงินเยียวยาไม่ใช่การตัดโอกาสนำเรื่องขึ้นสู่ชั้นศาลเพื่อพิสูจน์ความจริง 98 ศพและหาตัวผู้กระทำผิดมารับโทษทางแพ่งและอาญา
ก็เล่นเอาเหนื่อยทั้งคนให้คนรับ
แต่ภาพที่ออกมาทั้ง 2 ประเด็น รัฐบาลกับคนเสื้อแดงยังอยู่ในวิสัยที่เคลียร์กันได้ คือ รัฐบาลก็เดินหน้าปรองดองไป จะกับใคร อย่างไรก็แล้วแต่ แต่สิ่งสำคัญคือต้องกระทำควบคู่ไปกับการค้นหาความจริง 98 ศพ และช่วยเหลือคนเสื้อแดงในเรือนจำให้ได้รับการประกันตัวออกมาสู้คดีตามกระบวนการยุติธรรม
หากปรับสมดุลตรงนี้ได้คนเสื้อแดงก็พร้อมสนับสนุนรัฐบาลต่อไป เส้นทางการอยู่ครบเทอม 4 ปีก็จะสดใส
นอกจากปัญหากับคนเสื้อแดงจะเคลียร์ได้เรียบร้อย ร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯ ปี 2556 วงเงิน 2.4 ล้านล้านที่รัฐบาลปลุกปั้นมากับมือ ก็เพิ่งผ่านสภาผู้แทนฯ ในวาระ 1 ขั้นรับหลักการแบบฉลุยเกินคาด ด้วยเสียงสนับสนุน 274 เสียง เกินกว่าที่รัฐบาลประเมินไว้ 5 เสียง ซึ่งพบว่าเสียงที่เพิ่มขึ้นมาจาก ส.ส.พรรคเล็ก ซีกฝ่ายค้าน คือ พรรครักประเทศไทย 2 เสียง พรรคมาตุภูมิ 2 เสียง และพรรครักษ์สันติ 1 เสียง
ในจังหวะที่สมาชิกบ้านเลขที่ 111 กำลังจะ 'ปลดล็อก' การเมือง เข้ามาเสริมความแข็งแกร่ง ให้รัฐบาลในอีกไม่กี่อึดใจข้างหน้า
หรือหากย้อนกลับไปถึงฉากรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ เชิญ 'ป๋าเปรม' มาเป็นประธานงาน 'รักประเทศไทย เดินหน้าประเทศไทย' เมื่อวันที่ 10 ก.พ. ที่ทำเนียบรัฐบาล ต่อด้วยฉากนายกฯ ยิ่งลักษณ์พา 3 รองนายกฯ เข้าบ้านสี่เสาเทเวศร์ รดน้ำขอพร 'ป๋าเปรม' ช่วงสงกรานต์เดือน เม.ย. ที่ผ่านมา
ขณะที่ความสัมพันธ์กับกองทัพก็เป็นไปอย่างชื่นมื่น นายกฯ ยิ่งลักษณ์กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ควงกันออกงานเป็นว่าเล่น
ตั้งแต่การออกตรวจช่วยเหลือผู้ประสบภัย น้ำท่วม การร่วมตรวจเยี่ยมกองทัพ เยี่ยมการฝึกอาวุธไปจนถึงการร่วมกันสร้างฝายกั้นน้ำที่เพิ่งมีรูปออกสื่อสดๆ ร้อนๆ
ก่อนหน้านั้นไม่กี่วัน พล.อ.ประยุทธ์ ยังออก มาชี้แจงแทนรัฐบาล ในการจัดทำร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ปี 2556 ในส่วนของกระทรวงกลาโหมที่เพิ่มขึ้น 1.2 หมื่นล้านจากปีที่แล้ว ไม่ได้เป็นการตอบแทนกองทัพ แต่เป็นการจัดสรรตามระเบียบขั้นตอนในกรอบที่กองทัพ เป็นฝ่ายขอไปเอง
โดยงบฯที่เพิ่มขึ้น 8.8 พันล้านเป็นงบฯเงินเดือน กำลังพล ที่ปรับเพิ่มขึ้นตามนโยบายรัฐบาล ให้ผู้จบปริญญาตรีต้องมีรายได้ขั้นต่ำ 15,000 บาท และต่ำกว่าปริญญาตรี 9,000 บาท
'ส่วนหมู่บ้านเสื้อแดงในพื้นที่จังหวัดชายแดน ภาคใต้ เป็นหน้าที่ของกระทรวงมหาดไทยต้องดูแล แต่ขณะนี้ยังไม่พบว่ามีการกระทำผิดกฎหมาย' พล.อ.ประยุทธ์ ระบุ
สำรวจรูปการณ์รอบด้านทุกอย่างจึงกำลังไหลเข้าทางรัฐบาลยิ่งลักษณ์ อันเป็นรูปการณ์ที่ตรงกันข้ามกับของฝ่ายค้านพรรคประชาธิปัตย์ที่นับวันยิ่งย่ำแย่
