"ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ" ส่งสัญญาณต้านนายกฯ ม.7

สัมภาษณ์พิเศษ โดย ปิยะ สารสุวรรณ, ศุภกาญจน์ เรืองเดช




หมายเหตุ - นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ให้สัมภาษณ์พิเศษ "มติชน" ถึงเหตุผลการเปิดรายชื่อนายกรัฐมนตรีคนกลางหากเกิดสุญญากาศทางการเมืองและแนวทางการต่อสู้ของ นปช.นับจากนี้

@เหตุผลที่ออกมาเปิดรายชื่อนายกรัฐมนตรีคนกลางช่วงนี้

จากการติดตามข้อมูลและความเคลื่อนไหวของบุคคลต่างๆ ทั้งที่อยู่เบื้องหน้า ทั้งออกมาชุมนุม ออกมาขึ้นเวที ออกมารณรงค์กับ กปปส. และเครือข่ายที่อยู่เบื้องหลัง เช่น นายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี การไปพบกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ก่อนการชุมนุม เราทราบข้อมูลพวกนี้และเราก็ได้ติดตามสถานการณ์แวดล้อมอื่นมาโดยตลอด

กรณีของบุคคลอื่นๆ ก็เช่นเดียวกัน ในโผว่าที่นายกฯคนกลาง มีบางคนไปพูดกับคนใกล้ชิดว่ามีการไปทาบทามให้ตัวเองเป็นนายกรัฐมนตรี มีบางคนที่พยายามเคลื่อนไหวแสดงบทบาทเพื่อจะให้มีโอกาสมากขึ้น บางคนมีการคุยกับข้าราชการบ้างแล้ว ข้าราชการระดับ 10 บางกระทรวง ได้มีการพูดคุยและเห็นท่าทีของว่าที่นายกฯคนกลาง พูดถึงอนาคตประเทศ พูดถึงแนวทางนโยบายแล้วด้วยซ้ำไป สิ่งเหล่านี้เราได้เก็บข้อมูลตามมาเรื่อยๆ

ทำไมถึงเลือกช่วงเวลานี้ก็เพราะว่า อีกฝ่ายหนึ่งเขาคิด เขาเข้าใจกันเอาเองว่าเดือนเมษายนนี้ อย่างน้อยที่สุดรัฐบาลคงถูกจัดการ ไม่มีนายกรัฐมนตรี ไม่มีคณะรัฐมนตรี แล้วก็จะนำไปสู่การตั้งนายกฯ อย่างที่พูดมา ผมก็เห็นว่ากำลังเข้าช่วงเมษาฯ ซึ่งเป็นสัปดาห์สุดท้ายของเดือนมีนาคม ก็ถึงเวลาที่จะต้องสื่อสารเรื่องนี้กับประชาชน

@รายชื่อที่เปิดออกมาน่าเชื่อถือมากน้อยแค่ไหน

จะแยกให้เห็นว่า กรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ในกรณีที่เกิดการรัฐประหาร มีคนกลุ่มหนึ่งที่คาดคั้นจะให้เขาทำ แล้วคิดต่อแล้วว่าถ้าเขาทำก็ให้เขาเป็นเลย ส่วนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ใช่ตัวเต็งนายกฯ แต่เป็นตัวกระเสือกกระสน ที่อยากเป็นให้ได้ ดังนั้น จึงมีเพียงแค่ 8 คนเท่านั้น ที่เป็นตัวเต็ง 3 คน สอดแทรก 2 คน ม้ามืด 3 คน ซึ่งน้ำหนักความเป็นไปได้ไม่มาก แต่ผมจำเป็นต้องหยิบชื่อท่านเหล่านี้ขึ้นมาด้วยก็เพราะต้องการส่งสัญญาณไปถึงขบวนการเบื้องหลังที่ไปเดินเจรจา ที่ไปเดินจัดการกันอยู่ว่า เห็นนะ ได้ยินนะ ว่าทำอะไรกัน

@ทำไมถึงเลือก 3 คนแรกเป็นตัวเต็ง

เพราะน้ำหนักของบุคคล อย่างนายพลากร ที่มีการไปพบกับนายสุเทพ ซึ่งท่านก็ยอมรับว่าไปพบกันจริงๆ ที่แปซิฟิคคลับ แต่ว่าท่านก็อธิบายว่าท่านไม่ต้องการรับตำแหน่ง เราก็รับฟังซึ่งทุกฝ่ายต้องให้ความเป็นธรรม แต่เมื่อก่อน พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ อดีตนายกรัฐมนตรี ท่านก็เคยบอกว่าจะไม่เป็นอะไรเหมือนกัน เมื่อเราดูแล้ว นายพลากร เลยถูกจัดเป็นเต็งหนึ่ง ด้วยสถานะ บทบาทและคนใกล้ชิด มาเคลื่อนไหวกับกลุ่ม กปปส.สายมหาดไทย อาทิ นายพงศ์โพยม วาศภูติ อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นต้น

