ประกาศ
ประกาศ นปช.แดงทั้งแผ่นดิน
รับชมการถ่ายทอดสดจาก ถ.อักษะ
Broadcast live streaming video on Ustream
ประมวลภาพ นปช. "รวมพลปราบกบฏ" ถนนอักษะ 10 พ.ค. 2557
รับชมการถ่ายทอดสดจาก ถ.อักษะ
Broadcast live streaming video on Ustream
ประมวลภาพ นปช. "รวมพลปราบกบฏ" ถนนอักษะ 10 พ.ค. 2557
จตุพร - ณัฐวุฒิ ทอล์กโชว์ "ถลกหนังเทือก" วันที่ 19 ม.ค. (ชมคลิป)
เมื่อเวลา 11.00 น. มีการจัดแถลงข่าว “ถลกหนังเทือก” โดยนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช. กล่าวว่า การที่นายสุเทพปิดกรุงเทพฯ และประกาศปิดภาคใต้ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เลือกพรรคประชาธิปัตย์เป็นส่วนใหญ่ คนที่จะเดือดร้อนก็เป็นคนกรุงเทพและภาคใต้ ไม่ใช่คนภาคเหนือหรือภาคอีสาน หากมีกระบวนการทำให้การเลือกตั้งดำเนินไปไม่ได้ หรือการเลือกตั้งครั้งนี้ต้องเป็นโมฆะ ก็จะต้องจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ เพื่อรักษาประชาธิปไตย ไม่ว่าจะต้องเลือกตั้งอีกกี่ร้อยครั้งและจะหมดงบประมาณเท่าไหร่ ก็ยังดีกว่าเอางบประมาณไปให้คณะรัฐประหารกับคณะนายสุเทพ ขนาดงบประมาณที่ถูกโกงจากการสร้างโรงพัก แฟลตตำรวจ หรือโรงรมยางในภาคใต้ ทำไมคนไทยยอมได้ แล้วทำไมจะนำงบประมาณมาให้ประชาชนได้ใช้สิทธิ์ในการเลือกตั้งจะทำไม่ได้
นายจตุพร กล่าวต่อว่า หากมีคนฉีกบัตรเลือกตั้ง ก็เป็นหน้าที่ของกกต.ที่ต้องดำเนินคดี คนที่ฉีกบัตรก็ต้องไปขึ้นศาล อย่างที่นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต. กลัวว่าจะมีคนกว่าแสนคนไปฉีกบัตรเลือกตั้ง ตำรวจก็ต้องจับทั้งแสนคน เพราะไม่มีข้อกฎหมายละเว้น ส่วนกกต.ต้องจัดการบริหารจัดการเลือกตั้ง และต้องประกาศรับสมัครเขตเลือกตั้งที่เหลือให้ทันในวันที่ 2 ก.พ. และต้องจัดการเลือกตั้งให้พร้อมกันทั่วประเทศในวันที่ 2 ก.พ. หากไม่ทำ ก็จะเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 157
“ถ้าศาลรัฐธรรมนูญจะชี้ว่าการเลือกตั้งเป็นโมฆะ เท่ากับเป็นการทำร้ายคนส่วนใหญ่ที่ไม่เห็นด้วยในกรุงเทพฯ และเสียงส่วนน้อยในภาคใต้ ในเมื่อบอกว่าต้องปกป้องสิทธิเสียงส่วนน้อย ซึ่งในภาคใต้ก็มีเสียงส่วนน้อยที่ไม่เห็นด้วยกับนายสุเทพและพรรคประชาธิปัตย์ เสียงส่วนน้อยเหล่านี้จะได้รับการปกป้องแบบคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่” แกนนำ นปช.กล่าวและว่า ส่วนเหตุการณ์ระเบิดนั้น ตามหลักของมนุษย์จะต้องเดินไปหาคน แต่นายสุเทพเปลี่ยนเส้นทางเดินไปหาตึกร้างทำไม ถ้าไม่ประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็แสดงว่าต้องการให้มีการสร้างสถานการณ์เกิดขึ้น
“เหตุที่พรรคประชาธิปัตย์แพ้การเลือกตั้ง 21 ปีติดต่อกัน เพราะประชาชนไม่มีความศรัทธาและไม่ไว้วางใจ บริหารประเทศจนหายนะ เมื่อเลือกตั้งแพ้ก็บอกไม่เอาการเลือกตั้ง แต่อยากจะได้อำนาจ พรรคประชาธิปัตย์ควรกลับไปส่องกระจก แล้วจะได้รู้ว่าคนที่ทำให้แพ้การเลือกตั้งก็คือคนที่อยู่ในกระจก ขอให้ประชาชนใช้ความอดทน และไม่เผชิญหน้ากับกลุ่ม กปปส. เพราะเขากำลังหาทางลง หากเราไปเผชิญหน้าก็เท่ากับไปต่ออายุให้กับนายสุเทพ เราต้องรักษาไว้ซึ่งระบอบประชาธิปไตย ต่อต้านการรัฐประหารและอำนาจอื่นใดที่ไม่ได้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญและไม่เป็นประชาธิปไตย เมื่อประชาชนเลือกหลักการประชาธิปไตยจะไม่มีวันพ่ายแพ้ต่ออำนาจที่ได้มาจากความชั่วที่ไม่ได้เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตยอย่างที่นายสุเทพและพวกทำอยู่ในขณะนี้” นายจตุพรกล่าว
