วิทย์ นวอนุรักษ์นิยมชน: พรรคเพื่อไทยไม่ใช่ของคนเสื้อแดง ‘Primary Vote’ ยังไม่พร้อมในสถานการณ์ปัจจุบัน

ประชาไท 30 เมษายน 2555 >>>


ขอออกตัวก่อนว่าทรรศนะของการนำเสนอบทความนี้เป็นมุมมองของคนเลือกพรรคเพื่อไทยที่ไม่เห็นด้วยกับการดันทุรังเดินหน้าชุมนุมจนเกิดความสูญเสียใหญ่หลวง โดยผู้เขียนเห็นด้วยกับการยุบสภาภายใน 6 เดือนแล้วยุติการชุมนุมเพื่อรณรงค์ทำการเลือกตั้ง – ดังนั้นจึงขอนำเสนอประเด็นที่แตกต่างจากกลุ่มการเมืองที่เรียกว่า ‘คนเสื้อแดง’ โดยมีความมุ่งหวังที่จะร่วมแลกเปลี่ยนตามวิถีแห่งสังคมเปิด เคารพสิทธิเสรีภาพในการแสดงออก
ระบบการคัดสรรผู้ลงสมัคร ส.ส. โดยคนในพื้นที่ ที่เรียกว่าระบบ Primary Vote (ตามความเข้าใจของคนเสื้อแดงในขณะนี้ ซึ่งผู้เขียนจะขอเจาะลึกลงไปในระบบ Primary Vote ในอารยะประเทศที่ใช้ระบบนี้ในโอกาสต่อไป) ผู้เขียนขอแสดงทรรศนะว่ายังไม่เหมาะสมในบรรยากาศทางการเมืองปัจจุบันของพรรคเพื่อไทย โดยมีประเด็นพิจารณาดังนี้ ..

1. มองมุมกลับ ‘ปทุม’ โมเดล

ในมุมมองของผู้เขียน คิดว่าการพ่ายต่อการเลือกตั้งซ่อมใน จ.ปทุมธานี ที่ผ่านมานั้นเกิดจากการออกไปใช้สิทธิ์ของพลังเงียบไม่มากพอ (มีผู้มาใช้สิทธิอยู่ที่ประมาณ 35 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น) โดยกลุ่มพลังเงียบนี้มีความตื่นตัวทางการเมืองน้อย เพราะต้องทำมาหากิน มองข้ามการเลือกตั้งซ่อม แต่จะใช้สิทธิใช้เสียงในโอกาสสำคัญจริงๆ เท่านั้น
รวมถึงความผิดพลาดที่พรรคเพื่อไทยไม่รณรงค์หาเสียงแบบเต็มรูปแบบ เพื่อดึงเสียงของกลุ่มคนเหล่านี้ออกมา
โดยผู้เขียนมองว่าปรากฏการณ์นี้ไม่ใช่การสั่งสอนจากคนเสื้อแดงดังที่มีการพยายามทำให้ประเด็นนี้ใหญ่โตขึ้นมา และผู้เขียนกลับมองว่าคะแนนเสียงที่เพื่อไทยได้จากการเลือกตั้งซ่อมที่ผ่านมานั้น ส่วนใหญ่อาจจะเป็นเสียงของคนเสื้อแดง (ที่มีความตื่นตัวทางการเมืองสูง) เองด้วยซ้ำ

2. ความพ่ายแพ้ของ ‘เพชวรรต’ ต่อพรรคประชาธิปัตย์ ที่ จ.ลำพูน ในการเลือกตั้งซ่อมปี 2552

ปี 2552 ที่กลุ่มคนเสื้อแดงมีพลังและเป็นที่กล่าวขวัญในสังคมว่าจะเป็นพลังในการเปลี่ยนแปลงสังคม เกิดแกนนำกลุ่มเสื้อแดงในพื้นที่ต่างๆ ผุดมาเป็นดอกเห็ด และพื้นที่ภาคเหนือตอนบนอย่าง เชียงราย ลำพูน เชียงใหม่ ก็ถือว่าเป็นฐานเสียง (ของตาย) ที่สำคัญที่สุดของพรรคเพื่อไทย
เหตุการณ์หนึ่งที่แทบว่าได้ ‘ช๊อค’ คนเชียร์พรรคเพื่อไทยนั่นก็คือ การพ่ายแพ้การเลือกตั้งซ่อมที่ จ.ลำพูน ในการเลือกตั้งซ่อมปี 2552 ของ ‘เพชรวรรต วัฒนพงศศิริกุล’ หรือ ‘ผอ.เพชร’ แกนนำคนสำคัญของคนเสื้อแดงภาคเหนือ ต่อตัวแทนของพรรคประชาธิปัตย์
ปรากฏการณ์ทำให้เห็นว่าภาพลักษณ์ของแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงนั้นอาจจะไม่ตอบโจทย์ต่อคะแนนเสียงส่วนใหญ่ในพื้นที่ที่พรรคเพื่อไทยควรชนะ

