โดย ธิดา ถาวรเศรษฐ ....
มีคนตั้งคำถามนี้กันมาก ทั้งไทย และเทศ หมอดูบางคนตั้งเป้าเพียงหกเดือนเท่านั้น
พูดง่าย ๆ คือ การตั้งรัฐบาล การตั้งรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย เต็มไปด้วยความไหวหวั่น
เอ๊ะ ?
1. จะให้แกนนำเสื้อแดงมีตำแหน่งประธานสภา หรือเป็นรัฐมนตรีได้ไหม ? พวกนี้เป็นสายล่อฟ้ารึเปล่า ? แน่นอนมีทั้งคนสนับสนุนและคัดค้าน และน่าสงสัยว่า ผู้คนในพรรคจะคัดค้านมากกว่าสนับสนุน เมื่อพิจารณาองค์ประกอบของคนสำคัญๆ ในพรรค โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คนสำคัญๆ ที่ไม่ได้เดินหาเสียงจากมวลชน จำนวนมากก็ไหวหวั่นที่จะให้แกนนำเสื้อแดงมีตำแหน่งใดๆ ? เหตุผลคือกลัวอำมาตย์ !? กลัวเสื้อเหลือง !?
จึงไม่แปลกที่ พอ.อภิวันท์ จะต้องขอสละการสมัครเป็น ประธานสภา ? เพราะแรงกดดันภายในพรรค ? ถ้าให้เดาคงมีการประลองกำลังภายในกันหนักในการวางคนในตำแหน่งรัฐมนตรี หรือ
2. จะให้คนนอกเป็นรัฐมนตรีกี่ตำแหน่ง ก็อยากได้คนหน้าตาดี ดูมีความรู้ความสามารถ แต่นี่ก็เป็นการแย่งโควตาคนภายใน ถ้าตั้งคนนอกมากไป มีคนไม่เห็นด้วยมาก ก็เป็นปัญหาภายในพรรค คนนอกที่ว่าจะหมายถึงตัวแทนกลุ่มทุนใด หรือจากคุณทักษิณ สังคมก็จะจับจ้องอีกเช่นกัน หรือพิจารณาจากความรู้ความสามารถ และได้รับการยอมรับจากกลุ่มใดๆ คงไม่มีใครเดินเข้ามาเป็นรัฐมนตรีโดยไม่มีกำลังสนับสนุน
3. จากตัวแทนกลุ่ม ส.ส. ที่จะรวมตัวกันเพื่อต่อรองตำแหน่ง ซึ่งอาจมีผู้สนับสนุนเป็นกลุ่มเป็นพวกพ้องกัน อาจคิดเป็นโควตาภาคว่า ควรได้เป็นรัฐมนตรีกี่ตำแหน่ง สายกลุ่ม ส.ส. ดูจะมีความแข็งแรงกว่ากลุ่มอื่นๆ ทั้งที่ กลุ่ม ส.ส. เหล่านี้ต้องอาศัยกลุ่มแรกคือ มวลชนเสื้อแดงในการสนับสนุนให้ได้คะแนนเสียงจนได้รับชัยชนะ
4. กลุ่มผู้มีอิทธิพลอื่น ๆ ส่งเข้าประกวด มีตั้งแต่สายระบอบอำมาตย์ สายผู้บริหารงานอยู่เบื้องหลัง ที่ถูกถอดสิทธิการเมือง
รวม ๆ แล้ว จำนวนคนถูกส่งเข้าประกวดมีมาก จนต้องใช้วิธีถีบออกต่าง ๆ กัน ชุดแรกที่ต้องถูกถีบออก น่าจะเป็นแกนนำเสื้อแดง เพราะทุกฝ่ายจะรุมสกรัมเพื่อเอาโควตา
ความจริงคำถามว่ารัฐบาลนี้จะอยู่นานเพียงไร ถูกตั้งคำถามจากคนบางกลุ่มเพื่อเป้าหมายในการสร้างความหวั่นไหว เพื่อผลประโยชน์กลุ่มตน อ้างว่าสามารถสามัคคีกับกลุ่มอำมาตย์ได้ เพื่อให้รัฐบาลนี้อยู่ได้นาน ๆ
ปรากฏการณ์นี้คือการถอดเสื้อแดง แปลงร่างเป็นสีเหลือง ให้เป็นพวก Bipolar มี 2 ขั้วในร่างเดียว
ส่วน ขั้วเครือข่ายระบอบอำมาตย์ นั่นแน่นอนอยู่แล้ว จะพยายามล้มรัฐบาลที่มาจากประชาชนอยู่ทุกวัน แม้แต่กรณี จตุพร พรหมพันธ์ เขาก็จะพยายามมัดหัวหน้าพรรค เพื่อหาช่องทางยุบพรรคเพื่อไทยในอนาคต แม้แต่คุณยิ่งลักษณ์ ก็จะพบขวากหนามมิใช่น้อย
