ประมวลข้อสรุป "ตู่-เต้น" หลังเสื้อแดงปักหลักชุมนุมบน "ถ.อักษะ" 2 วัน 2 คืน (ชมคลิป)





การชุมนุมของแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. ระหว่างวันที่ 5-7 เม.ย.2557 ผ่านพ้นไปโดยปราศจากความรุนแรง รวมใช้เวลาบนถนนอักษะเป็นเวลา 2 วัน 2 คืน โดยประกาศยุติการชุมนุมในรุ่งเช้าอันเข้าสู่วันที่ 3

"มติชนทีวี" พูดคุยกับ "จตุพร พรหมพันธุ์" ประธาน นปช. และ "ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ" เลขาธิการ นปช. ถึงข้อสรุปต่อการชุมนุมที่ผ่านมา





"จตุพร" บอกว่า การชุมนุมเป็นไปตามเป้าหมายที่วางเอาไว้ นั่นคือ เป็นการซ้อมใหญ่ของ นปช. แดงทั้งแผ่นดิน ซึ่งซ้อมทั้งระบบกระบวนการจัดการในทุกๆ ด้าน เนื่องจากว่า เราชุมนุมใหญ่ เมื่อปี 2553 หลังจากนั้นก็ไม่ได้มีการชุมนุมที่ต่อเนื่องด้วยจำนวนคนที่มหาศาล เพราะฉะนั้น เวลาผ่านไป 4 ปี ก็ต้องมาทบทวนระบบอะไรต่างๆ ขณะที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. จัดชุมนุมมาร่วม 5 เดือนแล้ว เพราะฉะนั้น เมื่อเรามาตั้งหลักใหม่ เราก็ต้องมาจัดระบบกันใหม่ แต่ว่าปรากฏการณ์ที่แลเห็นก็ คือความตื่นตัวของพี่น้องประชาชน

"ผมเคยสรุปความว่า ปี 2553 คนเสื้อแดงมีอารมณ์ที่จะต่อสู้ในการมาร่วมชุมนุม แต่ปี 2557 คนเสื้อแดง มีอารมณ์ที่คับแค้น จึงออกมาร่วมชุมนุม ดังนั้น จะเห็นความกระตือรือร้น ที่แตกต่างไปจากปี 2553 เป็นจำนวนมาก เพราะฉะนั้นตอนนี้ ก็เห็นแล้วว่า คนเสื้อแดงพร้อมแล้ว หลังจากกลับจากการชุมนุมครั้งนี้ ในแต่ละจังหวัดก็จะได้มีการประชุม แล้วก็จัดระบบที่จะดำเนินการตามที่ประกาศท้าทายกับ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ และ กปปส. นัดชุมนุมกันในวันที่ศาลรัฐธรรมนูญ อ่านคำวินิจฉัยกรณีนายกฯ ยิ่งลักษณ์ โยกย้าย นายถวิล เปลี่ยนศรี ซึ่งความจริงไม่ควรจะเป็นเหตุ เพราะการโยกย้ายข้าราชการในประเทศไทย มีทุกทบวง กรม และต่อไปนี้ การโยกย้ายข้าราชการนั้น จะต้องให้นายกฯ พ้นจากตำแหน่ง คณะรัฐมนตรีพ้นจากตำแหน่ง ประเทศไทยจะทำอะไรไม่ได้เลย มิหนำซ้ำ ขณะนี้ นายกรัฐมนตรี ก็ทำหน้าที่เพียงแค่รักษาการเท่านั้น เพราะพ้นจากตำแหน่ง นับตั้งแต่วันยุบสภาไปแล้ว แต่ว่า เราก็เห็นแล้วว่า โครงสร้างของประเทศไทยนั้น อำมาตย์สามารถแทรกแซงกลไกนี้ได้เสมอ สามารถกระทำการสวนทางกับความรู้สึกของประชาชนที่รักความยุติธรรม เพราะฉะนั้นนี่จะเป็นแรงเหวี่ยงที่สำคัญ"

ประธาน นปช. กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ ยังมีประเด็นเพิ่มเติม ที่ประชาชนออกมาอย่างมโหฬารนั้น นั่นก็คือ การที่นายสุเทพ สถาปนาตัวเอง เป็นองค์รัฏฐาธิปัตย์ จะเป็นผู้เสนอพระบรมราชโองการโปรดเกล้าแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ และจะเป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการเอง แต่งตั้งคณะรัฐมนตรีเอง แต่งตั้งสภานิติบัญญัติเอง เพราะฉะนั้น ความผิดของสุเทพ สำเร็จแล้ว ในฐานก่อกบฏในราชอาณาจักรอีกครั้งหนึ่ง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น การที่สุเทพ ประกาศในกรณีนี้ เท่ากับไปกระชากหัวใจให้พี่น้องประชาชนคนเสื้อแดง และผู้รักประชาธิปไตย ไม่สามารถทนอยู่ในบ้านได้อีกต่อไป จะต้องออกมาในทอ้งถนน และเรายังยืนยันว่าเราใช้แนวทางสันติวิธี พราะฉะนั้น แต่ละฝ่าย อาจจะพูดเรื่องจำนวนคนที่มาร่วมชุมนุมแตกต่างกัน แต่วันที่มีการนัดหมายคือวันที่มีการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญนั้น ก็จะได้เห็นว่า ประชาชนของ กปปส. และ นปช. วันนั้นจะเห็นว่าใครจะมากกว่ากัน

