ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ชูปชต.-ขยายแนวร่วมเสื้อแดง


คอลัมน์ สัมภาษณ์พิเศษ

การชุมนุมของกปปส.เป้าหมายเพื่อล้มเลือกตั้ง ไล่ระบอบทักษิณที่ระอุข้ามปี

เป็นเงื่อนปมสำคัญ ทำให้สถานการณ์การเมืองปี 2557 นี้ยากคาดเดา

การเลือกตั้ง 2 ก.พ. จะเกิดขึ้นหรือไม่ ความรุนแรงจะยกระดับถึงขั้นไหน

แนวทางการเคลื่อนไหวของนปช. ในฐานะแนวร่วมของพรรคเพื่อไทยจึงถูกจับตา

นายณัฐวุฒิ ใสเกื้อ แกนนำนปช.มีคำตอบ

ปี 2557 การเมืองยังคุกรุ่น นปช.จะขับเคลื่อนอย่างไร

ภายใต้สถานการณ์ทางการเมืองขณะนี้ นปช.หารือและเตรียมความพร้อมที่จะแสดงพลัง พูดคุยกับแกนนำว่าการออกมาเคลื่อนไหวครั้งนี้ ต้องออกมาเคลื่อนไหวในนามประชาชนผู้รักประชาธิปไตย

รวมพลังกับมวลชนกลุ่มวิชาชีพต่างๆ โดยไม่จำเป็นต้องประกาศตัวเป็นคนเสื้อแดง เพื่อให้ภารกิจในการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยเป็นภารกิจของประชาชนทุกคนอย่างแท้จริง ซึ่งได้เดินสายพูดคุยกับหลายกลุ่มเอาไว้แล้ว

เงื่อนไขที่จะทำให้ นปช.ออกมาชุมนุม

หากชัดเจนว่ามีกลุ่มคนจะล้มการเลือกตั้ง 2 ก.พ. และนำไปสู่สถานการณ์ที่ประเทศถูกปกครองด้วยอำนาจนอกระบบ เมื่อนั้นนปช.คงต้องออกมา และสังหรณ์ใจว่าจะเกิดขึ้นในเร็ววันนี้

หากการเลือกตั้ง 2 ก.พ. ไม่เกิดขึ้น นปช.ออกมาแน่นอน เพราะไม่เชื่อว่าถ้าล้มการเลือกตั้ง 2 ก.พ.แล้ว การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นโดยเร็ว ภายใน 3-5 เดือน เพราะต้องกินเวลาอีกราว 2 ปี

และหลังจากผ่านไป 2 ปี ก็ไม่แน่ว่าจะมีการเลือกตั้งหรือไม่ ไม่มีใครยอมรับสภาพในช่วงเวลาที่อยู่ภายใต้รัฐบาลลากตั้ง หรือคณะรัฐมนตรีลากตั้งได้

ม็อบชนม็อบก็จะเกิดความรุนแรง

นปช.ไม่ได้มีประสงค์จะออกมาสร้างความรุนแรง หรือเผชิญหน้าด้วยการใช้กำลังกับฝ่ายอื่น แต่เมื่อชัดเจนว่าประชาธิปไตยกำลังถูกทำลายและกลไกต่างๆ ของรัฐไม่อาจรับมือโดยลำพังได้ก็จำเป็นต้องออกมาแสดงพลัง

เชื่อว่าการแสดงพลังคราวนี้จะมีประชาชนจำนวนมหาศาลเห็นด้วยและออกมาปรากฏตัว หวังว่างานแนวร่วมที่เราทำอยู่ทั้งในและต่างประเทศ จะทำให้สถานการณ์คลี่คลายโดยสันติได้ เพราะปลายทางการต่อสู้เราปรารถนาสันติภาพไม่ใช่สงคราม

เชื่อมั่นจะมีการเลือกตั้ง 2 ก.พ.

ความไม่แน่นอนในเรื่องนี้เกิดขึ้นมาตลอด และชัดเจนขึ้นทุกทีว่าฝ่ายตรงข้ามไม่เลือกวิธีการ ไม่สนใจความชอบธรรมใดๆ มีเพียงเป้าหมายเดียว คือ ล้มการเลือกตั้ง

การเลื่อนการเลือกตั้งไม่ได้หมายถึงเลื่อนวันที่ 2 ก.พ. ออกไปเท่านั้น แต่คือการเลื่อนระบอบประชาธิปไตยออกไป และลากเอาระบอบสุเทพธิปไตยเข้ามาแทนที่

หลังจากนี้จะมีการเลือกตั้งหรือไม่ เมื่อไร ไม่มีใครตอบได้ ใครจะยืนยันได้ว่าหากเลื่อนการเลือกตั้งออกไปความวุ่นวายจะไม่เกิด ในเมื่อมีประชาชนจำนวนมหาศาลกำลังจะออกมาทวงอำนาจอธิปไตยของพวกเขา หากไม่รักษากติกา ก็จะมีแต่การหักล้างกันของคนสองฝ่าย

หากเลือกตั้งแล้วรัฐบาลชุดเดิมได้กลับมา ยุทธศาสตร์ของนปช.ในฐานะแนวร่วมจะเป็นอย่างไร

เราไม่ปฏิเสธว่าประเทศนี้ถึงเวลาต้องปฏิรูปกฎ กติกา การเมือง และระบบต่างๆ ให้เป็นประชาธิป ไตยมากขึ้น นปช.ก็จะผลักดันการปฏิรูปนี้โดยเน้นการมีส่วนร่วมของประชาชน

ซึ่งไม่ได้หมายความว่าให้นปช.เข้าไปมีบทบาทใดๆ แต่การปฏิรูปประเทศในเรื่องสำคัญแบบนี้ไม่ยึดโยงกับประชาชนไม่ได้

