ทีมข่าวนปช.
21 มิถุนายน 56
องค์กรประชาสังคมเผยแพร่รายงานตรวจสอบองค์กรสิทธิฯ อาเซียน "AICHR"
ระบุมีบทบาทไม่ต่างจาก "ตู้โชว์"
โดยการร่างปฏิญญาสิทธิมนุษยชนอาเซียนก็ขาดการมีส่วนร่วม
เน้นรัฐมากกว่าสิทธิ ด้านผู้วิจัยระบุด้วยว่า AICHR ตั้งมา 3
ปีแล้วแต่กลับเงียบเมื่อเกิดเหตุจับกุม-อุ้มหายนักกิจกรรมและนักสิทธิมนุษย
ชน ทั้งกรณีสมยศ พฤกษาเกษมสุข ถึง สมบัด สมพอน
กรุงเทพมหานคร - วันนี้ (20 มิ.ย.) ฟอรัม เอเชีย
และมูลนิธิศักยภาพชุมชนได้เผยแพร่รายงานตรวจสอบผลการดำเนินงานขององค์กร
สิทธิมนุษยชนอาเซียน หรือ AICHR โดยเป็นรายงานฉบับที่สาม
หลังจากที่ก่อนหน้านี้เคยมีรายงานตรวจสอบประจำปี 2 ฉบับ
นำเสนอโดยองค์กรประชาสังคมอื่น
โดยรายงานฉบับล่าสุดดังกล่าวใช้ชื่อว่า "Still Window-dressing" หรือ
"ยังคงเหมือนตู้โชว์" โดยเป็นการรวบรวมผลการทำงาน
และวิจารณ์ผลการดำเนินงานของ AICHR ระหว่างปี 2554 - 2555 โดย นางแอนิเก
โนวา ซิกิโร (Atnike Nova Sigiro)
ผู้อำนวยการด้านงานรณรงค์ประเด็นอาเซียนของฟอรัม เอเชีย กล่าวว่า
"ภายใต้การประเมินนี้
องค์กรภาคประชาสังคมจะสามารถสร้างความเข้มแข็งให้กับองค์กรสิทธิมนุษยชนอา
เซียนหรือ AICHR และทำให้องค์กรสิทธิมนุษยชนดังกล่าวเป็นองค์กรที่อิสระ
และมีประสิทธิภาพ เพื่อเป็นการปกป้อง
และสร้างหลักประกันด้านสิทธิมนุษยชนในอาเซียน"
อย่างไรก็ตาม นางแอนิเก กล่าวว่างานของ AICHR ยังมีข้อจำกัดอยู่มาก
เพราะฉะนั้นผลกระทบของ AICHR
ที่จะมีต่อชีวิตของประชาชนในอาเซียนก็มีน้อยมาก "นี่จึงเป็นเหตุผลว่า
ทำไมองค์กรประชาสังคมจึงพิจารณาการทำงานของ AICHR
ที่มีภารกิจด้านสิทธิมนุษยชนในอาเซียนว่า "ยังคงเหมือนตู้โชว์""
นางชลิดา ทาเจริญศักดิ์ จากมูลนิธิศักยภาพชุมชน (PEF) กล่าวว่า
องค์กรประชาสังคมในประเทศไทย
และประเทศอื่นในอาเซียนได้มีบทบาทในการผลักดันเพื่อให้เกิดการมีส่วนร่วม
ขนานใหญ่ โดยการประเมินอย่างวิพากวิจารณ์ AICHR
ก็เป็นสิ่งหนึ่งที่องค์กรประชาสังคมในอาเซียนปฏิบัติ
นอกจากนี้ยังรวมถึงการให้ข้อมูลในหลากหลายด้านให้กับ AICHR ด้วย
ด้านชิเวย เย นักวิจัยของรายงานตรวจสอบผลการดำเนินงานของ AICHR กล่าวว่า
รายงานฉบับดังกล่าวอยู่บนพื้นฐานของข้อมูลจากแหล่งข้อมูลที่หลากหลายทั้งที่
เป็นทางการและไม่เป็นทางการทั้งจากสมาคมอาเซียน จาก AICHR
และองค์กรประชาสังคม
