นปช.เตรียม"เปิดกรุงเทพ" 13 ม.ค. เริ่มอุ่นเครื่อง 5 ม.ค. (ชมคลิป)





ทีมข่าว นปช.
2 มกราคม 2557






ในระหว่างการแถลงข่าว นปช.​วันที่ 2 มกราคม 2556 นายจตุพร พรหมพันธุ์ ได้กล่าวว่า เหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นนั้นสุดท้ายจะจบลงที่ว่า เครือข่ายอำมาตยาธิปไตย กำลังสมคบคิดกันอย่างเป็นกระบวนการในทุกองค์กร ซึ่งเราต้องคิดให้รอบคอบ และการที่นายสุเทพประกาศจะปิดกทม.และประเทศในวันที่ 13 ม.ค.และในวันที่ 5-8 จะเดินระดมความร่วมมือของคนกทม. ตนขอเรียนกับพี่น้องกทม.ว่า พี่น้องจะไปร่วมมือกับนายสุเทพปิดจมูกหายใจของคนกทม.เองหรือ เพราะการปิดกทม.ในความหมายของสุเทพนั้น แม้จะพูดว่าจะตัดน้ำตัดไฟเฉพาะบ้านรัฐมนตรีและนายกอีกหนึ่งก็ตัดไปเทิด แต่สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือตัดน้ำตัดไฟพี่น้องประชาชน ที่อยู่ในกทม.  และมีคนบอกตนว่า ในวันที่รถไฟBTS เสียนั้นมีการซ้อมเสียไว้ก่อน เพื่อที่จะดูปฏิกิริยาว่า คนเดือดร้อนกันอย่างไร เป็นการซ้อมเสียเพื่อที่จะเสียกันจริงในวันที่ 13 ม.ค.

ฉะนั้นภาระหน้าที่ของเราคือ ถ้าลำพังสุเทพ ซึ่งเขาไม่รู้จักนิสัยของคนไทย ตนอยากจะบอกกับนายสุเทพว่า นิสัยของคนไทยเป็นพวกที่ขี้รำคานมากที่สุดในโลก รองตัดน้ำตัดไฟ ตัดเครื่องอุปโภคบริโภคทั้งหมด เป็นเกิด 7 วันคนกทม.เองจะมาตามให้ไปจัดการกับพวกสุเทพให้ที แต่ภาระของพวกเราจะได้ชี้แจ้งให้ทราบกันอีกครั้งหนึ่ง

เอาเป็นว่า นัดหมายกันล่วงหน้า เมื่อคุณคิดจะปิดประเทศในวันที่ 13 ม.ค. เราก็นัดเปิดประเทศในวันที่ 13 เช่นเดียวกัน รายละเอียดขั้นตอนจะเป็นอย่างไรนั้นจะได้อธิบายตามกันเป็นลำดับ แต่รายละเอียดเบื้องต้นนั้นได้แจ้งให้พี่น้องคนเสื้อแดงและผู้รักประชาธิปไตยทั้งแผ่นดินว่า “ได้เวลาที่ท่านทั้งหลายจะต้องเตรียมพร้อมกันแล้ว” และที่สำคัญคือเราต่อสู้ภายใต้รัฐธรรมนูญและกฎหมายทุกประการ

วิธิคิดของกปปส.และเครือข่ายอำมาตย์ที่เอาคนใต้มาปิดกรุงเทพแล้วถ้าคนกทม.ไปปิดภาคใต้บาง หรือแม้แต่เอาคนใต้มาไล่รัฐบาลที่มาจากคนทั้งประเทศ และท้ายที่สุดที่เหลือทั้งประเทศ เขาจะลงมาจัดการกันบ้าง และไอ้วิธีคิดของ กปปส.นั้นจะนำไปสู่สงครามกลางเมือง และความแตกแยกที่คนไทยกลัวกันที่สุด และ 3 จังหวัดที่เป็นอยู่ในขณะนี้ก็เพราะทัศนะคติที่แตกแยก ผ่านไปจนกระทั่งบัดนี้ยังแก้ไขไม่ได้ ความตายยังเกิดขึ้นทุกวัน และอีก 74 จังหวัดที่เหลือและถ้ายังเดินกันไปอย่างนี้ ตนของถามว่าใครจะเอาประเทศไทยอยู่ ดังนั้นเราเองในขณะนี้อยู่ในความอดทนอดกลั่นกันอย่างที่สุด

