ไต่สวนการตาย 2 ศพ พ.ค.53 นายทหารระบุไม่พบชายชุดดำ แต่หน่วยโดน M79 เจ็บ

ทีมข่าว นปช.
21 มิถุนายน 56
ไต่สวนการตาย 2 ศพ พ.ค.53 นายทหารระบุไม่พบชายชุดดำ แต่หน่วยโดน M79 เจ็บ
ที่มา (ประชาไท 20 มิถุนายน 56) 

เบิกนายทหารชุดปฏิบัติการขณะเกิดเหตุ คดี 2 ศพ 16 พ.ค.56 ใต้ทางด่วนพระราม 4 ระบุหน่วยโดนระเบิด M79 เจ็บ ไม่เห็นชายชุดดำหรือผู้อื่นที่มีอาวุธปืนในที่เกิดเหตุ แต่เห็นชุดดำในคลิปทางอินเตอร์เน็ต ไต่สวนนัดต่อไป 8 ต.ค.นี้
17 มิ.ย.56 ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ฯ ศาลนัดไต่สวนคำร้องชันสูตรศพ คดีที่พนักงานอัยการ สำนักอัยการพิเศษ ฝ่ายคดีอาญาใต้ ยื่นคำร้องขอให้ศาลไต่สวนชันสูตรสาเหตุการเสียชีวิตของนายเกียรติคุณ ฉัตร์วีระสกุล อายุ 25 ปี อาชีพขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้าง ผู้ตายที่ 1  และนายประจวบ ประจวบสุข ผู้ชุมนุมกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จ การแห่งชาติ (นปช.) ผู้ตายที่ 2 ถูกยิงเสียชีวิตบริเวณใต้ทางด่วน  ถ.พระราม 4 เมื่อวันที่ 16 พ.ค.53 ช่วงกระชับพื้นที่การชุมนุมของ นปช. โดย ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน(ศอฉ.) ในรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
โดยพนักงานอัยการนำพยานเข้าเบิกความ 1 ปาก เป็นนายทหารผู้ปฏิบัติหน้าที่ที่รักษาความสงบเรียบร้อยเหตุการณ์ชุมนุมของ กลุ่ม นปช. ช่วงเกิดเหตุ บริเวณสวนลุมพินี
ทั้งนี้ก่อนศาลเริ่มทำการสืบพยานศาลได้มีการขอความร่วมมือผู้สื่อข่าวให้ นำเสนอเพียงสรุปข้อเท็จจริงและขอให้มีการปกปิดชื่อของพยาน โดยให้เหตุผลว่าในการสืบพยานครั้งก่อนๆ สื่อมวลชนได้มีการบันทึกปากคำพยานไปลงข่าวอย่างละเอียดเกินไปและยังมีการลง ชื่อ-นามสกุลของพยานในข่าว อาจจะทำให้พยานได้รับความเดือดร้อนหรือถูกคุกคาม จนไม่ยินดีให้ความร่วมมือในการเป็นพยาน จึงได้ขอความร่วมมือกับผู้สื่อข่าวเพื่อไม่ให้พยานได้รับความเดือดร้อนจาก การเปิดเผยชื่อ-นามสกุลของพยาน
พยาน ในฐานผู้บังคับกองร้อย วันที่ 14 พ.ค.53 มาประจำอยู่ที่บริเวณสวนลุมพินีจนถึงวันที่ 22 พ.