อัยการยื่นอุทธรณ์ คดีเผาห้างเซ็นทรัลเวิลด์


21 มิถุนายน 2556

 เวลา 11.00 น. วันที่ 21 มิ.ย. ผู้สื่อข่าว "ข่าวสด" รายงานว่า เมื่อวันที่ 12 มิ.ย.ที่ผ่านมา อัยการศาลอาญากรุงเทพใต้ ยื่นอุทธรณ์ คดีแดง อ.1424/56 ที่มีนายสายชล แพบัว และนายพินิจ จันทร์ณรงค์ เป็นจําเลยในคดีวางเพลิงเผาห้างเซ็นทรัลเวิลด์ เมื่อวันที่ 19 พ.ค. 2553 โดยหลังจากนี้ อัยการจะส่งสําเนาอุทธรณ์ไปให้จําเลยยื่นแก้คําอุทธรณ์ ภายใน 15 วัน ก่อนจะส่งสําเนาขึ้นศาลอุทธรณ์ต่อไป

 ก่อนหน้านี้ เมื่อเดือนมี.ค. 2556 ศาลอาญากรุงเทพใต้พิพากษายกฟ้องนายสายชล แพบัว อายุ 31 ปี และนายพินิจ จันทร์ณรงค์ อายุ 29 ปี จำเลยคดีวางเพลิงศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ในเหตุการณ์สลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 19 พ.ค.2553 โดยศาลชี้ว่าแม้พยานโจทก์เบิกความเห็นจำเลยถือถังดับเพลิง แต่ก็ไม่ใช่อุปกรณ์ที่จะนำไปวางเพลิงได้ และหลังมีคำพิพากษาแล้วศาลออกหมายปล่อยตัวจำเลยออกจากเรือนจำชั่วคราวหลักสี่ ทันทีเมื่อวันที่ 25 มี.ค.ที่ผ่านมา ขณะเดียวกัน แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เรียกร้องให้รัฐบาลเยียวยานายสายชลและนายพินิจด้วย เพราะต้องติดคุกนานเกือบ 3 ปี อีกทั้งประกาศว่าต่อไปนี้ถ้าใครพูดว่าเสื้อแดงเผาบ้านเผาเมืองอีกให้แจ้งความดำเนินคดีได้เลย ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

 ด้านนายพินิจ จันทร์ณรงค์ อดีตจำเลยคดีเผาเซ็นทรัลเวิลด์ กล่าวระหว่างเดินทางกลับบ้านที่ อ.หนองบัว แดง จ.ชัยภูมิ ว่าโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก แต่อีกใจหนึ่งก็ยังโกรธพวกที่ใส่ร้ายว่าเป็นคนเผาบ้านเผาเมือง ทำให้ต้องติดคุกฟรีนานเกือบ 3 ปี ทั้งที่ได้พิสูจน์แล้วว่าบริสุทธิ์ อยากให้พวกเขารู้สำนึกว่าการใส่ร้ายคนอื่นไม่ใช่แค่คนที่ถูกใส่ร้ายจะเดือดร้อนเท่านั้น แต่ยังทำให้สังคมวุ่นวายด้วย

 นายพินิจกล่าวต่อว่า หลังจากนี้ต้องรอดูว่าอีก 30 วันอัยการจะอุทธรณ์คดีหรือไม่ แต่เชื่อว่าอัยการจะให้ความเป็นธรรม ส่วนการฟ้องกลับกลุ่มที่กล่าวหานั้นยังไม่ได้คิด ต้องคุยกับทนายก่อน และหลังจากนั้นจะบวชพระทดแทนคุณพ่อแม่เป็นเวลา 29 วัน เท่ากับอายุตนเอง เมื่อสึกออกมาจะช่วยพ่อแม่ทำสวนอ้อยที่บ้าน เพราะระหว่างที่ติดคุกพ่อกับแม่ต้องทำสวนเพียงลำพัง และหวังว่านักโทษการเมืองที่ยังเหลืออยู่ในเรือนจำชั่วคราวหลักสี่อีก 20 คนจะได้รับความเป็นธรรมโดยเร็วที่สุด

 ส่วนนายสกุล จันทร์ณรงค์ อายุ 63 ปี พ่อนายพินิจร่วมกล่าวว่า ดีใจที่ลูกชายได้รับอิสรภาพ เหมือนยกภูเขาออกจากอก ที่ผ่านมาเกือบ 3 ปีนอนไม่เคยหลับสนิทเลย เวลามาเยี่ยมที่เรือนจำต้องใช้เวลากว่าครึ่งวัน รายได้จากการทำสวนก็หมดไปกับค่าใช้จ่ายเดินทางมาเยี่ยมลูก ขณะที่ภรรยาเวลาคิดถึงลูกจะร้องไห้ทุกครั้ง บางครั้งถึงกับเป็นลม และบรรดาญาติพี่น้องที่บ้านเตรียมรับขวัญผูกข้อมือ เพราะเชื่อว่าคนที่เคยติดคุกมาก่อนชีวิตไม่เป็นสิริมงคล ทำมาหากินลำบาก

