ทีมข่าว นปช.
23 ตุลาคม 2556
วันนี้เมื่อเวลา 13.00 น. ที่ อิมพีเรียลเวิลด์ ลาดพร้าว ชั้น 5 กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช) ได้แถลงข่าวประจำวันพุธที่ 23 ตุลาคม 2556 นำโดยอ.ธิดา ถาวรเศรษฐ ประธานนปช. นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำนปช. น.พ.เหวง โตจิราการ คุณวรชัย เหมะ และแกนนำส่วนกลางท่านอื่นอีกมากมาย
ชมคลิป
อ.ธิดา ถาวรเศรษฐ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช) แถลงท่าทีของนปช.ต่อร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมที่คณะกรรมการวิสามัญได้ปรับแก้ให้ครอบคลุมถึงผู้สั่งการปราบปรามประชาชนและพ.ต.ท.ด.ร.ทักษิณ ชินวัฒน์ อดีตนายกรัฐมนตรีหรือแบบเหมาเข่ง โดยระบุว่าจุดยืนของ นปช.คือการนิรโทษกรรมประชาชนทุกสีเสื้อไม่รวมแกนนำและผู้สั่งการ ตามร่างเดินของนายวรชัย เหมะ ส่วนฝ่ายประชาธิปไตยที่มีความเห็นแตกต่างกันในประเด็นนี้ขอให้ใช้ท่าทีแบบมิตรในการอธิบายและเปรียบเทียบข้อดีข้อเสียโดยต้องคำนึงถึงประโยชน์ของฝ่ายประชาธิปไตย และประชาชนเป็นหลักไม่ว่าจะเลือกวิธีใดก็ตาม
สำหรับการคืนความเป็นธรรมให้กับพ.ต.ท.ทักษิณ เหยื่อของการทำรัฐประหารนั้น นปช.เสนอให้ยกเลิกผลพวงของการทำรัฐประหารโดยการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 309 ที่รับรองการกระทำและผลพวงของการทำรัฐประหารเท่านั้น ไม่ใช่สอดไส้ไว้ใน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม
ทั้งนี้ประธานนปช.ได้แถลงการณ์ ประกาศจุดยืน สนับสนุนร่างเดิม พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับวรชัย เหมะ ว่า
สืบเนื่องจากคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมฉบับส.ส.วรชัย เหมะ ได้มีมติปรับแก้เนื้อหาใหม่ ขยายการนิรโทษกรรมไปยังบุคคลเพิ่มเติมจากร่างเดิม อันหมายรวมถึงผู้สั่งการและผู้ปฏิบัติการปราบปรามประชาชนด้วยความรุนแรงเกินกว่าเหตุผลสมควร ทำให้มีผู้เสียชีวิตนับร้อยและบาดเจ็บนับพัน เพื่อทำความเข้าใจกับสังคม แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.แดงทั้งแผ่นดิน) ขอแถลงว่า
1. จุดยืนของเรายังอยู่ที่ร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมฉบับวรชัย เหมะ ที่นิรโทษเฉพาะประชาชนทุกสีเสื้อยกเว้นแกนนำ ผู้สั่งการให้เคลื่อนไหว และผู้สั่งการ ปราบปรามประชาชนรุนแรงเกินกว่าเหตุอันควร
2. ความคิดเห็นในหมู่ประชาชนฝ่ายพลังประชาธิปไตยที่มีองค์ประกอบหลากหลายย่อมแตกต่างกันทั้งระยะยาวและเฉพาะหน้า แต่ไม่ใช่ความขัดแย้งที่เป็นปฏิปักษ์หรือเป็นศัตรูทางการเมือง จึงต้องใช้ท่าทีที่เหมาะสมในการอธิบายเหตุผลและทัศนะที่แตกต่างอย่างสร้างสรรค์ ไม่ใช่ทำลายกันและกัน ใช้เหตุผล หลักการ และผลประโยชน์ของขบวนการประชาธิปไตยและประชาชนเป็นเป้าหมาย พร้อมกับพิจารณาเทียบกับผลร้ายที่จะเกิดขึ้นตามมา ไม่ว่าจะตัดสินใจเลือกใช้วิธีใด
3. การพิจารณาแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นเริ่มจากแนวคิดที่แตกต่างกัน ส.ส.ส่วนหนึ่งเน้นการออกพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมเป็นหลักนับจากจัดตั้งรัฐบาลเสร็จ แต่ด้าน นปช. เน้นการแก้ไขรัฐธรรมนูญและขจัดผลพวงการทำรัฐประหารเป็นหลัก แต่การนิรโทษกรรมเฉพาะประชาชนทุกสีเสื้อเป็นความจำเป็นเฉพาะหน้าหลังจากผ่านเหตุการณ์มากว่า 3 ปี ยังช่วยประชาชนทั้งที่อยู่ในเรือนจำและต้องคดีอีกนับพันรายไม่ได้ จึงเป็นที่มาของการขอให้ออกพระราชกำหนดนิรโทษกรรมและพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมโดย นปช.และแกนนำ เราจึงจำเป็นต้องยืนยันจุดยืนเดิมที่ต้องการแก้ปัญหาให้กับประชาชนทุกสีเสื้อโดยเร็วที่สุด มีข้อโต้แย้งน้อยที่สุดตามร่างเดิมของวรชัย เหมะ
4. ปัญหาหลักการสำคัญอีกอย่างคือ กลุ่มบุคคลที่ควรได้รับนิรโทษกรรม สำหรับ พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร เป็นผู้ถูกกระทำอย่างไม่เป็นธรรมอันเนื่องจากผลพวงการทำรัฐประหาร จึงควรให้ความเป็นธรรมโดยลบล้างผลพวงการทำรัฐประหาร แก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 โดยเฉพาะอย่างยิ่งมาตรา 309 โดยเร็ว จึงจะเป็นการช่วยเหลือ พ.ต.ท.ดร. ทักษิณ ชินวัตร อย่างถูกต้อง แต่การสอดไส้ในร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมฉบับวรชัย เหมะ ที่ นปช. ได้ช่วยกันต่อสู้หลักการและเหตุผลที่ควรผ่านร่างพระราชบัญญัตินี้ ทั้งในสังคมไทยและสังคมต่างประเทศได้อธิบายชี้แจงองค์กรสิทธิมนุษยชนและโฆษกข้าหลวงใหญ่องค์กรสิทธิมนุษยชนสหประชาชาติเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมฉบับวรชัย เหมะ ว่ามิได้นิรโทษแก่ผู้ปราบปรามประชาชนแต่อย่างใด เราจึงไม่สามารถทำอย่างอื่นได้นอกจากยืนยันในหลักการเดิมคือ สนับสนุนร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมฉบับวรชัย เหมะ ที่ผ่านวาระหนึ่งไปแล้ว โดยคำนึงถึงความถูกต้องชอบธรรมและไม่ต้องการให้การฆ่าคนกลางถนนเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีกในประเทศไทยอีกต่อไป
ที่สำคัญก็คือการปราบปรามประชาชนนั้นได้เกิดขึ้นมายาวนาน และในอดีตนั้นประชาชนเมื่อได้รับการนิรโทษกรรมก็จะถูกเหมาเข่งอย่างที่เราทราบประชาชนฝ่ายประชาชนนั้นไม่แข็งแรงที่จะลุกขึ้นต่อสู้เพื่อความเป็นธรรมของผู้ถูกฆ่ากลางถนน แต่มาพ.ศ.นี้คนเสื้อแดงและประชาชนไทยนั้นใหญ่โตมากพอที่จะทวงความเป็นธรรมให้กับคนตายในอดีตและปัจจุบันเพื่อไม่ให้เกิดการตายต่อไปใน
อนาคต ช่วงท้ายอ.ธิดาฝากประเด็นด้วยว่าคนที่ตายไม่ใช่มีแต่คนไทย ยังมีฮิโรยูกิ และโปเลงสกี้เป็นนักข่าวนานาชาติแล้วสังคมไทยจะตอบอารยชนต่างๆอย่างไรว่า เราสามารถนิรโทษกรรมให้กับคนที่ฆ่านักข่าวต่างประเทศและประชาชนไทยคุณจะเอาอะไรไปตอบเขา