ค.53  โดยในวันที่ 14 นั้น ช่วงที่อยู่ที่ศาลาแดงได้รับคำสั่งจากผู้บังคับกองพันให้ทำการกระชับพื้นที่ คืน เนื่องจากมีผู้ชุมนุมอยู่ที่บริเวณสะพานไทย-เบลเยี่ยม โดยนอกจากหน่วยพยานแล้วยังมีอีกหลายหน่วยที่เข้าร่วมปฏิบัติการ  ในหน่วยมี โล่ กระบอง ปืนลูกซองยาว และปืนเล็กสั้น M653 โดยทหารชั้นประทวนส่วนหนึ่งจะมีโล่พลาสติก กระบองไม้หวาย อีกส่วนหนึ่งเป็น ปืนลูกซองแต่ไม่ทราบขนาดกระสุน ซึ่งจะบรรจุกระสุนยางเอาไว้เนื่องจากไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้กระสุนจริงและจะ ใช้เพื่อป้องกันตนเองและผู้อื่นเท่านั้น  ส่วนทหารระดับร้อยตรีถึงร้อยเอกจะ เป็นปืน M653 ขนาดกระสุน 5.56 มม. ไม่มีการบรรจุกระสุนจริงเอาไว้  เพียงแต่ ให้กำลังพลสะพายเอาไว้เท่านั้น ในส่วนของจำนวนอาวุธปืนที่เบิกมาใช้จะเป็นปืนเล็กสั้นประมาณ 40 กระบอก ปืนลูกซองประมาณ 20-30 กระบอก โดยอาวุธปืนส่วนหนึ่งจะเก็บเอาไว้ในตู้ที่กองบังคับการที่อยู่ใกล้กับกอง กำลังโดยจะมีเจ้าหน้าที่ควบคุมการเบิกจ่ายด้วย
พยานเบิกความต่อว่าทุกหน่วยที่เข้าปฏิบัติการจะได้รับการฝึกปฏิบัติการ รักษาความสงบทั้งหมด  โดยจะมีการฝึกใช้โล่ กระบอง การตั้งแนวผลักดัน จเรจาต่อรอง จะมีการฝึกมาตรการจากเบาไปหนัก คือ เจรจา แจ้งเตือน  ตั้งแถวแสดงกำลังที่จะผลักดันผู้ชุมนุมออกจากพื้นที่ มีการใช้รถดับเพลิงฉีดน้ำ ใช้แก๊สน้ำตา
ช่วงเหตุการณ์วันที่ 14 ต่อว่าหน่วยของเขาเริ่มเคลื่อนจากซอยคอนแวนต์ เข้าถนนสีลมใต้รถไฟฟ้าศาลาแดง เข้าถนนพระราม 4 ออกทางด้านข้างอาคารอื้อจื่อเหลียงในเวลาประมาณเที่ยง โดยหน่วยที่เข้าปฏิบัติการมีหลายหน่วยเนื่องจากมีผู้ชุมนุมราว 1000 คน อยู่บริเวณสี่แยกวิทยุ ตั้งเครื่องกีดขวางสูงประมาณเอวซึ่งมีทั้งกองยางและแท่นปูน ปิดถนนใต้สะพานเอาไว้ทั้งสองเลน ส่วนผู้ชุมนุมจะอยู่ทั้งบนถนนและบาทวิถี ส่วนหน่วยของพยานจะอยู่ข้างหลังหน่วยอื่นที่อยู่ใกล้ผู้ชุมนุมมากกว่า โดยหน่วยของเขานั้นจะอยู่จากผู้ชุมนุมราว 300 ม. ซึ่งตัวเขาเองนั้นเห็นว่ามีผู้ชุมนุมอยู่จุดใดแต่ไม่เห็นว่าผู้ชุมนุมทำอะไร อยู่ในขณะนั้นบ้าง
ราวบ่ายโมงมีหน่วยประชาสัมพันธ์ใช้รถติดเครื่องกระจายเสียงประกาศให้ผู้ ชุมนุมคืนพื้นที่จราจรแต่ผู้ชุมนุมก็ไม่ยอมถอย ทางเจ้าหน้าที่ทหารจึงเพิ่มมาตรการโดยเดินแสดงกำลังโล่ กระบอง เป็นแถวหน้ากระดานจำนวน 20 แถว โดยหน่วยของเขาอยู่ประมาณแถวที่ 10   เดินเข้าหาผู้ชุมนุม  โดยเดิน จากบริเวณหน้าอาคารอื้อจื่อเหลียงมุ่งหน้าไปทางคลองเตยเพื่อผลักดันผู้ ชุมนุมที่อยู่ตรงบริเวณแยกวิทยุจนผู้ชุมนุมถอยไปถึงใต้ทางด่วนพระราม 4  ซึ่งหน่วยข้างหน้าจะเดินไปถึงหน้าสนามมวยลุมพินี ส่วนหน่วยของพยานจะอยู่ที่หน้าโรงเรียนเตรียมทหารเก่า
