กลายเป็นประเด็นร้อนทางการเมืองขึ้นมาทันที หลังจาก พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคมาตุภูมิ และ ส.ส.พรรครัฐบาล เสนอร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยความปรองดองแห่งชาติ พ.ศ.... เข้าสู่สภา และรองประธานสภาสั่งบรรจุเป็นเรื่องด่วนเข้าสู่ระเบียบวาระอย่างเงียบเชียบแล้วเมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ทั้งที่ก่อนหน้านี้รัฐบาลยืนยันเป็นมั่นเหมาะว่า ยังไม่มีความคิดเรื่องการเสนอกฎหมายดังกล่าว แต่จะมีการจัดสานเสวนาฟังความเห็นประชาชนทั่วประเทศ ตอกย้ำความปรองดองของคนในชาติตามข้อเสนอแนะของสถาบันพระปกเกล้าเสียก่อน
การขับเคลื่อนอันรวดเร็วของฝ่ายการเมืองครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังจากการชุมนุมใหญ่ของกลุ่มคนเสื้อแดง เพื่อรำลึกเหตุความรุนแรงและการสูญเสียบริเวณแยกราชประสงค์เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ที่รอยร้าวระหว่างแกนนำคนเสื้อแดงและ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ดูจะชัดเจนขึ้น เมื่ออดีตนายกรัฐมนตรีที่ต้องกลายเป็นสัมภเวสีเร่ร่อนหนีคดีอยู่ในขณะนี้ ส่งสัญญาณปรองดองอำมาตย์ด้วยการเกลี้ยกล่อมคนเสื้อแดงให้ลดทิฐิ ความขัดแย้งต่างๆ ลง และหันหน้าเข้าไปสู่มิติแห่งความสมานฉันท์ ด้วยเหตุที่ว่าอยากกลับประเทศไทยเต็มแก่แล้ว ท่ามกลางบรรยากาศการจ่ายเงินเยียวยาของรัฐบาลตามมา
เมื่อตรวจสอบเนื้อหาของร่าง พ.ร.บ.ปรองดองทั้ง 8 มาตรา พบว่า ในมาตรา 3 ที่ระบุว่า ให้บรรดาการกระทำใดๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับการชุมนุมทางการเมืองตั้งแต่วันที่ 15 กันยายน 2548 จนถึงวันที่ 10 พฤษภาคม 2554 หากมีความผิดตามกฎหมาย ก็ให้พ้นผิดโดยสิ้นเชิง มาตรา 4 ถ้าคดีอยู่ในระหว่างการฟ้องร้องหรือการพิจารณาของศาล ก็ให้ถอนฟ้องหรือให้ศาลสั่งจำหน่ายคดี ถ้าคดีถึงที่สุดแล้วให้ถือว่าผู้นั้นไม่เคยต้องคำพิพากษา ถ้ารับโทษอยู่ก็ให้ปล่อยตัวทันที มาตรา 5 ให้ถือว่าบุคคลที่ได้รับผลกระทบจากจากการดำเนินการหรือการปฏิบัติทั้งหลายขององค์กรหรือคณะบุคคลที่ได้รับการแต่งตั้งโดยคำสั่งคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข มิได้เป็นผู้กระทำความผิด
ยากที่จะปฏิเสธว่า ร่าง พ.ร.บ. ฉบับนี้ออกมาเพื่อผลประโยชน์ของคนบางคน โดยเฉพาะ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่รับไปเต็มๆ ทั้งล้างมลทินทุกคดี คืนทรัพย์ 4 หมื่นล้านบาท และที่ดินรัชดาฯ ขณะที่คนเสื้อแดง กลุ่มพันธมิตร และเจ้าหน้าที่รัฐ ที่ถูกพ่วงเข้าไปเป็นน้ำจิ้มเท่านั้น สะท้อนให้เห็นว่า การจัดตั้งคณะกรรมการชุดต่างๆ ขึ้นมาศึกษา ทั้ง คอป. สถาบันพระปกเกล้า รวมถึงการขยายสมัยประชุมสภา เป็นแค่กลวิธีแบบลับ ลวง พราง หลอกประชาชน เป้าหมายที่แท้จริงไม่ใช่การเร่งรัดออกกฎหมายเพื่อประชาชน แต่ทำเพื่อคนคนเดียว ทั้งการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และออกกฎหมายนิรโทษกรรม
รัฐบาลยิ่งลักษณ์ไม่เคยก้าวพ้นเรื่องผลประโยชน์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ เมื่อคนเสื้อแดงที่อ้างอุดมการณ์เพื่อประชาธิปไตยถ่อเรือมาส่งถึงฝั่งแล้ว วันนี้ก็ชัดเจนขึ้นว่า พาหนะใหม่ที่จะใช้เดินทางต่อก็คือ กฎหมายนิรโทษกรรม คาดว่าถัดจากนี้ไปบ้านเมืองก็จะตกอยู่ในภาวะสุ่มเสี่ยงที่จะเกิดความปั่นป่วนมากขึ้น เราไม่ได้กังวลสถานการณ์ทางการเมืองเท่ากับความเสียหายที่จะเป็นบรรทัดฐานบ้านเมืองในเรื่องของหลักนิติรัฐ นิติธรรม ที่กำลังถูกทำลายโดยนำพี่น้องประชาชนมาเป็นเครื่องมือสร้างความขัดแย้งขึ้นมาเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง