ผู้สมัครส.ส.พรรคเพื่อไทย สุราษฎร์ธานี บุกเข้าสนามกีฬากลาง-ปะทะกลุ่มกปปส.




เมื่อเวลา 07.00 น.วันที่ 30 ธ.ค. ผู้สื่อข่าว "ข่าวสด" รายงานว่า ที่บริเวณด้านหน้าอาคารโรงยิมเนเซียม สนามกีฬากลางจังหวัดสุราษฎร์ธานีที่สำนักงาน กกต.ประจำจังหวัดใช้ เป็นสถานที่รับสมัครส.ส.เขตทั้ง 6 เขตของ จ.สุราษฎร์ธานีกลุ่มผู้ชุมนุม กปปส.ยังคงปิดล้อมเป็นวันที่ 3 โดยในวันนี้มีแนวร่วม กปปส.มากกว่าปกติเนื่องจากมีกระแสข่าวว่าผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทยจะเดินทางมาสมัคร และยังคงได้ใช้โซ่คล้องปิดประตูทางเข้าอาคารโรงยิมเนเซียมทุกด้านใช้กุญแจล็อคไว้และด้านในถูกตัดกระแสไฟฟ้าโดยเฉพาะประตูด้านหน้ามีการนำหีบไม้เป็นโลงศพจุดธูปเทียนเขียนข้อความว่า "ให้มึงที่อยากเป็น ส.ส." และวางพวกหรีดไว้ใกล้ๆ นอกจากนี้ยังมีป้ายเขียนข้อความ "เราไม่ต้องการการเลือกตั้ง" ติดที่ประตูอาคาร สำหรับพื้นที่หน้าประตูถูกกั้นด้วยรั้วเหล็กอีกชั้นหนึ่งให้ผู้ชุมนุมมานั่งฟังปราศรัยด้านในประมาณ 50 คน ส่วนที่เหลืออยู่ภายในเต้นด้านนอก




จากนั้นเวลาประมาณ 08.00 น.นายเมธี ณ.นคร กกต.ประจำจังหวัดสุราษฎร์ธานีพร้อมทั้งกกต.อีก 4 คนและเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดสุราษฎร์ธานีเดินทางมาถึงหน้าสถานที่รับสมัครโดยได้เจรจากับนายดำรง เทือกสุบรรณ รองนายก อบจ.สุราษฎร์ธานี ญาตินายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส.นายก่อเกียรติ อินทรักษ์ รองนายก อบจ.สุราษฎร์ธานีและตัวแทนกลุ่ม กปปส.โดยใช้เวลาพูดคุยนานกว่า 15 นาทีแต่ผู้ชุมนุมไม่ยินยอมให้ใช้สถานที่ โดยอ้างว่าเป็นมติของ กปปส.ที่ต้องการให้มีการปฎิรูปการเมืองก่อนการเลือกตั้ง ซึ่งนายเมธี จึงนำคณะกลับโดยให้เหตุผลว่าไม่อยากขอกำลังตำรวจเพื่อมาคุ้มกันให้มีการรับสมัครเพื่อป้องกันเหตุวุ่นวายและจะมอบให้เจ้าหน้าที่ไปแจ้งลงบันทึกประจำวันที่ สภ.เมืองสุราษฎร์ธานีเป็นหลักฐานว่าไม่สามารถปฏิบัติงานได้ และยุติการรับสมัครชั่วคราวแต่ระหว่างเดินไปขึ้นรถตู้มีหญิงคนหนึ่งในกลุ่มผู้ชุมนุม ถือป้ายข้อความ ปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง มาปิดหน้า กกต.ทั้ง 5 คนแต่ก็ไม่มีใครติดใจอะไร



จากนั้นเวลาประมาณ 09.00 น.ระหว่างที่กลุ่ม ผู้ชุมนุม กปปส.สุราษฎร์ธานี ยังคงชุมนุมฟังคำปราศรัยการทำงานของรัฐบาลอยู่ด้านหน้าอาคารโรงยิม และกระจายในเต้นและโดยรอบได้มีเหตุไม่คาดคิดขึ้นเมื่อผู้ที่จะลงสมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทยทั้ง 6 เขตใน จ.สุราษฎร์ธานี นำโดยผู้สมัคร เขต 1 นายพีระพงษ์ สังข์ทอง เอ็นจีโอและเป็นอดีตผู้สมัครเดิม พร้อมด้วยผู้สมัครเขตอื่นๆ ดังนี้ เขต 2 นายธนาวุฒิ วิชัยดิษฐ์ น้องชายแกนนำ นปช. เขต 3 นายมานพ เกษมณี ทนายความอดีตผู้สมัครเดิม เขต 4 นายยศวริศ ชูกล่อม(เจ๋ง ดอกจิก) อดีตผู้สมัครเดิม เขต 5 นายคณิต อินทปัน ทนายความ อดีตผู้สมัครเดิม เขต 6 นายชุมสาย ศรียาภัย ทนายความอดีตผู้สมัครเดิม เดินทางเข้ามาจากประตูด้านหลังสนามกีฬาด้วยรถส่วนตัวก่อนเดินเข้ามายังประตูทางเข้าที่มีผู้ชุมนุมนั่งอยู่โดยไม่มีตำรวจคุ้มกันมีเพียงผู้ติดตามไม่กี่คนและกลุ่มผู้ชุมนุมแทบไม่ทันตั้งตัว นายพีระพงษ์ ก็ก้าวขึ้นบนเก้าอี้ก้าวข้ามรั้วเหล็กไปยืนอยู่บนเก้าอี้อีกตัวท่ามกลางวงล้อมของกลุ่มผู้ชุมนุมโดยมีผู้สมัครคนอื่นเดินตามหลังมาจากนั้นนายพีระพงษ์ ก็ยกมือขึ้นพร้อมประกาศว่าจะมาสมัคร ทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมไม่พอใจเป่านกหวีดไล่อีกทั้งกรูเข้ามาจากทุกทิศมาปิดล้อมผู้สมัครพร้อมตะโกนด่า "ไอ้ขี้ข้า" สนั่นสลับกับเสียงนกหวีด และนายพีระพงษ์ ก็ถูกฉุดและถูกผลักจนเสียหลักลงจากเก้าอี้จนมีการผลักกันไปมาชุลมุลไปหมดก่อนที่ตำรวจจะเข้ามาพยามนำผู้สมัครออกมาขึ้นรถด้านหลังและจัดกำลังประมาณ 3 กองร้อยเข้าควบคุมสถานการณ์ จนว่าที่ผู้สมัคร สามารถเดินทางขึ้นรถกลับไปได้


นายพีระพงษ์ กล่าวว่าตนถูกทำร้ายร่างกายทั้งที่จะมาสมัครตามสิทธิของตนแต่กลับถูกทำร้ายและพยายามจะแย่งและฉีกเอกสารของตน ซึ่งคาดว่าคงจะไปแจ้งความตามกฏหมายต่อไปด้านนายยศวริศ กล่าวว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจทำไมมีน้อยในการรักษาความปลอดภัย


ในส่วนของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มาเฝ้าสถานการณ์เปิดเผยว่าไม่ได้รับการประสานจากผู้สมัครและไม่คาดคิดว่าผู้สมัครจะกล้าเดินทางเข้ามาจนเกิดเหตุวุ่นวายขึ้นทั้งๆที่ กกต.ก็เดินทางกลับไปก่อนหน้านี้แล้ว


ที่มา ข่าวสด