แถลงข่าวนปช.แดงทั้งแผ่นดินประจำวันพุธที่ 11 ธันวาคม (ชมคลิป)



ทีมข่าว นปช.

11 ธันวาคม 2556



วันนี้ (11 ธ.ค.)เมื่อเวลา 13.00 น. ที่อิมพีเรียลลาดพร้าว กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการณ์แห่งชาติ(นปช.) ร่วมแถลงข่าว นำโดยอ.ธิดา ถาวรเศรษฐ ประธาน นปช. คุณณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และคุณจตุพรหมพันธุ์ แกนนำนปช. ทั้งนี้ได้กล่าวชื่นชมท่าทีสมัชชาปกป้องประชาธิปไตย ที่เกิดจากการรวมกลุ่มเบื้องต้นของนักวิชาการ 151 คน พร้อมเรียกร้องคนไทยกลับเข้าสู่กลไกการเลือกตั้ง ในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ปีหน้า (2557) เพื่อแสดงพลังประชาชนที่แท้จริง




โดยคุณณัฐวุฒิกล่าวว่า ตนได้ติดต่อประสานงานกับกลุ่มพลังมวลชนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นภาคธุรกิจ ภาคการเกษตร หรือกลุ่มพลังมวลชนอื่นๆ เพื่อกำหนดจุดยืนเดียวกัน ไปสู่การนำพาประเทศไปสู่การเลือกตั้งให้ได้ ไม่ได้หมายความว่าเราจะร่วมกลุ่มกันสร้างองค์กรใหม่ ไม่จำเป็นที่จะต้องมีองค์กรดึงคนทุกกลุ่ม มาอยู่ในที่เดียวกัน แต่มีความจำเป็นที่ทุกกลุ่มทุกก้อน ทุกองค์กร จะต้องมีเป้าหมายเดียวกันในระยะต้น คือทำให้มีการเลือกตั้งเกิดขึ้นในประเทศไทย โดยตนขอเชิญชวนพี่น้องคนไทยทั่วประเทศร่วมกันแสดงจุดยืนนี้ ทั้งนี้ทางนปช.กำลังจะออกแบบสัญญาลักษณ์ ที่แสดงร่วมกันในโลกไซเบอร์ หรือสติกเกอร์เพื่อร่วมรณรงค์ไปสู่การเลือกตั้ง 2 กุมภาพันธ์ 2557 ท่านจะเลือกพรรคไหนก็ได้ เป็นเสรีภาพแต่สำคัญคือ เราต้องเดินไปสู่คูหาเลือกตั้งด้วยกันในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557



ด้าน อ.ธิดา ถาวรเศรษฐ ประธานนปช.กล่าวว่า ในสถานการณ์ในระหว่างนี้ถือว่าเข้มข้นทุกขณะอย่างรวดเร็วภายในเวลาอันสั้น กระบวนการและวิธีการต่อสู้ของคนที่ไม่ยอมแพ้และไม่ยอมเคารพเสียงส่วนใหญ่ ความไม่ถูกต้องและความชั่วช้าทั้งหมดสามารถเห็นได้จากม็อบต่างๆที่ได้กระทำมา และต้องการนำไปสู่การยึดอำนาจรัฐโดยที่ไม่ชอบอย่างยิ่ง ในเครือข่ายอนุรักษ์นิยมหรือจารีตนิยมที่ไม่ยอมสูญเสียอำนาจ ถือว่าได้เปรียบมายาวนานในประเทศไทย ประการแรกก็คือการทำรัฐประหารโดยใช้กำลังกองทัพ เพราะฉะนั้นกบฏชุดที่1 หลังจากมีการเปลี่ยนแปลงการเมืองการปกครองก็คือกบฏบวรเดช จากนั้นมาโอกาสที่จะมีการเลือกตั้งก็มีน้อย ส่วนใหญ่ใช้วิธีการ ใช้ทหาร ใช้ปืนในการยึดอำนาจหลังจากนั้นตุลาการรับรองว่าผู้ชนะจะได้รัฐาธิปัตย์ ดังนั้นการเมืองของไทยจึงลุ่มๆดอนๆอำนาจจึงไม่ได้มาอยู่ที่ประชาชน อยู่ได้เพียงชั่วคราวเขาก็จะบอกว่านักการเมืองเลวทั้งนั้น จึงจำเป็นต้องมีผู้มาจัดการประเทศนี้ ที่แล้วมาจึงเป็นการรัฐประหารด้วยกองทัพ พอขั้นที่2พัฒนาการที่เห็นชัดหลังจากทำรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ก็เป็นการทำรัฐประหารแบบซ้ำซ้อนโดยการใช้กฏหมายและตุลาการ ให้ชื่อว่า “ตุลาการภิวัฒน์” และคนที่ขนานนามตุลาการภิวัฒน์คนแรกเป็นนักวิชาการเสื้อกั๊กก็คือ ธีรยุทธ บุญมี และได้มาแนะนำให้สุเทพ เทือกสุบรรณ เปลี่ยนจากคำว่า “ประชาชนปฏิวัติ” มาเป็น “ประชาภิวัฒน์”