กระแส 'แพงทั้งแผ่นดิน' ปลุกไม่ขึ้น แถมยังถูกหนุ่มโอ๊ค พานทองแท้ บุกไปตบหน้าด้วยข้าวหมูแดงจานละ 30 บาทถึงถิ่น การเสี้ยมให้คนเสื้อแดงแยกห่างจากทักษิณก็ไม่ใช่เรื่องง่ายดายอย่างที่คิด
การที่นายอภิสิทธิ์ต้องเผชิญกับการชูป้ายข้อความ 91 ศพ ระหว่างช่วยลูกพรรคหาเสียง ที่เชียงใหม่ คือการย้ำเตือนว่าคนเสื้อแดงไม่ลืมว่าความตายทั้ง 91 ศพ เกิดขึ้นในยุคสมัยรัฐบาลประชาธิปัตย์
ดังนั้น ต่อให้เสื้อแดงแตก กับทักษิณจริง ก็ไม่มีทางหันไปสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์
ขณะที่งานในสภา ฝ่ายค้านสอบตกมาตั้งแต่การอภิปรายแก้รัฐธรรมนูญ มาตรา 291 ที่ลากยาวถึง 15 วัน แต่ไม่มีวันไหนที่ก้าวข้ามทักษิณไปได้
เช่นเดียวกับการอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ 2.4 ล้านล้าน ที่เน้นโจมตีทางการเมือง มากกว่าการตรวจสอบรัฐบาลอย่างจริงจัง
เกมนอกสภา ประชาธิปัตย์ตก เป็นฝ่ายโดนรุกกลับแบบไม่ทันตั้งตัว ไม่ว่าการฉวยโอกาสนำเรื่องนาย จตุพร พรหมพันธุ์ ต้องสิ้นสภาพการเป็น ส.ส. ตามมติศาลรัฐธรรมนูญ 7 ต่อ 1 ขยายผลไปสู่การยุบพรรคเพื่อไทยรอบ 3
ปรากฏว่าประชาธิปัตย์กลับถูกนายวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ ประธานศาลรัฐธรรมนูญเบรกจนหัวคะมำเสียเอง ไล่ให้คนที่คิดจะยื่นยุบเพื่อไทยกลับไปอ่านคำวินิจฉัยให้ดี อย่าหลับหูหลับตาพูด
เช่นเดียวกับกรณี ว.5 โฟร์ซีซั่นส์ ที่นายศรีราชา เจริญพานิช ผู้ตรวจการแผ่นดินระบุว่า ผลตรวจสอบเบื้องต้นจากการลงพื้นที่ตรวจสอบชั้น 7 โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ พบเป็นสถานที่เปิดกว้าง จึงไม่น่ามีการแสดงพฤติกรรมในเชิงชู้สาว
แต่ที่กำลังเป็นเรื่องขึ้นมาจริงๆ คือกรณี นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีต ส.ว. ออกมาเปิดประเด็นร้อง กกต. กรณีบริษัทอีสท์ วอเตอร์ บริจาคเงินช่วยเหลือน้ำท่วม 1 ล้านบาท ผ่านประชาธิปัตย์ไปยังสำนักนายกฯ แต่กลับไม่ลงไว้ในรายงานงบดุลพรรค
ตามด้วยการยื่นร้องต่อดีเอสไอตรวจสอบที่มาของเงินบริจาคช่วยน้ำท่วมในสมัยรัฐบาลประชาธิปัตย์ ที่ส่งต่อไปยังสำนักนายกฯ ทั้งสิ้น 36 ล้านบาท จากผู้บริจาค 191 ราย ในรูปแบบแคชเชียร์เช็คที่อาจมีปัญหาไม่เป็นไปตามข้อกฎหมาย
ซึ่งต้องติดตามว่า เรื่องเงินบริจาคนี้จะเดินไปถึงขั้นฟ้องร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้มีคำสั่ง 'ยุบพรรค' ได้จริงตามที่บางคนในรัฐบาลโฆษณาไว้หรือไม่
สรุปว่าจากสถานการณ์ตอนนี้ นอกจากกองเชียร์ในโซเชี่ยล เน็ตเวิร์ก ประเภทเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์แล้ว ก็ไม่มีตัวคนเป็นๆ อื่นออกมาโอบอุ้มประชาธิปัตย์ให้เห็นเป็นเรื่องเป็นราว
พรรคประชาธิปัตย์ในยุคที่มีนายอภิสิทธิ์เป็นหัวหน้าพรรคจึงเป็นยุคถูกโดดเดี่ยวทางการเมืองมากที่สุด