"จตุพร" กล่าวถึงความหมายของชัยชนะของ นปช. คือ บ้านเมืองเป็นประชาธิปไตย และเป็นประชาธิปไตย ที่เป็นอำนาจของประชาชน ปัจจุบันนี้ เราเป็นประชาธิปไตย ไม่ถึงครึ่งใบ อำนาจส่วนใหญ่อยู่ที่อำมาตยาธิปไตย ที่วางไว้ในรัฐธรรมนูญ ปี 2550 โดยผ่านกลไกองค์กรอิสระ ซึ่งมีอำนาจเหนือกว่าอำนาจของประชาชนที่เลือกรัฐบาล จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่า ศาลรัฐธรรมนูญสามารถขยายอาณาเขตของตัวเองได้ทั้งหมด ไม่มีอยู่ในรัฐธรรมนูญ ก็เติมรัฐธรรมนูญได้ ผู้ตรวจการแผ่นดิน ไม่มีอำนาจที่จะยื่นก็มีอำนาจได้ ป.ป.ช. ก็ทำสวนทางกับความรู้สึก สามารถหยิบเรื่องที่ตัวเองต้องการ แต่ถ้าเป็นฝ่ายเดียวกันก็ปล่อยปละละเลยเรื่องดังกล่าวไว้ กระทั่งหลายคดีขาดอายุความ เพราะฉะนั้น ปรากฏการณ์แบบนี้ สะท้อนถึงความอยุติธรรม ยิ่งสุเทพมา แสดงอหังการแบบนี้ก็สอดคล้อง กับการประเมินว่า ประชาชนจะอยู่ที่บ้านไม่ได้ และจะได้เห็นว่า ในวันเวลาดังกล่าว พี่น้องประชาชน จำนวนมโหฬารจะเป็นอย่างไร





ขณะที่ "ณัฐวุฒิ" บอกว่า พอใจทั้งปริมาณและคุณภาพ เพราะถือว่า นี่ก็เป็นอีกครั้งสำคัญสำหรับการเตรียมการเพื่อการต่อสู้ครั้งใหญ่ ในแนวทางของ นปช. ก็คือ ยึดหลัก สันติวิธี นั่นก็คือ ไม่ใช้ความรุนแรง พี่น้องที่เดินทางมาร่วมกันคราวนี้ก็เป็นพี่น้องที่ส่วนหนึ่งร่วมขับเคลื่อนกันมาแล้วตั้งแต่ช่วงต้น ทุกคนก็ยังอยู่กันครบ แกนนำแต่ละภาคแต่ละจังหวัดก็ยังไม่มีใครหายหน้าหายตาไป ในขณะเดียวกัน ก็จะมีกลุ่มใหม่ที่เพิ่งเข้ามาร่วมการชุมนุมในบรรยากาศของการต่อสู้เป็นครั้งแรก ก็มีอีกเป็นจำนวนมาก ก็ทำให้เรามั่นใจว่า ก้าวต่อไปที่จะมีนัดหมายสำคัญของคนเสื้อแดง เราก็จะสามารถรวบรวมพลังของประชาชน ได้เป็นจำนวนมากขึ้นไปอีก

เลขาธิการ นปช. ประเมิน เลขาธิการ กปปส. ว่า ส่วนตัวคิดว่า นายสุเทพ ล้มละลายทางการเมืองไปแล้วตั้งแต่ก่อนหน้านี้ แล้วยิ่งประกาศตัวเป็นรัฏฐาธิปัตย์เช่นนี้ ในประเทศ ที่เป็น ประชาธิปไตยปกติ อย่าว่าแต่นายสุเทพตั้งเวทีชุมนุมเลย เดินถนนก็ทำไม่ได้ แต่ว่า ด้วยสถานการณ์ประเทศไทย ความบิดเบี้ยวของระบอบประชาธิปไตยที่กระทำด้วยอำนาจนอกระบบ ทำให้นายสุเทพ ยังแสดงออกเช่นนี้ได้ ก็เป็นหน้าที่ของคนไทยส่วนใหญ่ ที่จะต้องทำให้ซากความคิดเหล่านี้ หมดสิ้นไป

"การต่อสู้ของเรา ไม่ได้มีเป้าหมายหรือจุดศูนย์กลาง ที่ความเคลื่อนไหวของคุณสุเทพเทือกสุบรรณ แต่เรากำลังต่อสู้กับโครงสร้างอำมาตยาธิปไตยทั้งระบบ ที่ปกคลุมประเทศไทยอยู่ยาวนาหลายสิบปี แล้วอิทธิพลอำนาจของกลุ่มเหล่านี้ ที่อยู่เบื้องหลังคุณสุเทพ เทือกสุบรรณ และเป็นคำตอบทั้งหมด ว่าทำไมสิ่งที่คุณสุเทพทำ และพูดมาตลอด 6 เดือน จึงยังทำให้สามารถที่จะแสดงอิทธิพลได้ถึงทุกวันนี้"

"ณัฐวุฒิ" กล่าวถึงชัยชนะของคนเสื้อแดงว่า เราต้องการให้บ้านเมือง เดินหน้าไปตามกระบวนการประชาธิปไตย หากเห็นว่า กฎกติกา หรือวงจรใดๆ ในระบบ มีปัญหา ต้องแก้ไข ก็ต้องรักษากติกาใหญ่เอาไว้ แล้วก็แก้กันไปตามกระบวนการ เราไม่ปฏิเสธคำว่าปฏิรูป แต่ปฏิเสธคำว่าปฏิวัติประชาชน เพราะภายใต้คำว่าปฏิวัติประชาชน โดยนายสุเทพ แท้จริงแล้ว คือการรัฐประหาร ยึดอำนาจไปเป็นของ รัฏฐาธิปัตย์ และประกาศความเป็นเผด็จการ ถึงที่สุด เรายอมรับไม่ได้ แล้วก็จะต่อสู้อย่างเต็มที่ เช่นเดียวกัน


ที่มา มติชน