องค์กรสิทธิชี้ การเลื่อนตัดสินคดี "จีรนุช" เป็นการยืด "บรรยากาศความกลัว"

ประชาไท 30 เมษายน 2555 >>>




องค์กรสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศในภูมิภาค ร่วมแถลงข่าวหลังการเลื่อนการพิพากษา "จีรนุช" ระบุ พ.ร.บ.คอมฯ จำเป็นต้องแก้ไขเพื่อคุ้มครอง "ตัวกลาง" ในโลกไซเบอร์

30 เม.ย. 55 - เมื่อเวลา 15.00 น. ภายหลังการเลื่อนการตัดสินคดีความผิดในมาตรา 14 และ 15 ตาม พ.ร.บ. คอม ของ จีรนุช เปรมชัยพร ผู้อำนวยการเว็บไซต์ประชาไท องค์กรสิทธิและองค์กรเพื่อเสรีภาพสื่อระหว่างประเทศ อาทิ พันธมิตรเพื่อเสรีภาพสื่อในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (SEAPA) ได้ร่วมกันแถลงข่าว ณ สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศแห่งประเทศไทย (FCCT) โดยชี้ว่า การตัดสินใจของศาล เป็นการหล่อเลี้ยงบรรยากาศของความกลัวให้ยาวนานยิ่งขึ้นในวงการอินเทอร์เน็ตไทย พร้อมทั้งเรียกร้องให้มีการแก้ไข พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ เพื่อปกป้องสิทธิของ "ตัวกลาง" ในโลกอินเทอร์เน็ต

คดีตัวกลางที่เป็น "หมุดหมาย" ในวงการอินเทอร์เน็ตไทย

ศิลป์ฟ้า ตันศราวุธ ตัวแทนจากองค์กรรณรงค์เพื่อเสรีภาพสื่อในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ Southeast Media Defense กล่าวว่า คดีที่เป็นหมุดหมายนี้ เมื่อถูกตัดสินแล้ว จะมีผลอันน่ากลัว (chilling effects) ต่อแวดวงผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตไทย เนื่องจากหากตัดสินว่าผิดจริง จะหมายถึงว่า ต่อไปนี้ เพียงการปรากฏเนื้อหาที่ผิดกฎหมายในเว็บไซต์หนึ่งๆ ไม่ว่าจะด้วยระยะเวลานานเพียงใด ก็ถือว่าผู้ให้บริการเว็บไซต์นั้นมีเจตนาทำความผิดกฎหมายตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ แล้ว
   "ถ้าผลการตัดสินออกมาว่าผิดจริง ผู้ให้บริการทางอินเทอร์เน็ต ต้องเฝ้าเว็บไซต์ของตัวเองวินาทีต่อวินาที ไม่ใช่ต่อชั่วโมง ไม่ว่าข้อความนั้นจะขึ้นมากี่วินาทีหรือกี่นาที คุณก็จำเป็นต้องลบมันออกให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้" เขากล่าว
ด้านตัวแทนจากเครือข่ายพลเมืองเน็ต อาทิตย์ สุริยะวงศ์กุล ตั้งข้อสังเกตว่า การตีความกฎหมายตัวนี้ของศาลแตกต่างจากเจตนารมณ์เดิมที่กฎหมายถูกร่าง โดยเฉพาะมาตรา 14 ใน พ.ร.บ.คอมฯ ที่เดิมกำหนดไว้เพื่อเอาผิดกับข้อมูลคอมพิวเตอร์ในเชิงเทคนิค เช่น รหัสข้อมูลต่างๆ ที่อาจถูกนำไปใช้เพื่อโจมตีหน่วยงานรัฐหรือโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลของโครงการกฎหมายอินเทอร์เน็ตเพื่อประชาชน (iLaw) ระบุว่า ในระยะสามปีแรกของการใช้กฎหมายดังกล่าว ส่วนใหญ่กลับถูกใช้ส่วนใหญ่ในคดีหมิ่นประมาทแทบทั้งสิ้น
อาทิตย์ชี้ว่า นอกจากการใช้กฎหมายดังกล่าวจะเป็นไปอย่างไม่เหมาะสม เนื่องจากโทษจำคุกสูงสุดของพ.ร.บ.คอมฯ ที่มี 5 ปี ดูจะผิดสัดส่วน เมื่อเทียบกับกฎหมายหมิ่นประมาทธรรมดาที่มีโทษสูงสุด 1-2 ปีแล้ว การทำให้กฎหมายดังกล่าวมีลักษณะยอมความไม่ได้ ก็ทำให้เกิดความลักลั่นในการใช้ ประกอบกับกระบวนการจับกุมที่ไม่เป็นไปตามขั้นตอน ยิ่งชี้ให้เห็นว่า การแก้ไขตีความและแก้ไขกฎหมายตัวนี้ใหม่มีความจำเป็นอย่างมาก เพื่อพิทักษ์สิทธิของผู้ใช้อินเทอร์เน็ต