ส่วน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม สมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ และนายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรี จริงๆ จากข้อมูลที่เรามี มีน้ำหนักพอๆ กัน แต่เนื่องจาก พล.อ.ประวัตร มีน้ำหนักในเรื่องการสนับสนุนจากกองทัพด้วย ในฐานะพี่ใหญ่บูรพาพยัคฆ์ เลยจัดวางเป็นเต็งสองและนายอานันท์เป็นเต็งสาม ซึ่งจนถึงวันนี้ผมมั่นใจว่าถ้ามีการเปลี่ยนแปลงโดยการฉีกรัฐธรรมนูญนะ ชื่อของนายกรัฐมนตรีจะอยู่ใน 3 คน 5 คนนี้

@ฝ่ายตรงข้ามมองว่าการออกมาเปิดรายชื่อนายกรัฐมนตรีคนกลางเป็นการตีปลาหน้าไซ

ไม่ใช่ เพียงแต่ผมเห็นว่าเมื่อสถานการณ์มาถึงตรงนี้ ใครไปทำอะไรอยู่ในมุมมืด ผมต้องส่องแสงไฟให้ไปถึง มันเป็นการทวงถามความเป็นธรรมให้กับประชาชนว่า รัฐบาลที่เขาเลือกมา คุณก็เอามาโขกสับ เอามาป้ายสี เอามาโจมตี ทำกันทุกวันไม่มีชิ้นดี แล้วคุณก็บอกว่ากำลังจะมีนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลชุดใหม่ที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง ฉะนั้นประชาชนควรทราบว่าคุณไปเตรียมใครเอาไว้บ้าง คุณไปทำอะไรกันตรงไหน ประชาชนเขาจะได้เข้าใจว่า เรื่องนี้มันเคลื่อนกันเป็นขบวนการและนายสุเทพ แท้ที่จริงแล้วก็เป็นเพียงจิ๊กซอว์ชิ้นหนึ่งเท่านั้น คนแบบนายสุเทพไม่สามารถบันดาลสิ่งต่างๆ ให้มันเกิดขึ้นได้คนเดียวหรอก และผมก็ไม่ได้ปั้นน้ำเป็นตัว ขอให้ดูต่อไปข้างหน้าเถอะ เพราะหากเกิดการรัฐประการเมื่อไร 5 รายชื่อนี้แหละ ทันทีที่มีการตั้งนายกฯคนกลางขึ้นมา ประชาชนเขาก็จะออกมาต่อสู้ ต่อต้าน และผมก็ยอมไม่ได้และผมก็ขวางสุดประตู เพื่อไม่ให้เกิด

@การทาบทามนายกฯคนกลางเกิดจากพรรคเพื่อไทยด้วยหรือไม่

ไม่มี ถ้าพรรคเพื่อไทยไปรับเกมนายกฯ คนกลางอย่างนี้ เราก็ต้องสู้กับพรรคเพื่อไทยเหมือนกัน

@รายชื่อนายกรัฐมนตรีคนกลางที่เปิดออกมามีคนที่คนเสื้อแดงพอจะรับได้บ้างหรือไม่

ผมไม่รังเกียจใครเลยเป็นการส่วนตัวในคนเหล่านี้และเห็นว่าบุคคลเหล่านี้อยู่ในฐานะของผู้ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานของตัวเอง แต่ผมรังเกียจที่มาของการจะมาเป็นนายกรัฐมนตรี และถ้าใครไปรับเก้าอี้นายกฯด้วยวิธีการแบบนี้ ท่านก็จะได้รับการต่อต้านจากประชาชน

@ถ้าในวันที่ 2 เมษายนนี้ ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้นายกฯ และคณะรัฐมนตรีสิ้นสภาพเนื่องจากโยกย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ไม่ชอบด้วยกฎหมายก็อาจจะทำให้เกิดสุญญากาศได้