พยานเบิกความต่อว่าช่วงก่อนมืดราว 18.30 น. เมื่อทหารทำเครื่องกีดขวางเสร็จก็ได้นั่งพักอยู่แถวริมบาทวิถีโดยตัวพยานเอง นั่งพักอยู่บริเวณหน้าโชว์รูมรถวอลโว ระหว่างที่กำลังนั่งพักอยู่นั้นมีเลเซอร์ส่องมาที่บริเวณที่นั่งอยู่จากนั้น ก็มีระเบิด M79 มาตกลงที่ใกล้กับที่เขานั่งอยู่ห่างออกไปราว 3-4 ม. มีทิศทางมาจากด้านทางด่วนพระราม 4 ทราบเนื่องจากขณะนั้นนั่งหันหน้าไปทางด้านนั้นพอดี ทำให้มีทหารในหน่วยได้รับบาดเจ็บจากสะเก็ดระเบิดชื่อ จ.ส.อ.ทองเลื่อน ลิตา สะเก็ดโดนที่ข้อมือขวาทำให้เอ็นข้อมือเกือบขาด เมื่อเกิดเหตุดังกล่าวขึ้น จึงหลบเข้าไปในซอยบริเวณข้างโชว์รูมส่วนที่อยู่ฝั่งสนามมวยลุมพินีก็หลบเข้า ไปในซอยฝั่งสนามมวย   จากนั้นก็มีเสียงระเบิดมาอีกเป็นระยะตลอดจนสว่าง หน่วยไม่มีการยิงตอบโต้กลับเพราะเมื่อมีระเบิดลงลูกแรกเจ้าหน้าที่ก็เสีย ขวัญและเหนื่อยล้าจากการปฏิบัติหน้าที่มาตลอดทั้งวัน และยังไม่ได้ให้ขึ้นไปบนอาคารสูงเรื่องตอนนั้นยังไม่ได้คิดที่ให้ขึ้นไป เพราะขณะนั้นฟ้ามืดแล้วและคิดว่าอยู่ในซอยดีที่สุด  ในวันนี้มีเพียง จ.ส.อ.ทองเลื่อน เท่านั้นที่ได้รับบาดเจ็บ
พยานเบิกความถึงเหตุการณ์เช้าวันที่ 15 พ.ค.ว่า เมื่อตรวจการณ์พบว่ามีแนวยางห่างจากแนวลวดหนามไปราว 90 ม. ตั้ง 3-4 แนว โดยแต่ละแนวห่างกัน 100 ม. แนวยางสุดท้ายอยู่ใต้ทางด่วนพระราม 4 ส่วนความสูงสูงท่วมหัว ไม่เห็นตอนวางเพราะถูกนำมาวางตอนกลางคืนจึงไม่ทราบว่าใคร เห็นแนวยางก็เป็นตอนเช้าแล้ว และยังมีระเบิดลงบนถนนอยู่อีกแต่ก็เบาบางลงแล้ว  ส่วนหลังแนวยางเหมือนมีการ จุดระเบิดเล่นกันแต่ไม่รู้ว่าเป็นอะไรเสียงคล้ายประทัด รวมทั้งมีการจุดไฟเผายางด้วย
โดย 15 พ.ค.หน่วยเริ่มเสียขวัญแล้ว จึงอนุญาตให้ใช้กระสุนซ้อมรบได้เพื่อป้องปราม เนื่องจากกระสุนซ้อมรบมีเสียงดังคล้ายกระสุนจริงแต่ไม่มีหัวกระสุน ไม่สามารถทำอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สินได้ และยิงขึ้นฟ้าเพื่อทำการข่มขู่  และแจกเฉพาะกำลังพลที่ได้รับปืน M653 เป็น อาวุธประจำกายเท่านั้น  แม้ว่าจะมีระเบิด M79 แต่ก็ไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้กระสุนจริง เป็นไปตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา
จากนั้นก็มีเสียงระเบิดของประทัดยักษ์ที่หลังแนวยาง พอเริ่มค่ำก็มีเสียงระเบิด M79 มาลงตรงถนนบริเวณแนวทหาร แต่เนื่องจากมีเสียงระเบิดรอบทิศทางทำให้แยกไม่ได้ว่ายิงมาจากทางใด แต่ถ้าหากไม่มีเสียงมาจากทิศอื่นก็สามารถบอกได้ว่ายิงมาจากทางใดเพราะเมื่อ มีการยิงจะมีเสียงระเบิดแตกกระจายจะทำให้ทราบทิศทางได้