คุณจตุพร ระบุว่า ปัญหาเกิดขึ้นจากหลายๆส่วน ไม่ว่าจะเป็นกกต.ที่ไม่พยายามให้การเลือกตั้งเดินหน้า ขอเรียนร้องว่ากกต.คนไหนรู้ตัวว่าไม่เป็นกลาง ขอให้ลาออกไปเพราะทัศนะคติไม่เคยที่จะพาไปสู่การเลือกตั้ง  และอีก 28 เขตที่ยังรับสมัครการเลือกตั้งไม่ได้ เพราะกกต.พื้นที่ไม่ให้ความร่วมมือคือไม่ยอมเปลี่ยนสถานที่รับสมัคร  เพราะพฤติกรรมชัดเจน

คุณจตุพรยังกล่าวอีกว่า สถานการณ์ในขณะนี้ไม่ว่ากลไก ป.ป.ช.ไม่ว่าวันที่ 7 9และ10 นั้นมีเรื่องทั้งหมด และกลไกศาลรัฐธรรมนูญก็จะขยับกันทั้งหมด รวมกระทั่งการปิดกทม.ซึ่งเป็นจุดหลัก แต่สาระของกทม.สิงที่น่าห่วงที่สุดคือชนวนรัฐประหาร เพราะฉะนั้นสิ่งที่พวกผมวิตกนั้นไม่ใช่สุเทพ เพราะนายสุเทพยิ่งปิดกทม.นานเท่าไร ก็ยิ่งตกนรกเท่านั้นเพราะคนกทม.เขาทนไม่ไว้ แต่เป็นการทำรัฐประหาร

คุณจตุพรกล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)แจ้งข้อกล่าวหาส.ส.และส.ว.จำนวน 383คน ว่ากระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่และร้องขอให้ถอดถอนออกจากตำแหน่งกรณีเสนอร่าง รัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขเพิ่มเติมเกี่ยวกับที่มา ส.ว.ในวันที่ 7 ม.ค.นี้ ว่า ประเทศจะเข้าสู่วิกฤตจนอาจเป็นชนวนที่นำไปสู่การปฏิวัติรัฐประหาร เพราะ เชื่อว่าสุดท้าย ป.ป.ช.จะชี้มูลความผิดส.ส.และส.ว.ทั้ง 383 คน อย่างแน่นอน เพราะก่อนหน้านี้ ป.ป.ช.ได้แจ้งข้อกล่าวหานายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร และนายนิคม ไวยรัชพานิช ประธานวุฒิสภา ว่าทั้ง 2 คนมีการกระทำที่ส่อไปในทางทุจริตต่อหน้าที่ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 270 ไปก่อนหน้านี้แล้ว

“ซึ่งองค์กรอิสระทำร้าย นักการเมืองได้แต่ไม่สามารถทำร้ายประชาชนได้ ซึ่งพวกเราไม่คิดว่าม็อบนกหวีดจะประสบความสำเร็จ แต่มาแค่เปิดประตูให้เกิดการปฏิวัติรัฐประหารเกิดขึ้นเท่านั้น”

คุณจตุพร กล่าวต่อว่า  ถึงแม้ว่านายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส.จะคิดว่าเอาองค์กรอิสระมาจัดการพรรคเพื่อไทยได้แต่ที่องค์กรอิสระ จัดการไม่ได้คือประชาชนยิ่งช่วงนี้เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อใครที่คิดจะรัฐ ประหาร คนเสื้อแดงที่มีอยู่ในขณะนี้มีมากกว่าม็อบของนายสุเทพเป็น 100 เท่า ก็ไม่ยอมแน่นอน

การรัฐประหารปี 2549 ว่าเลวร้ายแล้ว แต่จะไม่เลวร้ายเท่าเหตุการณ์นี้ สุดท้ายประเทศไทยจะเต็มไปด้วยความแตกแยก เหนือ อีสาน กลางหลายส่วน แม้แต่กรุงเทพ และหากไม่มีประชาธิปไตยอีก จะเกิดความตายอีกเท่าไหร่ สงครามกลางเมือง เพื่อเตือนทุกฝ่าย

"เรามีความพร้อม อยู่ที่ว่าจะนัดกันเมื่อไหร่ รับรองว่าคราวนี้ไม่ซ้ำกับราชมังคลาฯ เรื่องใหญ่คือถ้าเสียประชาธิปไตย เราไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เริ่มปีใหม่ เดือนนี้เป็นเดือนแห่งการแตกหัก ขอให้ติดตาม รอฟังสัญญาณ เราจะต่อสู้ภายใต้หลักสันติวิธี "

นอกจากนี้ แกนนำนปช.ยังระบุในการแถลงข่าวว่า ขอให้จังหวัดต่างๆที่มีความพร้อม เริ่มอุ่นเครื่องจัดการชุมนุม ตั้งแต่วันที่ 5 ม.ค.เป็นต้นไป เช่นเดียวกับที่ม็อบนายสุเทพประกาศเริ่มเรียกแขกตั้งแต่วันที่ 5 ม.ค.