ไม่มีทางเกิดสุญญากาศ เพราะถ้าหากไม่มีนายกรัฐมนตรี รองนายกฯ ลำดับถัดไปก็รักษาการไป ถ้าไปทั้งคณะรัฐมนตรีก็ยังมีปลัดกระทรวงทำหน้าที่ เนื่องจากกฎหมายมันชี้ไปทางนั้น และนำไปสู่การเลือกตั้งเพื่อให้มีรัฐบาลที่มาจากประชาชน โดยคณะกรรมการการเลือกตั้งก็ทำหน้าที่ไป มันก็ต้องรักษากติกากันเอาไว้ จะมาอ้างว่าเกิดสุญญากาศเป็นไปไม่ได้ แล้วสมมุติว่ามันเป็นสุญญากาศจริง และไปอ้างรัฐธรรมนูญมาตรา 7 ไปทำนายกรัฐมนตรีก็ไปทำไม่ได้ เพราะกฎหมายไม่ได้เปิดช่องให้

วันนี้สถานการณ์ประเทศมันไม่ใช่ไม่มีทางออก ทางออกมันมี ก็คือเลือกตั้งไปตามกระบวนการ พรรคประชาธิปัตย์จะไม่ลงไม่เป็นไร แต่อย่ามาขัดขวางเพราะคุณไม่มีสิทธิทำเช่นนั้น แล้วใครลงเลือกตั้งก็ทำสัตยาบัน ใครเป็นรัฐบาลก็อยู่ไม่เกินปี ระหว่างนั้นก็เข้ากระบวนการปฏิรูป สร้างองค์กรที่มีโครงสร้างชัดเจน ประชาชนมีส่วนร่วม เสร็จแล้วยุบสภาเลือกตั้งใหม่ภายใต้กติกาปฏิรูป

@การออกมาของมวลชนคนเสื้อแดงอาจจะทำให้เกมนี้จบไว้ขึ้น

เราไม่ได้ออกมาเพื่อสร้างเงื่อนไขนั้น เราจะไม่มีการเผชิญหน้า จะไม่มีการไปท้าตี ท้าต่อยกับนายสุเทพ เรายืนยันว่าการแสดงพลังอย่างสันติวิธีเป็นเรื่องที่เราทำได้และเป็นสิ่งที่เราเตรียมการไว้ โดยการเคลื่อนไหวชชุมนุมเพื่อแสดงพลัง

@การออกมาต่อสู้มั่นใจหรือไม่ว่าจะไม่เกิดความรุนแรง

ใช่ เพราะสิ่งที่ทำกันอยู่ซึ่งผมคิดอยู่ตลอดเวลาและกังวลที่สุด ก็คือฝ่ายเผด็จการจะใช้กำลังปราบปรามประชาชน นี่คือข้อกังวล คือข้อห่วงใยส่วนตัวของผม เพราะผมอยู่ในสถานการณ์ที่ประชาชนถูกไล่ยิงไล่ฆ่า ผมอยู่ในสถานการณ์ที่มันเกิดความสูญเสีย ดังนั้น สิ่งที่ผมระวังที่สุดคืออย่าให้ถึงวันที่ประชาชนต้องออกมาสู้ ไม่ว่าจะกลุ่มเล็กหรือกลุ่มใหญ่ก็ควรเดินภายใต้วิธีคิดตามแนวทางการต่อสู้อย่างสันติวิธี

@ขีดเส้นการต่อสู้ครั้งนี้ไว้เส้นใดว่าถึงเวลา นปช.ต้องออกมา

ถ้ามาตั้งรัฐบาลคนกลางเมื่อใด ไม่ว่าจะด้วยวิธีการใด ไม่ว่าจะเป็นการรัฐประหาร หรือโดยองค์กรอิสระ แม้กระทั้งศาลรัฐธรรมนูญ และถึงวันนั้นขออย่าให้มีใครพูดกับพวกผมว่าอย่าออกมา บ้านเมืองวุ่นวายมามากแล้ว หยุดเสียบ้าง ให้ประเทศเดินหน้า มันจะเดินหน้าที่ไหนแต่มันกำลังเดินถอยหลัง ถอยหลังไปอีกหลายสิบปี

@หากพรรคเพื่อไทยถูกยุบพรรคหรือถูกตัดสิทธิทางการเมืองทาง นปช.จะเคลื่อนไหวอย่างไร

เป็นกระบวนการของพรรคการเมือง เมื่อมีการยุบพรรคก็คงจะมีการตั้งพรรคการเมืองขึ้นมาใหม่ ใครถูกตัดสิทธิก็ไม่เป็นไร ชุด 3 ถูกตัดสิทธิ ชุดที่ 1 ชุด 2 กลับมาแล้วก็สู้กันต่อ เป็นกระบวนการของพรรค

