วันที่ 8 พ.ย. นายศิริวัฒน์ จุปะมัดถา ผู้ประสานงานกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) พะเยา กล่าวว่า เนื่องจากขณะนี้ได้สังเกตเห็นว่าแกนนำพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) กำลังอ้างเรื่องการคัดค้านหรือต่อต้านร่างพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)นิรโทษกรรมสุดซอย หรือ เหมาเข่ง เพื่อยกระดับการชุมนุมไปสู่การล้มล้างรัฐบาลของพรรคเพื่อไทย(พท.) ซึ่งเป็นเป้าหมายซ่อนเร้นของฝ่ายค้าน เนื่องจากก่อนหน้านั้นประชาชนที่ไม่เห็นด้วยกับ พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ออกมาต่อต้านคือการไม่ยอมรับให้มีกฎหมายดังกล่าว แต่เมื่อรัฐบาล โดย นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ออกมาแถลงว่า พท.ได้มีมติและถอนร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ที่บรรจุอยู่ในสภา ออกหมดแล้วทั้ง 6 ร่าง ขณะเดียวกันคณะกรรมการบริหารพรรค พท. ก่อนหน้านั้นได้ออกมาแถลงข่าวยืนยันว่า แม้นร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมสุดซอย จะถูกวุฒิสภาตีตกหรือคว่ำร่าง พท. ก็จะไม่นำเข้ามาพิจารณาในสภาอีก ตรงนี้คือความจริงใจที่ พท.ได้แสดงออกมาแล้ว ดังนั้นการที่ ปชป.ยังเดินหน้าปลุกม็อบต่อไป ตนจึงเห็นว่ากำลังเปลี่ยนเป้าหมายลุกลามถึงการล้มรัฐบาล
ผู้ประสานงาน นปช.พะเยา กล่าวต่อว่า ดังนั้นทางแกนนำ นปช. หรือ เสื้อแดงส่วนกลาง ได้ออกมาประกาศจุดยืนที่จะปกป้องรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง เพราะเรื่องของ พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ถือว่า พท.ได้ยอมถอยและทบทวนท่าทีไปแล้ว เมื่อเสื้อแดงยังเคียงข้าง พท. แม้จะเห็นต่างไปบ้าง แต่ก็ไม่สามารถยอมให้มีการล้มรัฐบาลแต่อย่างใด ซึ่งส่วนกลางมีนโยบายจัดเวทีแสดงพลังของพี่น้องเสื้อแดง นปช.ภูมิภาค ขึ้น เพื่อร่วมกันปกป้องรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง วันที่ 12 พฤศจิกายน 2556 นี้ จะจัดขึ้นที่จ.เชียงใหม่ คาดว่าจะมีเสื้อแดงพะเยาไปร่วมไม่น้อยกว่า 100 คน ส่วนจังหวัดพะเยา กำลังวางแผนกันอยู่ว่าจะจัดขึ้นเมื่อใด หากจัดจะวางรูปแบบเวทีด้วยเป้าหมายสองประการสำคัญ คือ
1.ชี้แจงและทำความเข้าใจเรื่องพ.ร.บ.นิรโทษกรรมสุดซอย ต่อสาธารณชนทั่วไป และ
2. ชี้แจงต่อพี่น้องเสื้อแดงด้วยกันที่เห็นแตกต่างด้วยเหตุและผล
“ที่ผ่านมาผมก็เห็นแตกต่างจาก พท. และจุดยืนยังคงเดิม ตามที่ได้เคยย้ำว่า พท.ต้องถอยและปรับท่าที เมื่อประชาชนส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย หรือเสื้อแดงบางส่วนไม่เห็นด้วยก็ต้องทบทวน ซึ่งขณะพท. ถอยแล้ว ดังนั้นพวกเราเสื้อแดงจะขอติดตามพิสูจน์ในกระบวนการยุติธรรม ว่า จะมีการดำเนินการใช้กฎหมายตามหลักนิติรัฐ นิติธรรม อย่างที่ทุกฝ่ายเรียกร้องจริงหรือไม่ ซึ่งบุคคลผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายในกระบวนการยุติธรรมคือผู้ที่จะต้องพิสูจน์ให้เป็นที่ประจักษ์ ส่วนเรื่องของพรรค พท.นั้น เมื่อเราเลือกมาแล้วจะขอจัดการปรับปรุงแก้ด้วยมือของเราเอง ไม่จำเป็นต้องให้ฝ่ายค้านมาล้มล้าง” นายศิริวัฒน์ กล่าว
ที่มา ข่าวสด