นี่เป็นคำแถลงในฉบับที่1 ดังที่ได้กล่าวแล้วว่าเป็นความแตกต่างกัน ในทางแก้ปัญหาทางการเมืองอีกอย่างหนึ่งก็คือ ให้พี่น้องจัดที่ยืนของเราอย่างถูกต้องเราเป็นฝ่ายประชาชนด้วยกันเราอาจจะมีความคิดต่างกันบ้างในการแก้ปัญหา แต่ถ้าจะให้เราไปยืนอยู่ฝั่งเดียวกับประชาธิปัตย์หรือเวทีหมามุ้ย ไม่มีคนเสื้อแดงที่ไหนทำได้แน่นอน ทราบว่ามีคนเสื้อแดงบางคนไปขึ้นเวทีฝั่งโน้นเราสามารถตอบได้แทนว่านั่นไม่ใช่คนเสื้อแดงจริงๆ เพราะอย่างไรเสียเราเป็นคนในครอบครัวใหญ่เดียวกัน เมื่อมีความคิดเห็นไม่ตรงกันก็ต้องใช้ท่าทีอย่างเป็นมิตรต่อกัน แต่เราก็ขอยืนยันอีกครั้งหนึ่งว่านี่เป็นทางเลือกที่พวกเรานอกจากจะมาจากการใคร่ควรถึงเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นในอดีต ปัจจุบัน อนาคต พี่น้องประชาชนส่วนใหญ่ที่สะท้อนมายังเรานั้นก็คือเขารักคุณทักษิณอยากให้กลับประเทศไทย แต่เขาไม่ขอแลกกับฆาตกรที่ฆ่าประชาชน
ด้านคุณจตุพร พรหมพันธุ์แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช)ระบุว่าแกนนำนปช.ไม่ขอรับนิรโทษกรรมและ ฆาตกรที่สังหารประชาชนต้องถูกลงโทษส่วนการที่กรรมาธิการเสียงข้างมากอธิบายว่า หากไม่นิรโทษกรรมให้ครอบคลุมทุกคนแล้วจะผิดรัฐธรรมนูญ มาตรา 30 ว่าด้วยการเท่าเทียมกันทางกฎหมายนั้นฟังไม่ขึ้น เพราะหากต้องการให้คลอบคุมทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน ต้องร่วมถึงนักโทษคดีหมิ่นเบื้องสูงหรือคดีอาญามาตรา 112 ด้วย
คุณจตุพร ยังกล่าวอีกว่า การนิรโทษกรรมแบบยกเข่งของนายประยุทธ์ ศิริพานิชย์ นั้น แกนนำนปช.จะไม่ยอมอยู่เข่งเดียวกับคนสั่งฆ่าประชาชน เราจะไม่ทรยศกับเสื้อแดง ซึ่งตนได้พูดคุยกับพรรคเพื่อไทยและน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯและรมว.กลาโหม ว่านปช.มีจุดยืนอย่างไร แม้เสื้อแดงทุกคนจะต้องการให้พ.ต.ท.ทักษิณกลับบ้าน แต่จะไม่ยอมให้การกลับมาของพ.ต.ท.ทักษิณ เป็นวิธีปลดปล่อยฆาตกรเด็ดขาด แต่การช่วยพ.ต.ท.ทักษิณ กลับมาคือการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 309 เพราะหากไม่แก้ไข พ.ต.ท.ทักษิณ จะไม่มีวันได้กลับมาแน่นอน
"ผมไม่มีหน้าที่ตามใจนายประยุทธ์เพราะไม่เคยมาร่วมต่อสู้กับเสื้อแดง ขณะที่นายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ ก็ไม่เคยแสดงความเสียใจที่ทำให้คนเสื้อแดงเสียชีวิต มีแต่ทำท่าโอหัง ผมเชื่อว่าหากขังนายอภิสิทธิ์หรือนายสุเทพได้ พ.ต.ท.ทักษิณสามารถกลับบ้านได้โดยไม่ต้องแก้พ.ร.บ.นิรโทษกรรมอีก" คุณจตุพรกล่าว
ด้านน.พ.เหวง โตจิราการ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทยและแกนนำนปช.ยืนยังว่าจะไม่ลงมติให้กับร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับนี้ที่ผู้สั่งการสังหารประชาชน จะพ้นผิดและได้แจ้งต่อที่ประชุมพรรคเพื่อไทยไปแล้วเพราะไม่ต้องการให้ทหารออกมาฆ่าประชาชน สองมือเปล่าตามท้องถนนอีกแล้ว
ส่วนการที่กรรมาธิการได้อ้างถึงมาตรา 30 ในรัฐธรรมนูญจึงจำเป็นต้องนิรโทษกรรมให้ครอบคลุมทุกคนนั้นไม่เป็นความจริงเพราะหลักการสำคัญในมาตรานี้คือ ทุกคนต้องได้รับความเท่าเทียมกันทางกฎหมายโดยรัฐธรรมนูญไม่ได้กำหนดว่า สภาต้องร่างกฎหมายอย่างไร อีกทั้งสภาต้องออกกฎหมายตามเจตนารมณ์ของประชาชนและขณะนี้ประชาชนต้องการเห็นฆาตกรถูกลงโทษ พร้อมกันนี้ได้เรียกร้องให้ประชาชนจดจำชื่อของส.ส.ที่ลงมติผ่านกฎหมายนิรโทษกรรมไว้และหากมีการใช้อำนาจรัฐเข็นฆ่าประชาชนอีกให้ไปทวงถามความเป็นธรรมบรรดาส.ส.เหล่านั้น