@สู้จนกว่าจะมีการเลือกตั้งให้ได้

ถูกต้อง สิ่งที่นายสุเทพกำลังทำสุดท้ายแล้วไปไหน ก็ไปเลือกตั้ง เพราะฉะนั้นคุณไม่มีความจำเป็น ไม่มีสิทธิ ไม่มีความชอบธรรมอะไรเลยที่จะทำในสิ่งที่คุณกำลังประกาศอยู่

@ถ้าการต่อสู้ครั้งนี้นำไปสู่การนองเลือดหรือการล้อมปราบ

ไม่น่าจะเกิดเหตุการณ์ล้อมปราบประชาชนแบบในอดีตได้ เพราะรูปแบบการต่อสู้ที่ผมคิดหรือเตรียมการไว้ จะไม่เปิดโอกาสให้ใครมาทำแบบนั้น แต่ถ้าอีกฝ่ายหนึ่งเขาจะทำให้ได้ ยังไงก็ต้องฆ่า เขาก็ต้องรับผิดชอบต่อประวัติศาสตร์ รับผิดชอบต่อสิ่งที่จะเกิดขึ้น มันไม่จบแบบประชาชนมามากๆ แล้วคุณก็มาล้อมยิงๆๆ แล้วประชาชนก็ประกาศยุติการชุมนุม แล้วคุณก็รักษาอำนาจได้ต่อไป มันจะไม่มีบทจบแบบนั้น

@ชัยชนะของ นปช.คืออะไร

ระยะสั้นสำหรับสถานการณ์นี้ คือ มีรัฐบาลชุดใหม่ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน ส่วนระยะยาว จะต้องทำให้กลไกอำนาจนอกระบบทั้งหลายมันอ่อนแอลง จนไม่สามารถจะเข้ามาแทรกแซง เข้ามาทำลายกระบวนการประชาธิปไตยได้อีก จะต้องมีการปรับโครงสร้างของเครื่องมือ จากอำนาจนอกระบบทั้งหลาย จะต้องมีการแก้ไขกฎ กติกา นั่นก็เป็นเรื่องของการปฏิรูป อย่างที่พูดกัน

@ถ้าให้อ่านเกมกปปส.อะไรที่จะทำให้พ่ายแพ้

ผมว่าเขาแพ้ตั้งนานแล้วนะ เขาแพ้ตั้งแต่ที่เขาประกาศเดินหน้าต่อหลังจากที่มีการยุบสภาเมื่อวันที่ 9 ธันวาคมปีที่แล้ว แต่ที่มีมวลชนออกมาในช่วงแรกๆ เป็นจำนวนมากมันก็ไม่มั่นคงถาวร ไม่ยืดยาว มันมีความลดลงในทางปริมาณอย่างเห็นได้ชัด เขาเรียกระดมพลกี่หนแล้วก่อนหน้านี้ แล้วผลออกมา อย่างไร ผมว่าตัวคุณสุเทพ หรือทีมงานความคิดทั้งหลายก็สัมผัสสัญญาณนี้ได้ แต่คนเรามันโดดไปขนาดนี้แล้ว มันไม่มีทางหันหลังกลับแล้วไง เพราะไปประกาศว่าต้องปฏิวัติประชาชนให้ได้ ไม่ต้องเลือกตั้ง ต้องมีสภาประชาชน ขบวนการต่อสู้ทางการเมือง ถ้าประกาศว่าเป็นการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย คุณไม่สามารถประกาศเป้าหมายที่มันขัดต่อหลักการประชาธิปไตยได้ เมื่อใดก็ตามที่คุณประกาศหลักการที่ขัดต่อประชาธิปไตยก็เท่ากับการขัดกับการสู้ของตัวเอง

@การต่อสู้ในครั้งนี้ประเมินไว้ว่าจะแพ้หรือชนะ

นปช.อาจจะแพ้ก็ได้ แต่แนวทางประชาธิปไตยถึงที่สุดมันไม่แพ้หรอก ถ้าเที่ยวนี้ต่อสู้ แล้วเกิดความพ่ายแพ้ ซึ่งเรายังไม่แน่ใจว่ารูปธรรมของความพ่ายแพ้มันคืออะไรนะ แต่สมมุติว่ามันเกิดขึ้นและสังคมบอกว่าเราแพ้ นปช. เป็นผู้แพ้ ประชาชนผู้รักประชาธิปไตย เขาไม่ได้แพ้หรอก อุดมการณ์ประชาธิปไตยไม่ได้แพ้ และขอให้ทุกคนเชื่อมั่นว่าวันหนึ่งมันจะชนะแน่ๆ





.................



(ที่มา:มติชนรายวัน 31 มีนาคม 2557)