สำหรับผู้ชุมนุมในวันที่ 15 พ.ค. นั้น พยานเบิกความว่าอยู่ตามแนวยางและจุดประทัดอยู่หลังแนวยางแต่ไม่มีการขว้าง ใส่ เพราะว่าแนวอย่างอยู่ห่างออกไปราว 100 ม. จึงไม่สามารถขว้างถึง เห็นผู้ชุมนุมอยู่หลังแนวยางแต่ไม่เห็นว่าผู้ชุมนุมทำอะไรบ้าง แต่ถ้าหากดูคลิปที่มีเผยแพร่อยู่ในอินเตอร์เน็ทจะเห็นมีการใช้ระเบิด มีคนแต่งชุดคล้ายทหารหรือชุดดำ ซึ่งจะแตกต่างจากผู้ชุมนุม ซึ่งคลิปดังกล่าวเป็นคลิปที่ถ่ายในบริเวณที่หน่วยพยานปฏิบัติหน้าที่อยู่ แต่ไม่ทราบว่าถ่ายวันไหน
พยานเบิกความถึงวันที่วันที่ 16 พ.ค.53 ว่า ตอนเช้าเห็นผู้ชุมนุมเผายางรถที่ข้างแนวกองยางทำให้มองไม่เห็น และไฟเริ่มลุกลามอาคารทั้งสองฝั่งถนน  มีการเผายางทั้งวันมากกว่าในสองวัน ที่ผ่านมาทำให้มีควันพวยพุ่งจนทำให้ไม่สามารถตรวจการณ์ได้  ส่วนทางพยานยัง คงอยู่ในที่กำบังเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ชุมนุมเข้ามาได้ ในวันนี้ไม่มีทหารได้รับบาดเจ็บส่วนจะมีผู้ชุมนุมได้รับบาดเจ็บหรือไม่เขา ไม่ทราบ  ยังคงมีเสียงดังเหมือนวันที่ 14 และ 15 ซึ่งแยกไม่ออกว่าเป็นเสียงของอะไรและมาจากทางใดมีเสียงดังอยู่จนถึง 4-5 โมงเย็น
ในช่วงบ่ายของวันเห็นแนวยางที่อยู่ด้านหน้าพอจะเห็นไปไกลซักแนวยางชั้น ที่ 2 แต่ไม่สามารถมองเห็นไปไกลถึงใต้ทางด่วนพระราม 4 ได้ เพราะความสูงของแนวยางที่สูง 2 ม. แต่เห็นว่าผู้ชุมนุมอยู่ใต้ทางด่วนแต่ไม่ทราบว่ามีจำนวนเท่าไหร่   ไม่มีการ ปะทะกันระหว่างผู้ชุมนุมกับทหาร จากที่ได้รับคำสั่งและการฝึกมาหากมีการคุกคามจะไม่ทำการปะทะแต่จะหลีกเลี่ยง การปะทะเท่านั้น  และก็ไม่เห็นด้วยว่าผู้ชุมนุมทำอะไรเพราะมีแนวยางและควัน ไฟอยู่
พยานเบิกความว่าในวันที่ 16 พ.ค.53 ยังไม่ทราบว่ามีคนถูกยิง แต่ทราบในภายหลังจากคลิปที่ได้ดูตอนที่ถูก คอป. เรียกไปให้การ ซึ่งในคลิปมีผู้ชุมนุมถูกยิงใต้ทางด่วนพระราม 4  และได้ยินเสียงปืนอยู่ใกล้กับใต้ทางด่วนพระราม 4 พยานเบิกความต่อศาลโดยอาศัยจากประสบการณ์ว่า เสียงดังในคลิป(ซึ่งเป็นคลิปข่าวจาก AP(คลิกดู) ที่อัยการเปิดให้พยานดูในศาล)นั้นเป็นเสียงปืนแต่ไม่ทราบว่าเป็นเสียงของปืน ชนิดใด เสียงปืนดังจากระยะใกล้จากทางซ้ายหรือขวาของผู้ชุมนุม ไม่ได้มาจากทางด้านหน้า(โดยในคลิปผู้ชุมนุมหันหน้าไปทางสะพานไทย-เบล เยี่ยม)  หากเป็นการยิงมาจากที่พยานอยู่เสียงปืนที่ดังจะต้องดังในจุดที่ อยู่ ซึ่งอยู่ไกลจะไม่ดังใกล้ ซึ่งในวันนั้นพยานได้ยินเสียงแบบเดียวกันนี้กับ เสียงระเบิดสลับกันไป
