แดงอิสระก้าวข้าม...?

คมชัดลึก 30 เมษายน 2555 >>>




หลังจากพรรคเพื่อไทยแพ้เลือกตั้งซ่อม และหลังจาก ยิ่งลักษณ์ เข้าพบ พล.อ.เปรม ก็มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่น่ารำคาญปนขบขัน เช่น “เสื้อแดงสั่งสอนเพื่อไทย อย่าดูถูกประชาชน” (อ้าว เมื่อก่อนใครวะ ว่าคนเลือกทักษิณโง่ ถูกซื้อ ม็อบเสื้อแดงถูกจ้างมา) หรือบอกว่า “พรรคเพื่อไทยอย่าหักหลังมวลชน” หรือไม่ก็ชู “ญาติวีรชน” อย่างแม่น้องเกด มาบลั๊ฟทักษิณ
คือถ้าเป็นแดงด้วยกัน หรือคนเป็นกลาง (หาได้อย่างยากยิ่ง) ก็มีสิทธิชอบธรรมที่จะวิพากษ์วิจารณ์ แต่นี่ถ้าไม่เป็นผู้ที่รับผิดชอบการปราบม็อบ ก็เป็นสื่อ นักวิชาการ หรือผู้ดีชาวกรุงที่ร่วมกัน “ออกใบอนุญาตฆ่า”
ฟังไปฟังมาจึงน่าสะอิดสะเอียน แทนที่จะยุเสื้อแดงให้แตกกับพรรคเพื่อไทย กลับทำให้เสื้อแดงเกลียดคนพวกนี้มากขึ้น
ที่ยุให้เสื้อแดง “ก้าวข้าม” ทักษิณนั้น ไม่ต้องห่วงหรอกครับ เสื้อแดงที่เป็นอิสระ “ก้าวไปไกลกว่า” ทักษิณแน่นอน แต่ที่แน่ๆ คือเสื้อแดง “ก้าวข้าม” พวกคุณไปเรียบร้อยแล้ว ต่อให้พรรคเพื่อไทยเสื่อมยังไง พวกเขาก็ไม่กลับมาเลือกพรรคประชาธิปัตย์ ต่อให้เซ็งทักษิณยังไง พวกเขาก็ไม่กลับมายอมรับประชาธิปไตยแบบอำมาตย์ ไม่ยอมรับสภาพที่คนกรุงเสียงดังกว่าคนชนบท
แน่นอนว่าภาพที่ ยิ่งลักษณ์ ไปรดน้ำขอพร พล.อ.เปรม การที่ทักษิณแบะท่าต้องการให้นิรโทษกรรมแลกกับนิรโทษผู้เกี่ยวข้องกับการปราบม็อบ ทำให้เกิดความขัดแย้งภายใน เกิดการต่อสู้ความคิด หรือกระทั่งโวยวายด่าทอกัน
แต่สมมุติว่ายุบสภาพรุ่งนี้ เชื่อสิ ปทุมธานีเขต 5 เพื่อไทยส่งใครลงก็ยังชนะ เพราะเลือกตั้งทั่วไปคือเลือกรัฐบาล ถึงขัดแย้งด่าทอกันยังไง แต่อยากให้ประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลรึ
ความขัดแย้งภายในเสื้อแดง หรือระหว่างเสื้อแดงกับพรรค เป็นเรื่องธรรมดาเมื่อมวลชนตื่นตัวและเติบโต ก็ต้องมีความคิดอิสระ ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นมีด้านดี คือ ทำให้พูดถึง “แดงอิสระ” กันอย่างกว้างขวาง ทั้งที่จริงก็มีมานานแล้ว
ถ้านิยามคำว่า “แดง” คือมีจุดร่วมกันที่ต่อต้านรัฐประหาร ปฏิเสธอำนาจที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง “แดง” ก็ไม่ได้จำกัดแค่ นปช.หรือคนรักทักษิณ แต่รวมถึงผู้ยึดมั่นอุดมการณ์ประชาธิปไตย ที่เป็น “แดงธรรมชาติ” ไม่เกี่ยวข้องใดๆ กับ นปช. หรือพรรคเพื่อไทยมาแต่ต้น (เคยด่าทักษิณกันมาเยอะด้วยซ้ำ) แต่ความขัดแย้งทางการเมืองที่ยืดเยื้อมา 6 ปี ก็ได้ทำให้มวลชนจำนวนมากเติบโตมีความคิดอิสระของตัวเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกเขาเป็นผู้ถูกกระทำด้วยตัวเอง