แต่เรื่องเฉพาะหน้าคือการทำให้บ้านเมืองไปถึงวันที่ 2 ก.พ. เป็นภาระใหญ่ที่สุดของคนทั้งประเทศ ที่ไม่เฉพาะคนเสื้อแดง

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ พูดบนเวทีตลอดว่านี่คือโอกาสดีที่สุดที่จะปฏิรูปประเทศ แต่คิดว่าวันนี้คือโอกาสดีที่สุดที่ฝ่ายประชาธิป ไตยจะรวมพลังกันเอาชนะอำนาจนอกระบบให้ได้

คนมักตั้งคำถามกันว่าสาเหตุที่คนเสื้อแดงสู้มาตั้งนานแล้วยังไม่ชนะ หรือเลือกรัฐบาลมากี่ชุดก็โดนเขาล้มทุกที หมายถึงการที่เราเดินมาผิดทาง หรืออ่อนแอลงใช่หรือไม่ บอกเลยว่าไม่ใช่

เปรียบเทียบหลังการรัฐประหาร เราไปตั้งเวทีชุมนุมที่สนามหลวงมีคนมาสักหมื่นคนก็ดีใจมากแล้ว เพราะปฏิกิริยาของสังคมขณะนั้นเหน็บหนาวเหลือเกิน ไม่มีใครตอบสนองการต่อสู้ของเรามากนัก

แต่วันนี้มีผู้คน ภาคประชาชน นักวิชาการมากมายที่เคลื่อนไหวอย่างแข็งแกร่ง มีผู้หลักผู้ใหญ่ในสังคมหลายคนแสดงออกว่าเข้าใจสถานการณ์นี้ และอยากให้ประเทศเดินหน้าไปตามระบอบประชาธิปไตย เหล่านี้คือสิ่งที่เติบโตขึ้น

จะสื่อสารกับอีกฝ่ายที่ไม่ยอมรับฟังคนเสื้อแดงอย่างไร ให้เปิดใจมากกว่านี้

เราไม่ได้ต่อสู้เพื่อให้คนทั้งประเทศเป็นคนเสื้อแดง หรือต่อสู้เพื่อกำหนดชัยชนะจากจำนวนคนที่มาเข้าร่วม แต่ต่อสู้เพื่อให้ประเทศนี้เป็นระบอบประชาธิปไตยอย่างแท้จริง

ดังนั้น เขาจะเป็นคนเสื้อแดงหรือไม่ก็ได้ ขอให้เชื่อมั่นในหลักการประชาธิป ไตยและเดินไปตามแนวทางนี้ ก็ถือว่าเป็นแนวร่วมด้วยกัน ขณะนี้จึงมีคนจำนวนหนึ่งบอกว่าฉันไม่ใช่เสื้อแดง แต่ฉันจะเอาเลือกตั้ง ฉันจะเอาประชาธิป ไตย ก็ถือว่าทุกคนเป็นเพื่อนร่วมทาง

การเคลื่อนของนปช.เป็นเอกเทศกลุ่มเดียว หรือจะโดดไปร่วมกับขบวนประชาธิปไตยอื่นๆ

คงมีการรวมพลังโดยคนจำนวน มากๆ แต่ไม่ได้ประกาศว่านี่คือการขับเคลื่อนโดย นปช. เราจะประกาศดังๆ ว่าใครต้องการประชาธิปไตยมาร่วมกันทางนี้ มาปรึกษาหารือกัน ใครทำอะไรได้ ใครเข้าไปประกาศความคิด ณ มุมใดของสังคมได้ก็ช่วยกัน

บางที นปช.พูด อาจมีคนกลุ่มหนึ่งไม่พร้อมรับฟัง แต่บางทีฝ่ายประชาธิป ไตยกลุ่มอื่นๆ อธิบาย บางมุมของสังคมก็พร้อมจะสนทนาด้วย

ดังนั้น สิ่งที่เรากำลังจะทำนั้น ไม่ได้ทำเพื่อให้นปช.มันใหญ่ หรือแข็งแรงขึ้น แต่ทำเพื่อให้ประชาธิปไตยแข็งแรงพอที่จะเอาชนะฝ่ายเผด็จการได้

เราจะทำเช่นนั้นได้ก็ต่อเมื่ออุดม การณ์ประชาธิปไตยของผู้คนมันแกร่งกล้าพอที่จะเดินออกจากบ้านมาแสดงพลังของตัวเอง

ความเป็นปึกแผ่นของ นปช.ลดน้อยลงหรือไม่ หลังการผลักดันพ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับสุดซอย

เราเผชิญกับการทดสอบที่สำคัญ หากไปดูคำสัมภาษณ์เก่าๆ เรื่องนี้ ผมจะพูดว่าขบวนการเสื้อแดงเดินมาถึงจุดที่แหลมคม เราเผชิญกับสถานการณ์ที่ยากที่สุดตั้งแต่ร่วมทางกันมาจากการตัดสินใจเรื่องพ.ร.บ.นิรโทษกรรม แต่ที่สุดเราก็ผ่านมันมา

แม้ว่าร่องรอยของความแตกต่างทางความคิดยังปรากฏอยู่บ้าง แต่เมื่อเผชิญกับสถานการณ์ที่ใหญ่กว่า คือ การจะสูญเสียประชาธิปไตยไปทั้งหมด ทุกคนก็พร้อมที่จะมารวมพลังกัน

นิยามของคำว่า "คนเสื้อแดง" ในปี 2557

เขาจะเป็นประชาชนผู้รักประชาธิป ไตยที่พร้อมจะใส่เสื้อทุกสีเพื่อแสดงการต่อสู้ แต่หัวใจของพวกเขาเป็นสีแดง

ที่มา ข่าวสด