โดยข้อเสนอของรายงานได้เรียกร้องอย่างหนักแน่นให้องค์กรสิทธิมนุษยชนอาเซียน
หรือ AICHR มีความโปร่งใสมากขึ้น ทำงานอย่างครอบคลุม
รวมถึงการเผยแพร่ข้อมูลทุกอย่างที่มีความเกี่ยวข้องอย่างเรื่องเอกสาร
และวาระของกิจกรรม ให้อยู่ในเว็บไซต์ทางการของ AICHR ด้วย
โดยชิเวย เย ยังกล่าวถึงกรณีนักกิจกรรมที่ถูกดำเนินคดีและถูกคุกคามในรอบปีที่ผ่านมา เช่น ยอมโบปผา ซึ่งรณรงค์ต่อต้านการไล่รื้อที่ดินในกัมพูชา ซึ่งเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมาถูกรัฐบาลกัมพูชาจำคุก 3 ปี ทา ฝอง ตัน บล็อกเกอร์ชาวเวียดนามที่ถูกจำคุก 10 ปี จากการเขียนบล็อกวิจารณ์รัฐบาล
โดยแม่ของเธอยังจุดไฟเผาตัวตายประท้วงคำตัดสินด้วย ทั้งนี้ทา ฟอง ตัน
เป็นหนึ่งในบล็อกเกอร์ 32 รายที่ถูกรัฐบาลเวียดนามดำเนินคดี
ชิเวย เย ยังกล่าวถึงกรณีที่ สมยศ พฤกษาเกษมสุข นักกิจกรรมแรงงาน
และบรรณาธิการนิตยสารที่ถูกควบคุมตัวในเรือนจำและถูกตัดสินจำคุก 10 ปี
ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 จากบทความที่ตีพิมพ์ในนิตยสาร
โดยที่เขาไม่ได้เป็นผู้เขียน และล่าสุดคือกรณีของนายสมบัด สมพอน
นักพัฒนาอาวุโสของ สปป.ลาว ที่หายตัวไปในเดือนธันวาคมปี 2555
หลังถูกตำรวจควบคุมตัว และขณะนี้ยังไม่พบตัว
ชิเวย เย
กล่าวด้วยว่านี่เป็นหนึ่งในหลายตัวอย่างของบุคคลที่ต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชน
ในอาเซียน และ AICHR ได้ก่อตั้งมาแล้ว 3 ปี แต่กลับเงียบงันต่อเรื่องนี้
และไม่มีการเคลื่อนไหวรูปธรรมอะไรเวลาที่เกิดกรณีละเมิดสิทธิเช่นนี้
ด้านยุวาล กินบา ที่ปรึกษาทางกฎหมายของแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล
แสดงความเห็นต่อบทบาทของ AICHR
ในช่วงที่มีการร่างคำประกาศสิทธิมนุษยชนอาเซียนว่า
"จากรายงานตรวจสอบผลการดำเนินงาน AICHR
ฉบับนี้ได้แสดงให้เห็นว่ากระบวนการร่างคำประกาศสิทธิมนุษยชนอาเซียนดังกล่าว
เป็นไปอย่างลึกลับ
โดยที่องค์กรประชาสังคมจะเข้าไปมีส่วนร่วมเพื่อให้เกิดผลอย่างสำคัญ
ก็ได้เข้าร่วมในช่วงที่ผ่านการร่างไปหลายขั้นตอนแล้ว
นอกจากนี้การตัดสินใจของ AICHR ก็อยู่บนพื้นฐานของหลักการลงฉันทะมติ
ที่ให้สิทธิผู้แทน AICHR สามารถวีโต้ได้
ผลก็คือได้คำประกาศสิทธิมนุษยชนอาเซียนที่ล้มเหลวอย่างมาก
โดยเป็นคำประกาศที่เน้นให้ความสำคัญกับอำนาจของรัฐบาลมากกว่าหลักการสิทธิ
มนุษยชน
ที่มา ประชาไท วันที่ 20 มิถุนายน 56