หมายความว่าการทำรัฐประหาร การทำตุลาการภิวัฒน์ รัฐประหารโดยกองทัพ ทำตุลาการภิวัฒน์โดยกระบวนการยุติธรรมหรือการใช้กฏหมายก็ไม่สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงประเทศให้ถอยหลัง ดังที่พวกจารีตนิยมเหล่านี้ต้องการ จึงเกิดสิ่งใหม่ที่เขาได้พยายามทำตั้งแต่สนธิ ลิ้มทองกุลไม่สำเร็จ และครั้งนี้เป็นการทำรัฐประหารโดยใช้ประชาชนซึ่งสุเทพ เทือกสุบรรณมักจะเรียกตลอดเวลาว่า มวลมหาประชาชน และในที่สุดไปตู่ตัวเลขด้านๆ บีบีซี เขาออกมาปฏิเสธว่า เขาไม่เคยบอกว่าคนมา 5 ล้านแบบที่สุเทพพูด ซึ่งตัวเลขที่รู้กันทั่วไปก็ทราบกันที่ 150,000 คน จำนวนคนที่เป็นหลักล้านของสุเทพนั้นทั้งในความเป็นจริงและตัวเลขในฝันมากกว่า ให้คนจำนวนหนึ่งออกมาและคิดว่าตัวเองเป็นหัวหน้าคณะปฏิวัติ จึงออกคำสั่งเมื่อเวลา 22.30 น. คณะกรรมการ กปปส. ตามที่ขอให้นายกและคณะรัฐมนตรีประกาศไม่ปฏิบัติรักษาการ และไม่แต่งตั้งบุคคลอื่นรักษาการภายใน 24 ชั่วโมงตามคำสั่งฉบับที่1 อันเป็นการเปิดโอกาสให้นางสาวยิ่งลักษณ์ก้าวจากอำนาจโดยละมุนละม่อม ในที่สุดจึงออกคำสั่งให้ดำเนินคดีกับนางสาวยิ่งลักษณ์ผิดมาตรา113 เรามองดูคำสั่งนี้ของสุเทพวิกลจริตชัดแจ้งเลย สุเทพไม่ได้มาคนเดียว แต่ยังมีชุดต่างๆ ที่อยู่รายรอบและอยู่ข้างหลังจำนวนหนึ่ง ซึ่งเราจะประมาทไม่ได้

ในทัศนะของตน มองว่าเพียงแค่ประชาภิวัฒน์หรือเอาประชาชนมา ออกคำสั่งก็ไม่มีใครไปรายงานตัว ไม่มีใครปฏิบัติตาม เราขอเรียกร้องว่าตำรวจ ทหาร ไม่ไปรายงานตัวกับนายสุเทพนั้นประชาชนจะขอขอบคุณเป็นอย่างยิ่ง ทัศนะของอ.ธิดาก็มองว่าทำทีละอย่างไม่สำเร็จ ทำรัฐประหาร1อย่าง จากนั้นตามด้วยตุลาการภิวัฒน์1อย่าง ประชาภิวัฒน์ไม่สำเร็จ เป็นไปได้ว่าเขาจะทำ 3 อย่างพร้อมๆกันภายในไม่กี่วันนี้ คือการรัฐประหารโดยกองทัพ ทำตุลาการภิวัฒน์โดยจัดการกับพรรคการเมืองและคณะรัฐมนตรี และพยายามที่จะขยายกำลังของประชาภิวัฒน์ อย่างไรก็ตามต้องขอขอบคุณคณะอาจารย์ที่ได้ตั้ง สมัชชาปกป้องประชาธิปไตย ขอบคุณเป็นอย่างยิ่งและนับถือหัวใจของท่านทั้งหลาย ขอยกย่องท่านเหล่านี้ที่จะสามารถเป็นที่พึ่งและเป็นภูมิปัญญาของประเทศไทยได้ อธิการบดีเทียบกันไม่ได้เลยกับนักวิชาการเหล่านี้ในแง่ความคิดอ่าน ที่จะทำให้ประเทศนี้เดินไปข้างหน้า

อ.ธิดากล่าวต่อว่า ล่าสุดนายวิชา มหาคุณ ซึ่งเป็นปปช.นอกจากจะรายงานไต่ส่วนคดีการถอดถอนสส.และสว. 312 คน ในวันที่ 12 ธันวาคมนี้ และได้สนับสนุนนักวิชาการที่จะทำให้สภาประชาชนเกิดขึ้นจริงได้ นี่เป็นการแสดงทัศนะเลือกข้างทีชัดเจน เรามีความเห็นว่านายวิชา มหาคุณ ซึ่งกำลังอยู่ในฐานะองค์กรอิสระ จะต้องพิจารณาถอดถอนสส. สว. แสดงความคิดเห็นต่อฝ่ายกบฏนั้นในทัศนะของเราไม่เห็นด้วยและขอประณามว่าเป็นท่าทีที่ไม่ถูกต้อง ท่านไม่สามารถแสดงความเป็นกลาง แสดงความยุติธรรมและเป็นองค์กรอิสระ เราขอร้องว่า ใครก็ตามที่จะต้องทำหน้าที่แสดงความเป็นกลางพิจารณาเกี่ยวกับคดีความ ขอให้ท่านรักษาความเป็นกลาง รักษาความยุติธรรมในประเทศ เพราะมิฉะนั้นจะเกิดการจราจลขึ้นในประเทศนี้แน่นอน