โดยปกติหากใช้อาวุธปืน M16 จะสามารถยิงไปถึงทางด่วนพระราม 4 ได้ แต่เนื่องจากว่าในตอนนั้นมีแนวยางขวางอยู่จึงไม่สามารถยิงไปถึงได้ ในวันที่ 16 พ.ค.ในจุดที่พยานอยู่นั้นนอกจากทหารและนักข่าวแล้วไม่มีใครกล้าเข้าไปอีก ส่วนที่นักข่าวเข้าไปได้นั้น พยานกล่าวว่ามาจากหลังแนวแต่ไม่ทราบว่านักข่าวเหล่านั้นได้รับอนุญาตให้เข้า มาหรือไม่ ส่วนชายชุดดำหรือผู้อื่นที่มีอาวุธปืนพยานไม่พบเห็น แต่ทราบจากการรายงานและคลิป  ในวันนี้ไม่มีคนในหน่วยได้รับบาดเจ็บ
ทนายญาติผู้ตายถามพยานถึงกำลังพลที่ได้รับปืน M653 เป็นอาวุธประจำกายได้กระสุนจำนวนนายละกี่นัด พยานตอบว่าไม่ทราบ พยานเบิกความด้วยว่า ปืน M653 เป็นปืน M16 ชนิดหนึ่ง แต่จะสั้นกว่าและพานท้ายยืดหดได้ ใช้กระสุนขนาดเดียวกับปืน M16  ซึ่งปืน M653 โดยใช้ในหน่วยทหารม้า เป็นอาวุธประจำกายของพลประจำรถถัง  และเบิกมาจาก พล.ม.5 รอ. จำนวน 40 กระบอก
จากนั้นทนายได้นำเอกสารซึ่งลงวันที่ 17 เม.ย. 53 ให้พยานดูพร้อมถามว่าทราบเรื่องการอนุญาตให้ใช้กระสุนจริงหรือไม่ พยานตอบว่าไม่เคยเห็นเอกสารฉบับนี้ แต่เคยได้รับคำสั่งว่าไม่ใช้กระสุนจริง และไม่ทราบเรื่องที่มีการอนุญาตให้เจ้าหน้าที่สามารถใช้อาวุธปืนยิงกับผู้ ที่ใช้อาวุธปืนยิงเจ้าหน้าที่  ทนายถามเพิ่มเกี่ยวกับเอกสารดังกล่าวอีกใน เรื่องการให้มีหน่วยคุ้มกันหน่วยทหารราบอีกที และการให้พลซุ่มยิงขึ้นไปอยู่บนพื้นที่สูงข่มเพื่อคุ้มกันหน่วยของเขาซึ่ง อยู่บนถนนด้วยหรือไม่ พยานตอบกลับว่าไม่ทราบทั้งสองคำถาม
ทนายได้นำภาพป้ายประกาศเขตพื้นที่ใช้กระสุนจริงให้พยานดู ซึ่งพยานตอบกลับว่าไม่เคยเห็นป้ายดังกล่าว
เนื่องจากช่วงปฏิบัติหน้าทีพยานระบุว่ามีหน่วยที่อยู่หน้าหน่วยของพยาน ทนายจึงถามถึงการปฏิบัติหน้าที่ของหน่วยที่อยู่ด้านหน้าว่าไปถึงไหนและทำ อะไรบ้าง พยานตอบว่าทราบว่าหน่วยข้างหน้าไปถึงสนามมวยลุมพินี แต่ไม่ทราบว่าทำอะไรบ้างเนื่องจากเหตุการณ์ชุลมุน หน่วยของพยานก็เข้าไปในโรงเรียนเตรียมทหารเก่า
เมื่อจบการสืบพยานศาล อัยการ ทนายญาติผู้ตายได้หารือกันเพื่อนัดวันสืบพยานเพิ่มเนื่องจากยังเหลือพยานอีก ราว 20 ปาก และได้ข้อสรุปว่าจะมีการสืบครั้งต่อไปในวันที่ 8-10, 15-16, 24, 29-31 ต.ค. นี้

แผนที่จุดเกิดเหตุใต้ทางด่วนพระราม 4 :


View Larger Map