3. โครงสร้างพรรคเพื่อไทยยังไม่มีประชาธิปไตย เพราะอยู่แต่ในมือทักษิณ

ปัจจุบันพรรคเพื่อไทยในการบริหารส่วนบนก็ยังไม่ได้ใช้ระบบประชาธิปไตยในการจัดสรรตำแหน่ง แต่เป็นการคัดเลือกโดยคนใกล้ชิดและตัดสินใจโดยทักษิณ ทั้งนี้พรรคเพื่อไทยควรจัดการบริหารในส่วนบนให้มีความเป็นประชาธิปไตยก่อนที่จะขับเคลื่อนพรรคด้วยระบบ Primary Vote ในระดับฐานล่าง
โดยตัวอย่างโครงสร้างพรรคที่มีความเป็นประชาธิปไตยคือโครงสร้างการจัดการบริหารของพรรคประชาธิปัตย์ที่มีการแข่งขันภายในอยู่ตลอดเวลา

4. ระวังนักการเมืองเสื้อแดงที่ไร้คุณภาพ

และการเร่งรีบใช้ระบบ Primary Vote ในขณะที่โครงสร้างพรรคยังไม่มีประชาธิปไตย อาจจะทำให้เกิดการถอยหลังเข้าคลองในระดับพื้นที่เสียเอง จากแกนนำในพื้นที่ที่มีบุคลิก โน้มน้าวคนปราศรัยเก่ง หากินกับโศกนาฏกรรม ชอบประจบสอพลอเสนอหน้าเข้าหานักการเมืองเพื่อไทย หาทางติดต่อกับทักษิณ เป็นต้น
ทั้งนี้อาจจะกลายเป็นการต่อสู้เรื่อง ‘ใครมีมวลชนในมือ’ มากกว่ากัน ซึ่งจะสร้างผลเสียในระยะยาวที่พรรคเพื่อไทยอาจจะได้ตัวแทนที่ไม่มีคุณภาพ

ข้อเสนอ

ตัวแทนของพรรคต้องหลากหลาย ไม่ใช่แค่กลุ่มคนเสื้อแดง และสร้างประชาธิปไตยในการบริหารจัดการพรรคส่วนบนก่อน
ตัวแทนของพรรคต้องมาจากกลุ่มผลประโยชน์ที่หลากหลาย เช่น ตัวแทนเกษตรกร ตัวแทนลูกจ้าง ตัวแทนนายทุนในอุตสาหกรรมต่างๆ ฯลฯ ส่วนคำว่า ตัวแทนจาก ‘กลุ่มคนที่รักประชาธิปไตย’ อย่างกลุ่มคนเสื้อแดงนั้นเป็นภาพกว้างและนามธรรมมากเกินไปและเหมาะสมในการใช้ในประเทศด้อยพัฒนาเช่น พม่า เกาหลีเหนือ เป็นต้น
และต้องสร้างวัฒนธรรมความขยันในการออกไปคัดเลือกตัวแทนกลุ่มตน สร้างความตื่นตัวทางการเมืองให้กับพลังเงียบที่เลือกพรรคเพื่อไทยให้เทียบเท่ากับคนเสื้อแดง
รวมถึงการจัดการบริหารในส่วนบนให้มีความเป็นประชาธิปไตยก่อนที่จะขับเคลื่อนพรรคด้วยระบบ Primary Vote ดังที่ได้กล่าวไป

ภาพลักษณ์และคุณภาพต้องมาก่อน

ผู้เขียนมีคำถามต่อคุณภาพและภาพลักษณ์ในตัว ส.ส. โควตาของคนเสื้อแดง เช่น จ่าประสิทธิ์ หมอเหวง ณัฐวุฒิ และจตุพร เมื่อเทียบกับ ส.ส. ที่มีความรู้ความสามารถเฉพาะทางและมีภาพลักษณ์ที่ดีท่านอื่น อาจจะทำให้แบรนด์ภาพรวมของพรรคตกต่ำลง
โดยโควตาของคนเสื้อแดงที่ทำงานในสภาที่เป็นองครักษ์พิทักษ์ทักษิณ และอภิปรายมีวาทศิลป์ดี ดังที่ได้ยกตัวอย่างไปนั้น จะสามารถทำอะไรได้มากกว่าที่พวกเขาทำในขณะนี้ได้หรือไม่ หนำซ้ำข้อเสนอของคนเสื้อแดงที่พวกเขาเป็นตัวแทนมา เช่น กรณีการเอาคนผิดมาลงโทษในการสังหารหมู่คนเสื้อแดง ก็ยังไม่ตอบสนองเสียเอง

คนเสื้อแดงที่มีประเด็นที่รัฐบาลไม่ตอบสนอง ควรตั้งพรรคการเมืองเอง

เสื้อแดงปีกต่างๆ ที่ถูกละเลยข้อเสนอจากรัฐบาลเพื่อไทย เช่น เสื้อแดงที่ต้องการให้แก้ ม.112 เสื้อแดงที่ไม่เห็นด้วยกับการปรองดอง ควรรวมตัวกันออกมาตั้งพรรคการเมืองเองเพื่อไปต่อสู้ในสภา เพราะเหตุการณ์ที่ผ่านมาได้พิสูจน์แล้วว่าพรรคเพื่อไทยได้หลอกลวงท่านมาซ้ำแล้วซ้ำเล่าในหลายประเด็นที่พวกท่านต้องการ