เสื้อแดงในชนบทส่วนใหญ่มาจากคนรักทักษิณ ไม่พอใจที่เห็นทักษิณถูกกระทำ แต่เหตุการณ์เมื่อปี 2552-2553 ได้เปลี่ยนพวกเขาให้เป็นผู้ถูกกระทำด้วยตัวเอง จนมีเป้าหมายแรงกล้าต้องการทวงความยุติธรรม ต้องการได้มาซึ่งระบอบประชาธิปไตยที่พวกเขามีอำนาจในฐานะเสียงข้างมาก “อำมาตย์” จะมาอยู่เหนือและคอยแทรกแซงการเมืองไม่ได้
เมื่อมวลชนตื่นตัวเช่นนี้ จึงไม่ใช่เรื่องแปลก ที่เกิดปรากฏการณ์แดงชนแดง ในเวทีนายก อบจ. หรือนายกเทศมนตรี เพราะการเมืองท้องถิ่นเริ่มเปลี่ยนขั้วอำนาจ จากกลุ่มทุนท้องถิ่นผูกขาดนอนกิน ต่อสู้กันไม่กี่กลุ่ม แกนนำเสื้อแดงในชนบทถีบตัวขึ้นมาเป็น “ผู้ประกอบการทางการเมือง” เข้าไปมีส่วนร่วมในอำนาจ ถ้าไม่สมัครเองก็สนับสนุนผู้สมัคร
ที่เชียงใหม่ก็มีข่าวดี แดงเชียงใหม่เรียกร้องให้มีไพรมารีโหวตในการเลือกตั้งซ่อม แม้ยังไม่น่าเป็นจริงได้ แต่พรรคเพื่อไทยก็ต้องซาวเสียงประชาชนก่อนตัดสินใจ
การมี “แดงอิสระ” ไม่จำเป็นจะต้อง “ก้าวข้ามทักษิณ” แบบสู้รบกันเอง แตกแยก ย่อยยับ ตามความฝันเพ้อเจ้อของฝ่ายตรงข้าม “แดงอิสระ” จะเป็นพลังทางการเมือง ที่เป็น “แนวร่วม” กับพรรค นั่นคือมีทั้งส่วนที่เห็นด้วย สนับสนุน ปกป้อง และด้านที่ขัดแย้ง เห็นต่าง ต่อสู้ความคิด กดดัน
ยกตัวอย่างปัจจุบัน กระแสกดดันไม่ให้นิรโทษกรรมผู้เกี่ยวข้องกับการปราบม็อบ (พร้อมกับไม่ต้องนิรโทษกรรมแกนนำ นปช.) ตามข้อเรียกร้องแม่น้องเกด ถ้าทักษิณไม่โง่ ก็ย่อมไม่กล้าผลีผลาม เพราะทักษิณรู้ดีว่า ถ้าไม่มีมวลชน ถ้าไม่มีพลังที่เรียกร้องทวงความยุติธรรม พรรคเพื่อไทยก็ไม่ชนะ และอยู่ไม่รอด
สิ่งที่ทักษิณทำในขณะนี้ จึงน่าจะเป็นยุทธวิธีเดิน 2 ขา ค่อยๆ นวด วัดกระแส เพื่อค่อยๆ ปรับไปสู่เป้าหมาย พร้อมกับค่อยๆ ลาก “อำมาตย์” ลงน้ำไปด้วยกัน เพื่อเป็นหลักประกัน ยังไงๆ ทักษิณก็รู้ดีว่า ต่อให้มีการนิรโทษกรรม 1-2 ปีนี้ก็ยังไม่น่ากลับเมืองไทย
ถึงอย่างไรเสื้อแดงส่วนใหญ่ก็มีความผูกพันกับทักษิณ มีหัวอกเดียวกันคือ ไม่ได้รับความยุติธรรม “แดงอิสระ” อาจไม่เห็นด้วยกับการนิรโทษ แต่เห็นด้วยกับการลบล้างคำพิพากษา นับหนึ่งใหม่ ตามข้อเสนอ “ลบล้างผลพวงรัฐประหาร” ของนิติราษฎร์ (แถลงการณ์แม่น้องเกด) ภายใต้ความรู้สึกร่วมนี้ ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นจึงยากจะแตกหัก เปรียบเหมือนคนล่องเรือฝ่าดงฉลามมาด้วยกัน ทักษิณตัดช่องน้อยขอลงก่อน ก็ Let It Be แต่พวกเขาจะไปไกลกว่า