ขณะที่นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รักษาการ รมช.พาณิชย์ และแกนนำ นปช. กล่าวว่า ที่นายสุเทพบอกว่า หากเป็นอะไรไป ให้เอาเงินที่ซ่อนไว้ทุกบ้านออกมาต่อสู้ได้ และบอกว่าเป็นเงินที่ได้มาอย่างสุจริต แต่นายสุเทพแจ้งบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช. ว่ามีบัญชีเงินฝากที่เป็นเงินสด 14 ล้านบาท นอกจากนั้นเป็นบ้านและรถ แล้วที่มีเงินสดซ่อนไว้ตามบ้านต่างๆ มาจากไหน ทำไมไม่อยู่ในธนาคารและไม่อยู่ในบัญชีทรัพย์สินที่ยื่นต่อ ป.ป.ช. ถ้าเป็นเงินสุจริตจะซ่อนไว้ทำไม
นายณัฐวุฒิ กล่าวต่อว่า เมื่อนายสุเทพจะประกาศตัวเป็นรัฏฐาธิปัตย์ เอาบ้านเมืองไปอยู่ในมือของตัวเอง และจะปฏิรูปด้วยมือตัวเอง โดยไม่ให้มีการเลือกตั้ง กำลังจะมามีอำนาจเหนือประชาชนทุกคนและเหนือรัฐบาล ทั้งที่นายกรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้งยังไม่มีอำนาจเท่ากับสิ่งที่นายสุเทพต้องการจะเป็น ดังนั้นนายสุเทพต้องตอบคำถามและอธิบายให้ได้ว่าเงินที่ซ่อนไว้มาจากไหน ถ้ายังไม่มีคำอธิบาย ก็อย่ามาบอกว่าจะปฏิรูปประเทศ และอย่ามาดูถูกประชาชนว่าไม่มีการศึกษา ถูกหลอกง่าย และซื้อได้อีกต่อไป แล้วที่บอกว่าจะปฏิรูป เพราะรังเกียจกระบวนการเลือกตั้งในปัจจุบัน ต้องการการเมืองที่สุจริตโปร่งใส และมีนักการเมืองที่มีคุณภาพ แต่นายสุเทพเป็น ส.ส.ตั้งแต่ปี 2522 จนถึงขณะนี้รวม 35 ปี ทำไมนายสุเทพไม่พูดและไม่เคยคิดจะทำ แต่เพิ่งจะมาคิดทำตอน 2 เดือนที่ผ่านมา
นายณัฐวุฒิ กล่าวอีกว่า นายสุเทพบอกว่าให้เอาอำนาจมาจะจัดการเอง และการเมืองข้างหน้าต้องมีนักการเมืองที่เป็นคนดีและมีความสามารถ แล้วขณะที่นายอภิสิทธิ์เป็นนายก ทำไมกระทรวงใหญ่ๆ อย่างกระทรวงมหาดไทย กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงคมนาคมถึงเป็นพรรคภูมิใจไทยดูแล ส่วนกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ก็เป็นพรรคชาติไทยพัฒนา ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ดูแลแค่กระทรวงศึกษาธิการ หากจะอธิบายว่าจัดสรรกระทรวงต่างๆ ตามความรู้ความสามารถ ก็ควรจะยุบพรรคประชาธิปัตย์ไปเลย เพราะไม่มีคนในพรรคประชาธิปัตย์ที่มีความสามารถในการดูแลกระทรวงใหญ่ได้ หรือไม่เช่นนั้นก็แสดงว่าพรรคประชาธิปัตย์สมคบคิดกันนอกระบบ โดยการจัดสรรประโยชน์ทางการเมืองกับฝ่ายต่างๆ ที่ร่วมกระบวนการ
“เราจะเชื่อมั่นได้อย่างไรกับนายสุเทพที่เป็นคนเดียวกับการเดินเกมพลิกขั้วการเมืองเมื่อปี 2551 จะมาเป็นคนปฏิรูป และตั้งนายกฯ รวมถึงจัดตั้งรัฐบาลเอง พรรคการเมืองอื่นๆ ที่ลงเลือกตั้ง เขาก็เสนอบุคคลและเสนอนโยบาย ถ้าประชาชนจะเลือกเบอร์ไหนก็จะรู้ทันทีว่าใครจะเป็น ส.ส. หรือนายกฯ แต่นายสุเทพไม่บอกอะไรเลย แต่บอกอย่างเดียวว่า ถ้าปฏิรูปประเทศจะปฏิรูปตำรวจใหม่ จะให้ทุกจังหวัดมีการเลือกตั้งผู้ว่าฯ หากจะทำอย่างนั้นก็ประกาศเป็นนโยบายของพรรคประชาธิปัตย์แล้วลงเลือกตั้ง ดูว่าคนจะเลือกหรือไม่” นายณัฐวุฒิกล่าว
ที่มา ข่าวสด