การเลื่อนพิพากษา ยิ่งทำให้ "ความกลัว" ปกคลุมในสังคม

สุนัย ผาสุก นักวิจัยประเทศไทย จากองค์กรสิทธิมนุษยชน ฮิวแมนไรท์ วอทช์ กล่าวว่า ในระยะหนึ่งเดือนที่ศาลเลื่อนการอ่านคำพิพากษานี้ หวังว่าศาลไทยจะนำเอาข้อเสนอแนะของผู้ตรวจการพิเศษสหประชาชาติมาพิจารณา ซึ่งเสนอไม่ให้รัฐไทยเอาผิดกับตัวกลางในอินเทอร์เน็ต เนื่องจากเป็นการเซ็นเซอร์ขึ้นในสังคม
   "การดำเนินคดีของตัวกลางอย่างจีรนุช ไม่สมควรเกิดขึ้นตั้งแต่แรกแล้ว ไม่ว่าการตัดสินคดีจะถูกเลื่อนหรือไม่ก็ตาม ฉะนั้น สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้ ก็คือความพยายามของทางการไทยที่จะตีความการใช้กฎหมายเพื่อเอาผิดกับตัวกลางสำหรับความคิดเห็นอื่นที่ถูกโพสต์ออนไลน์ และผลที่ตามมาก็คือ มันสร้างบรรยากาศความกลัวในหมู่ผู้ดูแลเว็บไซต์และผู้ให้บริการทางอินเทอร์เน็ต ที่จำเป็นต้องเซนเซอร์เนื้อหาต่างๆ ที่ผู้อื่นเป็นผู้โพสต์ เพราะเกรงว่าจะถูกดำเนินคดีแบบเดียวกัน" สุนัยกล่าว
   "การเลื่อนคดีคำพิพากษาของจีรนุช จึงเป็นการทำให้บรรยากาศความไม่แน่นอนและความกลัวที่ปกคลุมยืดเยื้อมากยิ่งขึ้น"
ด้านจีรนุช เปรมชัยพร ผู้อำนวยการเว็บไซต์ประชาไทและจำเลยในคดี พ.ร.บ.คอมฯ กล่าวว่า ถึงแม้เธอจะหวังว่าผลการพิพากษาจะออกมาดี แต่ก็ยอมรับว่ายังมีความไม่มั่นใจอยู่บ้าง เนื่องจากกฎหมายดังกล่าวเป็นกฎหมายที่ค่อนข้างใหม่ และการตีความก็ยังไม่แน่นอน
จีรนุชตอบคำถามของผู้สื่อข่าวต่างประเทศด้วยว่า ถึงแม้การรณรงค์และแรงสนับสนุนจากนานาชาติจะเป็นเรื่องสำคัญ เนื่องจากเป็นการช่วยประกันว่าการดำเนินคดีเป็นไปอย่างโปร่งใส แต่ในความคิดของทางการไทย อาจถูกมองว่าเป็นการแทรกแซงจากต่างชาติ และเป็นปัญหาที่อยู่ภายใต้ของอธิปไตยของไทย จึงอาจมีผลต่อคดีไม่ดีนัก อย่างไรก็ตาม เธอชี้ว่า ยังมีกรณีอื่นๆ ที่เกิดขึ้นอีกมาก ที่ยังต้องการความสนใจจากสาธารณะ และเสริมว่า การรณรงค์ไม่ควรมุ่งเน้นที่ตัวบุคคลมากเกินไป แต่ควรจะให้ความสำคัญกับประเด็นของปัญหามากกว่า 
ทั้งนี้ ตามกำหนดเดิม ศาลได้นัดฟังคำพิพากษาคดีของจีรนุชวันที่ 30 เม.ย. 55 แต่เมื่อเวลาราว 9.47 น. ของวันนี้ ผู้พิพากษาได้ขึ้นบัลลังก์เพื่อแจ้งว่า เนื่องจากเอกสารในคดีนี้มีจำนวนมาก จึงขอเลื่อนการอ่านคำพิพากษาไปเป็นวันที่ 30 พ.ค. 55