คำถามคือ การเปลี่ยนสีเสื้อ จะช่วยให้ตั้งรัฐบาลอยู่ได้นานหรือไม่ ? ท่านผู้อ่านลองเอาโจทย์ข้อนี้ไปถกเถียงกันดู สำหรับผู้เขียน คิดว่าการเปลี่ยนสีเสื้อ และการมี 2 ขั้วในร่าง 1 ร่าง ไม่น่าได้ผลตามที่หวัง เพราะอย่างไรเสีย เครือข่ายระบอบอำมาตย์ ไม่ไว้ใจคุณทักษิณอยู่ดี ยังมีวิธีคิดว่าขัดแย้งกับบุคคลเป็นสำคัญ มิได้คิดว่าขณะนี้ กลุ่มตนขัดแย้งกับประชาชนเป็นความขัดแย้งหลักของประเทศ ดังนั้นการพยายามจะเปลี่ยนสีเสื้อก็ไม่ช่วยอะไรได้ เป็นแค่มีบางคน อ้างเอาเหตุนี้มาเป็นเหตุผลสร้างความสำคัญ เพื่อยึดโควตารัฐมนตรีในรัฐบาล
ถ้าเช่นนั้นรัฐบาลควรจัดอย่างไร ? เพื่อให้อยู่ได้นาน ผู้เขียนคิดว่าเป็นเรื่องของทางพรรค ไม่เกี่ยวกับพวกเสื้อแดงอย่างผู้เขียน แต่เรามีความเห็นกันได้ ในฐานะประชาชนธรรมดาๆ ผู้เขียนมองว่า นี่ควรเป็นไปตามธรรมชาติขององค์ประกอบที่ทำให้เกิดชัยชนะ และลักษณะพรรคเพื่อไทยคืออะไร ? มีใครในพรรคตั้งคำถามบ้าง พรรคเพื่อไทยเป็นพรรคมวลชนเป็นด้านหลัก หรือพรรคทุนเป็นด้านหลัก หรือพรรคทุน + อำมาตย์เป็นด้านหลัก ก็จะแสดงออกในแนวทางนโยบาย และการกำหนดบุคคลในตำแหน่งสำคัญ ทั้งด้านบริหารและนิติบัญญัติ ที่ผู้เขียนพูดเช่นนี้ มิได้หมายความว่า เชียร์เสื้อแดงในฐานะส่วนตัว แต่ตั้งคำถามในเชิงหลักทฤษฎีต่อลักษณะพรรคและการสร้างพรรค เพื่ออนาคตของพรรคเพื่อไทยและการเมืองไทยต่อไป
แน่นอนความสำคัญที่หลังเลือกตั้งควรให้รัฐบาลอยู่ได้อย่างมั่นคง จึงต้องตีโจทย์ต่อไปว่า จะมั่นคงได้อย่างไร
จะเลือกมีมวลชนอันเป็นผนังทองแดงกำแพงเหล็ก มีลักษณะพรรคเป็นพรรคมวลชน สร้างพรรคให้เข้มแข็ง โดยมีมวลชนที่ตื่นตัวทางการเมืองผนึกกำลังเป็นฐานที่แข็งแกร่ง
หรือจะสร้างพรรคแบบอื่น เพราะจำเป็นต้องยอมสยบ กลไกรัฐในระบอบอำมาตย์
ก็จะมีคำถามสำหรับมวลชนเช่นกันว่า พวกเขาคิดและรู้สึกอย่างไร ? ต่อสถานการณ์เช่นนี้ ทั้งในปัจจุบัน และในอนาคต
ความแข็งแรงของพรรคมาจากฐานมวลชนที่ตื่นตัวสนับสนุน จะแข็งพอที่ยืนหยัดต่อกรกับระบอบอำมาตย์ ที่ยังไม่อยากคืนอำนาจให้ประชาชนหรือไม่ ถ้ากลัวระบอบอำมาตย์ ลดบทบาทประชาชน ก็จะเป็นโจทย์ยิ่งใหญ่ของฝ่ายประชาชนต่อไป ไม่เพียงการวางบทบาทจัดสรรตำแหน่งผู้บริหารหรือด้านนิติบัญญัติ ยังมีสิ่งบ่งชี้ถึงลักษณะพรรค ทิศทางพรรคจากแนวทางนโยบายในการทำงานตั้งแต่วันแรก
พวกเราทุกคนอยากให้ รัฐบาลที่ผ่านการเลือกตั้งโดยมติมหาชนอยู่ได้นานที่สุด แต่นี่ก็เป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องบอกว่า จะทำอย่างไรจึงจะได้ผลอย่างแท้จริง ? เพราะมิใช่เพียงแค่ยืดเวลารัฐบาล แต่ต้องตอบคำถามประชาชนที่สู้เพื่ออนาคตประชาธิปไตยไทยมากว่า 5 ปีด้วย