ภท. ปรองดองเพื่อความอยู่รอด

โพสท์ทูเดย์ 6 เมษายน 2555 >>>




ท่าทีของพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ในการอภิปรายรายงานของคณะกรรมาธิการปรองดองในการประชุมสภา เมื่อวันที่ 4-5 เม.ย. เป็นสิ่งตอกย้ำที่ชัดเจนว่า ภท.ต้องการปรองดองกับพรรคเพื่อไทย (พท.)
คำอภิปรายของ “ศุภชัย ใจสมุทร” ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษก ภท. เป็นสิ่งสะท้อนถึงความคิดของ “เนวิน ชิดชอบ” ในวันนี้
“ศุภชัย” บอกว่า พรรคพร้อมสนับสนุนการสร้างความปรองดอง และอยากให้นักการเมืองที่เป็นคู่ขัดแย้ง ยอมลดราวาศอก และถอยมาอยู่ในจุดที่อยู่ร่วมกันได้ ก็จะเกิดความปรองดองขึ้น
ที่สำคัญ “ศุภชัย” ยังได้สนับสนุนข้อเสนอให้ยกเลิกคำตัดสินของคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ว่า พรรคไม่ได้เอาเรื่องตัวบุคคลเป็นตัวตั้ง แต่เรื่องแบบนี้ไม่ควรเกิดขึ้นในบ้านเมืองที่เป็นประชาธิปไตย และสิ่งที่ คตส. ทำจะถูกต้องตามกฎหมาย แต่ไม่ใช่หลักนิติธรรม ดังนั้นเมื่อมีโอกาสที่จะทำให้ถูกต้องได้ ทำไมไม่ทำให้ถูกต้องอย่างที่มันควรจะเป็น
   “วันนี้ถ้าทั้งรัฐบาลและฝ่ายค้านยังก้าวไม่พ้น พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ท่านก็จะยังติดอยู่ตรงนี้ และจะกลายเป็นเงื่อนไขของความรุนแรง ดังนั้นสู้บริหารประเทศในวันนี้ให้ดีก่อนจะดีกว่า” โฆษก ภท. อภิปราย
ถามว่าเหตุใด ภท. และ “เนวิน” จึงมีท่าทีปรองดองกับ พท. และ “ทักษิณ” รวดเร็วเช่นนี้ ทั้งที่เพิ่งห้ำหั่นกันทางการเมือง โดยเฉพาะการเลือกตั้งยังไม่ครบขวบปี
หมากเกมนี้มองเป็นอย่างอื่นไม่ได้ นอกจาก ภท. เล่นบทต้องการเอาตัวรอด ไม่อยากตกเป็นเป้าให้ถูกขย้ำจากอำนาจรัฐบาล พท.
ว่ากันตามจริง สถานการณ์ปัจจุบัน ภท. คงไม่มีทางเลือกมากนัก เนื่องจากการอยู่ร่วมเป็นพรรคฝ่ายค้านกับพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) แทบไม่มีโอกาสโชว์ผลงานได้เลย เพราะ ปชป. เล่นบทพระเอกอยู่ฝ่ายเดียวโดยไม่สนใจ ภท. เลย
ความรู้สึกไม่ใช่เลือดเดียวกันระหว่าง ภท. และ ปชป. มีมาตลอด ตั้งแต่ได้ร่วมรัฐบาลอภิสิทธิ์ ด้วยกันแล้ว และเมื่อมาเป็นฝ่ายค้านยิ่งเกาเหลากันมากขึ้น โดยเฉพาะการชิงนำกันในทางการเมือง
ขณะเดียวกัน หากย้อนไปดูสาแหรกของ ส.ส.ภท. ส่วนใหญ่เคยอยู่ในระบอบทักษิณมาก่อนเก่า ฉะนั้นความคุ้นเคยความรู้สึกระหว่าง ส.ส.ภท. และ พท. สนิทใจกว่าอยู่กับ ปชป.
ดังนั้น การไปเป็นมิตรกับ พท. ซึ่งเป็นรัฐบาล ดีกว่าไปเป็นฝ่ายค้านให้รัฐบาล พท. ตัดตอน
ทั้งนี้ อย่าลืมว่า ภท. มี ส.ส. ส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ภาคอีสานและคนในพื้นที่ดังกล่าวไม่ได้มีความนิยมชมชอบในตัว ปชป. อาจทำให้ ภท. ขยับตัวทางการเมืองได้ยากลำบากเป็นเท่าตัว
ตัวอย่างชัดเจนคือผลเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ที่ ภท.ได้ ส.ส. ไม่ตรงตามเป้าที่วางไว้ และต้องกอดคอกับ ปชป. ร่วมกันเป็นฝ่ายค้านอยู่ในขณะนี้
อีกประเด็นสำคัญไม่แพ้กันคือ ธุรกิจการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงของ บริษัท ซิโนไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น ซึ่งกุมบังเหียนโดย “อนุทิน ชาญวีรกูล” และถือได้ว่าเป็นท่อน้ำเลี้ยงขนาดใหญ่ให้กับพรรคในการใช้ต่อสู้ทางการเมือง หากไม่สานสัมพันธ์อันดีกับ พท.เรื่องปรองดองไว้ แน่นอนว่าย่อมส่งผลร้ายต่อภูมิใจไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ทั้งนี้ เนื่องด้วย ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง สมัยดำรงตำแหน่งฝ่ายค้าน ได้อภิปรายไม่ไว้วางใจ โสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคม ขณะนั้น รวมถึง ชวรัตน์ ชาญวีรกูล อดีต รมว.มหาดไทย ที่มีธุรกิจก่อสร้างในชื่อกลุ่ม ซิโนไทยฯ รวมถึงกลุ่ม CKTC ช.การช่าง
ดังนั้น หาก ภท. ดึงดันแข็งข้อกับ พท. เรื่องดังกล่าวอาจถูกขุดคุ้ยขึ้นมาเป็นตัวเร้าให้ ภท. หมดค่าทางการเมืองเร็วกว่าที่คิด ในทางกลับกัน หากยอมเป็นพวกกับ พท. โอกาสในการอยู่รอดทางการเมืองของ ภท.มีสูง โดยเฉพาะ “เนวิน” ที่หันไปทุ่มเทกับฟุตบอล ก็ไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลังกับการต้องเป็นศัตรูกับ พ.ต.ท.ทักษิณ
ฉะนั้นบทบาทของ ภท. ในการพลิกหันมาหนุนปรองดองฉบับ พท.จึงหนีไม่พ้นข้อกล่าวหาผลประโยชน์ตัวเอง