ด้านคุณจตุพร พรหมพันธุ์ กล่าวว่า สิ่งที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ร้องเรียกหาคือคำว่า “สูญญากาศทางการเมือง” ซึ่งนายสุเทพได้ไปแล้ว เพราะทุกค่ำคืน คือทั้งประกาศและคำสั่งสั่งของนายสุเทพ ซึ่งไม่มีใครปฏิบัติตาม แม้แต่เพียงกรณีเดียว ไม่ว่าจะเป็นฉบับแรกที่ให้นายกลาออกใน24ชั่วโมง และฉบับที่สองเมื่อนายกไม่ลาออกให้ดำเนินคดีกับนายกในฐานะกบฏ และเพิ่มคำสั่งให้ตำรวจกลับกรมกองให้ทหารออกมาแทน และวันนี้ก็ได้มีการส่งทนายความไปที่อัยการขอเลื่อนคดีฐานฆ่าคนตายที่ต้องขึ้นศาลในวันพรุ่งนี้ ซึ่งไหนบอกว่าตัวเองเป็นรัฐาธิปัตย์ ซึ่งมีอำนาจเต็มทำไมไม่สั่งอัยการ หรือที่ได้กล้าสั่งเพราะกลัวอัยการร้องขอออกหมายจับ

คุณจตุพร พรหมพันธุ์ กล่าวต่อว่า สิ่งที่นายสุเทพดำเนินการเป็นการเสียสติอย่างที่สุด  ทั้งนี้การนายสมคิด เลิศไพฑูรย์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์  เสนอให้ออก พ.ร.ก.เพื่อตั้งสภาประชาชน และมีนายวิชา มหาคุณ กรรมการ ป.ป.ช. ออกมาระบุว่าเห็นด้วยและบอกว่าทำได้ ตนอยากบอกไปยังนายสมคิดและนายวิชาว่าคุณเรียนวิชากฎหมาย ความรู้กฎหมายเบื้องต้นคุณผ่านมาได้อย่างไร การตรา พ.ร.บ.และพ.ร.ก. ซึ่งเป็นอำนาจของฝ่ายบริหาร  จะไปขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญไม่ได้ ซึ่งกฎหมายเขาบอกไว้ว่า รัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายแม่ เพราะฉะนั้นกฎหมายลูกจะไปขัดกฎหมายแม่ไม่ได้ ซึ่งแม้แต่ที่มาของส.ส. ส.ว.แม้แต่นายกรัฐมนตรีนั้น ถูกบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ ฉะนั้นถ้าไปตามพ.ร.ก.ตั้งสภาประชาชน ก็จะไปขัดกับรัฐธรรมนูญซึ่งเป็นกฎหมายแม่ ฉะนั้น ข้อเสนอของนายสมคิดและวิชา จึงเป็นข้อเสนอที่น่ามืดตามัว เพื่อให้นายสุเทพประสบความสำเร็จทุกประการ โดยไม่มองว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญ ซึ่งนายกฯ จะดำเนินการให้ไม่ได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่นายกรัฐมนตรีก็ไม่สามารถที่จะกระทำได้

คุณจตุพร กล่าวอีกว่า  วันนี้นายวิชายังแถลงชัดเจนว่าเพิ่งได้รับสำนวนคดีถอดถอน ส.ส. และ ส.ว.จากศาลรัฐธรรมนูญ วันที่ 12 ธ.ค. จะเริ่มสอบสวน ส.ส. และส.ว. ทั้งนี้นายวิชาระบุว่าอีก 1 เดือน จะมีความคืบหน้าในเรื่องการพิจารณาคดีนั้น จะจัดการผู้สมัครพรรคเพื่อไทย ก่อนวันเลือกตั้ง 2 ก.พ.57หรือไม่ ถ้าบรรดาผู้สมัครถูกชี้มูลต้องมีอันเป็นไปเสียก่อนวันเลือกตั้ง จากนั้นก็จะเหลือแต่พรรคประชาธิปัตย์ และเชื่อว่าพรรคประชาธิปัตย์คงไม่บอยคอตเลือกตั้งแล้ว ฉะนั้นกับดับก็ยังมีอยู่ เป้าประสงค์ของคน เหล่านี้ยังดำรงอยู่ต้องการมีอำนาจไม่ว่าวิธีการใดก็ตาม  ฝ่ายของประชาชนอย่าได้กระพริบตา.