 ด้านนายสายชล แพบัว อดีตจำเลยในคดีเดียวกันกล่าวว่า ดีใจและขอบคุณทีมทนายของนายอาคม รัตนพจนารถ ที่ช่วยว่าความจนได้รับการพิสูจน์ว่าบริสุทธิ์ ที่ผ่านมาต้องเก็บความคับแค้นไว้ในใจตลอดเกือบ 3 ปี ที่ไร้อิสรภาพ จากการถูกกล่าวหาอย่างไม่เป็นธรรม และหลังจากนั้นจะนำเงินช่วยเหลือที่ได้รับจากกลุ่มคนเสื้อแดงไปลงทุนค้าขาย โดยวางแผนกับแฟนไว้ว่าอาจจะขายเสื้อผ้า เช่าแผงที่ตลาดนัดย่านพระประแดง จ.สมุทร ปราการ เป็นการเริ่มต้นชีวิตใหม่

 ขณะที่นายอาคม รัตนพจนารถ ทนายความ กล่าวว่า ก่อนที่นายสายชลและนายพินิจจะตกเป็นจำเลยนั้น เมื่อวันที่ 19 พ.ค.2553 เจ้าหน้าที่จับกุมผู้ต้องหาทั้งหมด 9 คน โดยมีนายพินิจและเยาวชน 2 คนรวมอยู่ด้วย ทั้งหมดถูกฟ้องในคดีร่วมกันปล้นห้างเซ็นทรัลเวิลด์ โดยเยาวชน 2 คนถูกแยกไปฟ้องที่ศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง ต่อมาอีก 1 เดือนนายสายชลซึ่งเป็นคนเร่ร่อนอยู่ที่สนามหลวงก็ถูกจับกุม โดยอ้างภาพถ่ายที่ไม่มีความชัดเจน เป็นชายคนหนึ่งถือถังดับเพลิงอยู่ในห้างเซ็นทรัลเวิลด์ จากนั้นก็นำนายสายชลมาซ้อมให้รับสารภาพ ก่อนตั้งข้อหาเผาห้างเซ็นทรัลเวิลด์

ทนายความคดีเผาเซ็นทรัลเวิลด์กล่าวต่อว่า ภายหลังเจ้าหน้าที่นำนายพินิจที่ถูกฟ้องในคดีร่วมกันปล้นห้างเซ็นทรัลเวิลด์มาเป็นจำเลยในคดีเผาห้างเซ็นทรัลเวิลด์ร่วมกับนายสายชล ส่วนเยาวชน 2 คนที่ถูกฟ้องข้อหาร่วมกันปล้นห้างเซ็นทรัลเวิลด์ก็ถูกฟ้องเพิ่มเติมในคดีเผาห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์เช่นกัน แต่ต่อมาศาลพิพากษายกฟ้องเยาวชนทั้ง 2 คน โดยในชั้นไต่สวนคดีเผาห้างเซ็นทรัลเวิลด์ที่นายสายชลและนายพินิจตกเป็นจำเลยนั้น ทนายซักพยานซึ่งเป็นพนักงานสอบสวนในคดีว่า มีหลักฐานอื่นเพิ่มเติมที่ยืนยันว่านายพินิจมีสิ่งใดที่ชี้ชัดว่าจะเป็นผู้เผาห้างหรือไม่ พยานเบิกความว่าไม่มี จึงเป็นที่น่าสังเกตว่านายพินิจถูกฟ้องในข้อหานี้ได้อย่างไร อีกทั้งนายพินิจและนายสายชลก็ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน

 "คดีเผาห้างเซ็นทรัลเวิลด์คงสิ้นสุดแล้ว แต่ตามกฎหมายอัยการสามารถยื่นอุทธรณ์ได้ภายใน 30 วัน ส่วนตัวมั่นใจว่าหลักฐานชั้นต้นแน่นมากพอจึงยังไม่เห็นช่องที่อัยการจะยื่นอุทธรณ์ได้ ส่วนเรื่องฟ้องกลับนั้นยังไม่ได้คิด เพราะไม่อยากให้เป็นการแก้แค้นกัน แต่ทั้งนี้ก็ต้องคุยกับนายสายชลและนายพินิจก่อนว่าจะฟ้องกลับหรือไม่" นายอาคมกล่าว