ทีมข่าว นปช.
23 ตุลาคม 2556
สืบเนื่องจากคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมฉบับส.ส.วรชัย เหมะ ได้มีมติปรับแก้เนื้อหาใหม่ ขยายการนิรโทษกรรมไปยังบุคคลเพิ่มเติมจากร่างเดิม อันหมายรวมถึงผู้สั่งการและผู้ปฏิบัติการปราบปรามประชาชนด้วยความรุนแรงเกินกว่าเหตุผลสมควร ทำให้มีผู้เสียชีวิตนับร้อยและบาดเจ็บนับพัน เพื่อทำความเข้าใจกับสังคม แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.แดงทั้งแผ่นดิน) ขอแถลงว่า
1. จุดยืนของเรายังอยู่ที่ร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมฉบับวรชัย เหมะ ที่นิรโทษเฉพาะประชาชนทุกสีเสื้อยกเว้นแกนนำ ผู้สั่งการให้เคลื่อนไหว และผู้สั่งการ ปราบปรามประชาชนรุนแรงเกินกว่าเหตุอันควร
2. ความคิดเห็นในหมู่ประชาชนฝ่ายพลังประชาธิปไตยที่มีองค์ประกอบหลากหลายย่อมแตกต่างกันทั้งระยะยาวและเฉพาะหน้า แต่ไม่ใช่ความขัดแย้งที่เป็นปฏิปักษ์หรือเป็นศัตรูทางการเมือง จึงต้องใช้ท่าทีที่เหมาะสมในการอธิบายเหตุผลและทัศนะที่แตกต่างอย่างสร้างสรรค์ ไม่ใช่ทำลายกันและกัน ใช้เหตุผล หลักการ และผลประโยชน์ของขบวนการประชาธิปไตยและประชาชนเป็นเป้าหมาย พร้อมกับพิจารณาเทียบกับผลร้ายที่จะเกิดขึ้นตามมา ไม่ว่าจะตัดสินใจเลือกใช้วิธีใด
3. การพิจารณาแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นเริ่มจากแนวคิดที่แตกต่างกัน ส.ส.ส่วนหนึ่งเน้นการออกพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมเป็นหลักนับจากจัดตั้งรัฐบาลเสร็จ แต่ด้าน นปช. เน้นการแก้ไขรัฐธรรมนูญและขจัดผลพวงการทำรัฐประหารเป็นหลัก แต่การนิรโทษกรรมเฉพาะประชาชนทุกสีเสื้อเป็นความจำเป็นเฉพาะหน้าหลังจากผ่านเหตุการณ์มากว่า 3 ปี ยังช่วยประชาชนทั้งที่อยู่ในเรือนจำและต้องคดีอีกนับพันรายไม่ได้ จึงเป็นที่มาของการขอให้ออกพระราชกำหนดนิรโทษกรรมและพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมโดย นปช.และแกนนำ เราจึงจำเป็นต้องยืนยันจุดยืนเดิมที่ต้องการแก้ปัญหาให้กับประชาชนทุกสีเสื้อโดยเร็วที่สุด มีข้อโต้แย้งน้อยที่สุดตามร่างเดิมของวรชัย เหมะ
4. ปัญหาหลักการสำคัญอีกอย่างคือ กลุ่มบุคคลที่ควรได้รับนิรโทษกรรม สำหรับ พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร เป็นผู้ถูกกระทำอย่างไม่เป็นธรรมอันเนื่องจากผลพวงการทำรัฐประหาร จึงควรให้ความเป็นธรรมโดยลบล้างผลพวงการทำรัฐประหาร แก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 โดยเฉพาะอย่างยิ่งมาตรา 309 โดยเร็ว จึงจะเป็นการช่วยเหลือ พ.ต.ท.ดร. ทักษิณ ชินวัตร อย่างถูกต้อง แต่การสอดไส้ในร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมฉบับวรชัย เหมะ ที่ นปช. ได้ช่วยกันต่อสู้หลักการและเหตุผลที่ควรผ่านร่างพระราชบัญญัตินี้ ทั้งในสังคมไทยและสังคมต่างประเทศได้อธิบายชี้แจงองค์กรสิทธิมนุษยชนและโฆษกข้าหลวงใหญ่องค์กรสิทธิมนุษยชนสหประชาชาติเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมฉบับวรชัย เหมะ ว่ามิได้นิรโทษแก่ผู้ปราบปรามประชาชนแต่อย่างใด เราจึงไม่สามารถทำอย่างอื่นได้นอกจากยืนยันในหลักการเดิมคือ สนับสนุนร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมฉบับวรชัย เหมะ ที่ผ่านวาระหนึ่งไปแล้ว โดยคำนึงถึงความถูกต้องชอบธรรมและไม่ต้องการให้การฆ่าคนกลางถนนเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีกในประเทศไทยอีกต่อไป
23 ตุลาคม 2553